บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 908
บทที่ 908 จริงหรือหลอก
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ย้อนไปย้อนมา
ไฟฟ้าสว่างฟาดสว่างทั้งห้องหนังสือ ฝนดั่งเมล็ดถั่วตกลงมาหลังคา ข้ารับใช้ต่างเดินไปตามทางเก็บข้าวของ ขนาดกู้อ้าวเวยในชุดเขียวอ่อนกับโม่ซานก็รีบเข้ามาหลบฝนกันใหญ่
แต่กู้อ้าวเวยตรงทางเดินกลับได้ยินเสียงเอะอะจนตื่นขึ้นมา ปล่อยให้ละอองฝนสาดเข้ามาใบหน้า แต่กลับบิดขี้เกียจและนั่งพิง ดึงหมวกลงมามองดูซ่านเซิ่งหานในห้องหนังสือที่เดินออกมาอย่างรีบร้อน เดินมาตรงหน้านางพูดเสียงเบาว่า: “ตื่นแล้วไม่รู้จักหลบฝนอีก?”
คำพูดนี้มีความตำหนิติเตียนอยู่หน่อยๆ
กู้อ้าวเวยกลับอดไม่ได้หัวเราะขึ้นมา: “ข้าอยากดูว่าซ่านจินจื๋อทำยังไงกับนางที่นี่”
นางอิงลงไปบนเตียง ตบตรงที่นั่งข้างๆ และพูดว่า: “เมื่อก่อนพวกเราเหมือนจะเคยนอนอยู่ห้องเดียวกัน พูดแล้วเจ้าเป็นสุภาพบุรุษ แต่ตอนนี้ข้าดูแล้ว กลับสงสัยว่าเจ้าจะอคติที่ข้าไม่ได้มีร่างกายที่บริสุทธิ์แล้วหรือไม่”
ซ่านเซิ่งหานที่พึ่งนั่งลงก็ตัวแข็งทันที และมองเข้าไปดวงตาสีเทานาง นางพิงอยู่ด้านในและกอดขาที่เริ่มปวดของตัวเอง และพึมพำพูดว่า: “ข้าแค่ชินกับการคิดถึงคนอื่นในแง่ร้าย ถ้าเจ้าไม่ได้คิดเช่นนั้น ก็คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”
นางมองดูซ่านจินจื๋อที่เดินผ่านฝนมา เพื่อเช็ดหยาดฝนตรงเส้นผมของกู้อ้าวเวยเสื้อสีเขียวนั่น พูดตำหนิด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่าทำไมไม่ดูฟ้าอากาศ และให้คนเอาผ้าอุ่นๆมาดูแล
ดวงตาสีเทาคู่นั้นไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ กู้อ้าวเวยภายใต้ชุดสีขาวเอียงหัวมองซ่านเซิ่งหาน: “ทำไมเจ้ารู้ว่าข้าเป็นตัวจริง? ข้าอาจจะเป็นตัวปลอมก็ได้นะ”
เมื่อก่อนกู้อ้าวเวยพูดอะไร ซ่านเซิ่งหานจะเชื่อทั้งหมด
ก็เหมือนกับตอนนี้ สายตาซ่านเซิ่งหานมีความสงสัยก็ถูกกู้อ้าวเวยสังเกตเห็นได้ ในใจก็รู้สึกน่าขำสิ้นดี
นางไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ที่น่าขำคือคนข้างตัวไม่มีใครรู้
เช่นนี้แล้ว นางลุกขึ้นมาช้าๆ หุบยิ้มเดินอ้อมซ่านจินจื๋อไปนั่งตรงมุมทางเลี้ยว นอนพิงเสาดึงหมวกลงต่ำเหมือนจะอยากหลับต่อ ซ่านเซิ่งหานครั้งนี้ไม่ได้ตามไป และหยุดลงตรงข้างกู้อ้าวเวยอีกคน พูดเสียงเบาว่า: “ข้าอยากคุยกับเจ้า”
ซ่านจินจื๋อมองเขาอย่างระวัง ต่อมาซ่านเชียนหยวนก็มาดึงคนไว้ พูดว่า: “เสด็จอา งานแต่งของข้ายังต้องพูดคุยกับท่านอีก”
แม้จะรู้ว่าซ่านเซิ่งหานแค่อยากจะลองใจ แต่ในใจซ่านจินจื๋อกลับรู้สึกไม่ดี
