บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 931
บทที่ 931ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก
ในความฝันดวงดาวกระจัดกระจายไปทั่ว พยายามลืมตาอันหนักอึ้งขึ้นมา
หน้าต่างในห้องทิศตะวันออกและทิศตะวันตกถูกเปิดออก มีนายทหารยามเฝ้าอยู่ข้างๆหน้าต่าง ลมพัดเย็นๆมีเสียงผ่านลอดเข้ามาในหู อีกครึ่งหนึ่งของเตียงอันเย็นเฉียบ นางค่อยๆขยี้ผมที่อยู่บนศีรษะแล้วยันตัวเพื่อลุกขึ้นมาจากเตียง เงยหน้าขึ้นมองภาพสีเทาเป็นดวงๆตรงหน้าอย่างเหม่อลอย แล้วอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ว่า“นี่ฝนตกอีกแล้วหรอ?”
ทหารยามถูกเสียงที่เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้ตกใจเป็นการใหญ่ เขารีบตอบอย่างรวดเร็ว“ขอรับ คุณหนู”
“ชางหลานธารน้ำช่างเยอะจริงๆ”กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าในตอนที่ตัวเองมาส่วนมากจะเป็นเวลาฝนตกซะส่วนใหญ่ แต่ถึงจะมีวันที่แดดสาดส่องนางก็ยังคงขี้เกียจเคลื่อนไหวอยู่ดี
มาวันนี้ไม่สบาย คนรู้จักก็ไม่อยู่ข้างกาย นางลังเลสักพักก็มุดศีรษะเข้าไปในหมอนอันนุ่มนิ่มใช้ศีรษะไถไปมา แล้วก็พบว่าที่มือมีของบางอย่าง พอดูชัดๆ นางถึงพบว่ามันคือเชือกแดงที่ถูกตัดจนขาด ยังมีจี้ทองคำก่อนหน้านี้
นางยกมุมปากยิ้มๆแล้วก็ซ่อนไปในผ้านวม
ทหารยามที่อยู่ด้านนอกของประตูมองดูแวบหนึ่งแล้วก็ปิดหน้าต่างลงเล็กน้อย แล้วถามชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆไปว่า“ท่านอ๋องเคยบอกว่าไม่ควรถูกลมพัดถูก ท่าน……”
“ข้าดูยาที่นางกินเมื่อคืนแล้วล่ะ วันนี้ควรที่จะถูกลมพัดหน่อยถึงจะดี”ชายหนุ่มเดินไปที่ข้างๆหน้าต่างแล้วก้มหน้าเพื่อพินิจพิเคราะห์ชั่วครู่ด้านข้างของเตียงมีกล่องไม้ที่วางพะรุงพะรัง เขายักคิ้วขึ้นแล้วพูดขึ้นมาว่า“ถ้าหากไม่สามารถเข้าไปได้ แล้วจะแยกแยะยาพวกนี้ได้อย่างไร?”
“ท่านคือบุรุษ ท่านอ๋องกลัวว่าท่านจะทำมิดีมิร้ายคุณหนู……”
“อย่างน้อยข้าก็ถือได้ว่าเป็นลูกศิษย์ของนาง”จางเหยียงซานยกมือขึ้นเพื่อห้ามปรามบทสนทนาของทหารยาม ทำได้เพียงแค่มองแยกแยะยาพวกนั้นอย่างละเอียดอยู่นอกหน้าต่าง อีกด้านหนึ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับความตกใจไม่ว่านางจะพบเจอเรื่องอะไรมา ก็จะคอยจัดวางยาให้พร้อมอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ทหารยามไม่กล้าเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว จางเหยียงซานทำได้เพียงเท่านี้
ผ่านไปได้ไม่นาน ทหารยามก็ดึงเขาไปข้างๆ“ท่านอ๋องบอกว่าอย่างมากหนึ่งก้านธูป”