กู้อ้าวเวยเดินตามซ่านเซิ่งหานไปข้างๆ และถามว่า: “ถ้าองค์ชายสามมาเพราะเรื่องก่อนหน้า ไม่ต้องคุยกับข้าตามลำพังหรอก”
“แค่อยากจะถามอะไรหน่อย เจ้ายังจำเรื่องตอนนั้นที่พวกเราเคยร่วมมือกันได้ไหม?” ซ่านเซิ่งหานตั้งใจพูด
“ร่วมมือกันเมื่อไหร่?” กู้อ้าวเวยมองซ่านเซิ่งหานอย่างสนใจขึ้นมา ยกมือขึ้นแตกไปที่อกของเขา: “ตอนนี้ซ่านจินจื๋อไม่เชื่อใจเจ้าแล้ว เจ้าจะมาถามเรื่องที่ไร้ประโยชน์อย่างนี้ทำไม ยิ่งไปกว่านั้น พวกเจ้าลองใจอยู่หลายครั้ง ถ้าคนที่ไม่รู้ คงคิดว่าในโลกนี้มีข้าอยู่สองคน พวกเจ้ายังจะอธิบายยังไง”
พูดถึงตรงนี้ นางหัวเราะเบาๆ นิ้วมือใช้แรงมากขึ้นกว่าเดิม: “เรื่องที่ข้าตกลงกับพวกเจ้าก็ต้องทำให้ได้แน่นอน แต่เจ้าต้องจำเอาไว้ อย่าถูกคนอื่นจูงจมูกเดินล่ะ ศัตรูตัวจริงอยู่ตรงหน้า ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ไม่มีประโยชน์”
เหมือนกู้อ้าวเวยเมื่อก่อนพูดจาเช่นนี้เมื่ออยู่กับเขา คำพูดน้ำเสียงเหมือนคำสั่ง
ซ่านเซิ่งหานก็ไม่พูดอะไรอีก กลับไปพร้อมนางก็แค่ส่ายหน้ากับซ่านจินจื๋อเท่านั้น
ถ้ากู้อ้าวเวยคนนี้รู้เรื่องทุกอย่างละก็ งั้นยู่ชีงที่เขาพากลับมา เป็นตัวจริงหรือปลอมกันแน่?
ไม่เพียงแต่เขา ขนาดซ่านจินจื๋อยังมองผู้หญิงชุดขาวตรงทางเดินอย่างไม่เข้าใจเลย โม่ซานเมื่อกี้บอกเรื่องผู้หญิงชุดขาวกับเขา ตอนนี้ที่ซ่านเซิ่งหานกับกู้อ้าวเวยคุยกัน
และกู้อ้าวเวยภายใต้ชุดขาวก็ฟังเสียงฝนแทบจะหลับแล้ว รอจนซ่านเซิ่งหานกลับมาหาตัวเองก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ต่อมาก็ยืนข้างนางด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ และเรียกนางตื่น: “เจ้ายังจำเรื่องที่พวกเราร่วมมือกันได้ไหม?”
กู้อ้าวเวยถูกรบกวนให้ตื่นครั้งที่สามแล้ว พูดด้วยอาการปวดหัวว่า: “จำไม่ได้แล้ว”
สีหน้าซ่านเซิ่งหานดูเคร่งขรึมลงทันที แต่กู้อ้าวเวยกลับหัวเราะพูดว่า: “ถ้าเจ้ากังวลว่าข้าเป็นตัวปลอม ก็ปล่อยข้าออกไปก็ได้ ข้าไม่บอกออกไปหรอก”
“งั้นยังไงก็ต้องมีคนเป็นหนอนบ่อนไส้” ซ่านเซิ่งหานดึงนางลงมาจากเสานั่น
“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล” กู้อ้าวเวยถูกเขาดึงไปข้างๆ มือข้างนั้นที่ดึงหมวกไว้ตลอดก็ปล่อยไว้ข้างๆอย่างขี้เกียจ
สามสองคำ ก็สามารถทำให้คนเกิดความขัดแย้งกันได้
น่าขำสิ้นดี
นางอดไม่ได้กระตุกยิ้มกับความคิดตัวเอง แต่ในใจกลับเย็นเฉียบ มองซ่านเซิ่งหานที่มากินข้าวในห้องโถงอย่างเหม่อลอย ตอนนั่งลงก็ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร แม้ถ้วยตะเกียบที่ไร้อาหารวางอยู่ตรงหน้า นางก็ไม่คิดจะยกมือขึ้นหยิบ
ตอนที่กำลังเงียบ ซ่านจินจื๋อก็พูดขึ้นก่อนว่า: “แม่หญิงใส่ผ้าปิดหน้าไว้จะกินข้าวอย่างไรหรือ?”
“ไม่กินก็ได้” กู้อ้าวเวยตอบเสียงเบา มือใต้โต๊ะดึงออกมาจากมือของซ่านเซิ่งหาน
“ถ้าไม่กิน เดี๋ยวร่างกายก็ทรุดลงอีกหรอก” กู้อ้าวเวยภายใต้ชุดเขียวอ่อนมองนาง ตักซุปให้นางหนึ่งถ้วยและไว้ตรงหน้านาง
กู้อ้าวเวยภายใต้ชุดขาวก็ครุ่นคิด ก็ยังส่ายหน้าเบาๆ ไม่พูดไม่จา
ซ่านจินจื๋อดูการกระทำของนางอย่างละเอียด ต่อมาก็เก็บสายตามองตากับซ่านเชียนหยวน อาหลานสองคนมองเห็นสายตาความงุนงงของทั้งสองฝ่าย
การกระทำของคนผู้นี้ต่างจากกู้อ้าวเวยมาก ขนาดซ่านเซิ่งหานยังคิดเช่นนี้
พอกินข้าวอิ่มแล้ว กู้อ้าวเวยถึงลุกขึ้นมาช้าๆ ฟังเสียงฝนตกที่ดังขึ้นเรื่อยๆ และยื่นมือออกไปรับน้ำฝน รู้สึกฝ่ามือเย็นๆก็รีบลดมือลง แต่สักพักก็ได้ยินเสียงแมวดังขึ้น
ข้ารับใช้อุ้มไว้คนละตัว แมวสองตัวตัวเปียกปอนไปหมด ขัดขืนอยากจะกระโดดลงมา
นางเอียงหัวเดินไปข้างหน้า ไม่สนใจเสียงพูดกระซิบคนด้านหลัง อุ้มแมวทั้งสองไว้ด้วยรอยยิ้ม หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าพวกมันให้สะอาด ต่อมาถึงเอาแมวสองตัววางไว้บนโต๊ะ เห็นสองตัวกำลังเลียขน ก็มีแต่ผ้าเช็ดหน้าที่รองอยู่บนเท้าของพวกมัน นางจุ๊บลงไปที่หูของพวกมันโดยมีผ้าปิดหน้ากั้นเอาไว้
“เป็นเด็กดีจริงๆ” ก่อนไปก็จับท้องเสี่ยวฮัวเล่น นางถึงรับร่มมาจากข้ารับใช้ เปิดออกและพูดกับซ่านเซิ่งหานว่า: “องค์ชายสาม ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถ้าไม่ไปเกรงว่าฝนจะตกหนักกว่านี้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็พักในจวนอ๋องจิ้งเสียเถอะ” ซ่านเชียนหยวนเดินไปหุบร่มของกู้อ้าวเวยลง และหัวเราะพูดว่า: “ฝนตกหนักแบบนี้ ข้าก็กะว่าจะนอนค้างที่นี่สักคืน”
กู้อ้าวเวยมองชายตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ และมองไปทางซ่านเซิ่งหานอีกครั้ง
นี่ไม่เหมือนกับที่พูดกันไว้ ซ่านเซิ่งหานน่าจะพาตัวเองออกไป แต่ไม่ใช่จับตัวเองมาและเปิดเผยตัวตนนาง
แต่ซ่านเซิ่งหานกลับเงียบไม่พูดจา สายตามองไปกู้อ้าวเวยอีกคนโดยไม่ละสายตา
นางหัวเราะออกมา ส่ายหน้าพูดว่า: “ไม่ต้องแล้วล่ะ ข้าไม่ใช่ญาติราชวงศ์อะไร พักในจวนอ๋องจิ้งคงไม่ได้”
ซ่านเซิ่งหานได้สติ กลับได้ยินเสียงภายใต้ชุดขาวพูดขึ้นด้วยเสียงหัวเราะว่า: “ของที่เจ้าอยากได้ จะส่งมาเร็วๆนี้ แต่ลูกเอ่อตันแดงนั่น ข้าไม่อยากกิน”
ทุกคำพูด กลับเหมือนกู้อ้าวเวยมาก