เส้นเลือดตรงขมับของจางเหยียงซาน มองจ้องทหารยามเปิดประตูออกไปใหม่อีกครั้งต่อหน้าต่อหน้า
“เจ้ามายืนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทำไมไม่ไป?”มีเสียงหนึ่งดังลอดมาจากด้านหลัง
จางเหยียงซานหันหน้ากลับมา ฟังทหารยามข้างๆที่โค้งทำความเคารพ“พระชายาจงผิง”
“อยู่ข้างนอกก็ไม่จำเป็นต้องเรียกแบบนี้หรอก ชื่อยาวเกินไป”ฉีหรัวปัดมือหยอยๆแล้วเดินไปยืนข้างๆจางเหยียงซาน พอฟังเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ นางก็ส่ายหน้าอย่างขยะแขยง“ข้าจะเข้าไปข้างในช่วยเจ้าเอาของ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลย ข้าจะไปจับชีพจรของจี้ซู”จางเหยียงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยปรากฏตัวที่ตำหนักอ๋องจิ้ง เพียงเพราะว่ามียาพิษบางชนิดไม่ค่อยสะดวกที่จะวางไว้ในจวน ตอนแรกครั้งนี้เขากะจะมาเจรจาหารือกับกู้อ้าวเวย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพอมาถึงแม้แต่ธรณีประตูยังก้าวเข้าไปไม่ได้
ตอนแรกฉีหรัวยืนอยู่ข้างๆเตียงคอยจัดยาสมุนไพรอย่างระมัดระวัง กู้อ้าวเวยที่อยู่บนเตียงกลับถูกเสียงดังรบกวนทำให้ตื่น นางที่สะลึมสะลืออยู่มองหน้าฉีหรัว“อรุณสวัสดิ์”
“นี่มันตอนเที่ยงแล้วนะ”ฉีหรัวมองไปที่นางอย่างหมดคำพูด“เมื่อครู่ตอนที่เจ้าหลับอยู่ ท่านอ๋องกับซ่านเชียนหยวนพาพวกผู้หญิงในตระกูลขึ้นไปที่หลังเขา เกรงว่ากว่าจะกลับมาถึงก็ค่ำแล้ว”
“อ่อ”กู้อ้าวเวยเอ่ยปากขึ้นอย่างเนิบๆ ยันตัวขึ้นมาเพื่อช่วยฉีหรัวจัดเรียงยาสมุนไพรแล้ว ถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่า“จี้ซูตั้งครรภ์อยู่ยังจะขึ้นไปที่หลังเขาอยู่หรอ?”
“แน่นอนว่านางต้องไปอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่ออกมานางจะคอยระมัดระวังอยู่ทุกเมื่อ มาวันนี้แม้แต่ห้องก็ไม่เคยออก ท่านอ๋องสั่งให้คนพานางไปสวดมนต์ที่วัด สักครู่ไม่ได้อยู่ในวังหลัง เจ้าไปเดินดูหน่อยก็ได้นะ”ฉีหรัวพูดขึ้นอย่างยาวเหยียด มองดูกู้อ้าวเวยเหมือนคนที่ไม่มีอะไรทำ ของมอบให้นางมาเอาด้วยตัวเอง
พอรอยาทุกอย่างถูกส่งมอบไปให้ฉีหรัวแล้ว นางถึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า“เจ้าเอายาสมุนไพรข้าไปทำไม?”
“ให้จางเหยียงซานเอาไป เขาน่าจะสามารถช่วยเจ้าได้”ฉีหรัวอุ้มยาพวกนี้ขึ้นมาแนบอกอย่างหน่ายใจ ก็เห็นนางพยักหน้าแล้วคลำหาเสื้อที่อยู่บนเตียง ทำได้เพียงแค่ยักคิ้วแล้วปีนขึ้นมาบนเตียงใหม่หยิบเสื้อผ้าของนางขึ้นมาวางไว้ในมือ“ยาสมุนไพรเจ้าจำได้ว่าวางไว้ที่ไหน เสื้อผ้าทำไมจำไม่ได้ล่ะ?”
พอขำแห้งๆไม่กี่ครั้ง กู้อ้าวเวยก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นมา จับแขนเสื้อของฉีหรัวแล้วเดินไปข้างนอก
หลังจากนั้นในสวนก็มีเสียงของซ่านจินจื๋อทักทายดังขึ้น ไม่มีแม้แต่เงาของคนด้วยซ้ำ รอบสี่ทิศล้วนเต็มไปด้วยคนของซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยจนถอนหายใจอย่างโล่งอกเบาๆ แล้วตามฉีหรัวไปหาจางเหยียงซาน นางแทบจะจำจางเหยียงซานไม่ได้เลย แต่พอพูดคุยด้วยกันไม่เกิดสองประโยคก็รู้สึกว่ามีเรื่องที่สนใจเหมือนกัน แต่พอผ่านไปชั่วครู่ก็เริ่มพูดคุยกันขึ้นมา
ฉีหรัวนั่งอยู่ข้างๆคอยรินชาให้ตนเอง แล้วสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ“ไปนำอาหารมาเถอะ”
“เจ้าค่ะ”สาวใช้รีบเดินจากไป
จางเหยียงซานก็พูดขึ้นมาว่า“หญ้าเย้นที่เจ้าบอกน่ะข้าก็เคยได้ยินมาก่อนนะ ในมือมีเล็กน้อย”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปไหว้เทพเย้นที่ดินของวัดมารึยัง?”กู้อ้าวเวยถาม
จางเหยียงซานส่ายหน้า“เจ้าก็เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจพวกนี้หรอ”
“ข้าไม่ได้กราบไหว้ เพราะฉะนั้นจึงถูกงูกัดเข้าให้”กู้อ้าวเวยยกมือของตัวเองขึ้นมา ให้เขาดูรอยแผลสองจุดบนนั้น แล้วพูดขึ้นมาอีกว่า“แต่ข้าก็นำมันมาทำเป็นเหล้าดองงู”
จางเหยียงซานตกใจ แก้วในมือของฉีหรัวสั่นเล็กน้อย
กู้อ้าวเวยเหมือนจะไม่เห็นสีหน้าของคนทั้งคู่ เขาเอ่ยปากพูดเองเออเองว่า“หลังจากที่ข้าหายป่วยมือเท้าก็เย็นเฉียบ ยังคิดอยู่เลยว่าแถวนี้ไม่เหล้าดองกระดูกเสือขายหรอ แต่มาวันนี้นึกขึ้นมาได้ว่า เหมือนเหล้าดองงูก็ไม่เลวนะ”
จางเหยียงซานปวดศีรษะจนต้องนวดคลึงขมับ“ไม่ต้องสนใจเรื่องเหล้าพวกนี้แล้ว ค่อยๆทีละขั้น”
“ถ้าหากก้าวแรกสำเร็จ เหตุใดยังต้องค่อยๆทีละก้าวด้วยล่ะ?”กู้อ้าวเวยเอียงศีรษะเล็กน้อย นางนำตำราวิธีรักษาโรคที่เขียนตอนไม่มีอะไรทำวางไว้บนโต๊ะใช้ที่ทับกระดาษทับไว้ แล้วพูดขึ้นมาว่า“มีบางวิธีรักษาที่ใช้คู่กับเหล้าดองกระดูกเสือไม่เลวเลยนะ แบบนี้พอฟ้ามืดครึ้มฝนตกก็จะไม่เจ็บอีกต่อไป”
เลือกกระดาษออกมาไม่กี่แผ่น จางเหยียงซานพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ“นี่เป็นเคล็ดลับของสำนักเยียนหยู่เก๋อใช่ไหม”
“เป็นยาที่แก้ปรับสูตรแล้วน่ะ แต่ยังไม่ได้ทดลอง ใช้ตอนฤดูหนาวจะทำให้ผิวแห้ง”กู้อ้าวเวยขยี้หัวเบาๆ นำตำรับยาที่วางไว้ข้างในดึงออกมาลูบไปมาอยู่สองครั้ง ตะลึงงันอยู่กับที่“เหมือนกับข้าจะหยิบผิด ทั้งปึกนี้เป็นตำรับสูตรของสำนักเยียนหยู่เก๋อ”
ฉีหรัวรีบก้าวไปข้างหน้าไปแย่งตำรับสูตรพวกนั้นมา“เจ้ายังเอาอะไรมาผิดอีก?”
พอลูบคางไปมาแล้ว กู้อ้าวเวยก็คิดใคร่ครวญ“ข้าไม่ได้เอาเสื้อมาด้วย”
“เฉิงซานไม่ได้ช่วยเจ้าเตรียม……”จางเหยียงซานยังพูดไม่ทันจบก็รู้สึกขึ้นมาได้ เพียงแต่กลัวว่าซ่านจินจื๋อจะไม่ยอมปล่อยให้เฉิงซานชายหนุ่มคนนี้ไปช่วยนางจัดเตรียมเสื้อผ้า ฉีหรัวมีสีหน้าเคร่งขรึม“สาวใช้ของเจ้าล่ะ?”
“ข้านอนอยู่บนรถม้ามาคืนหนึ่ง พวกนางหาข้าไม่เจอ”กู้อ้าวเวยขยี้จมูกอย่างเขินๆ แล้วพิงกับโต๊ะเบาๆ“ละแวกนี้มีเสื้อผ้าขายอยู่มั้ง”
“เสื้อผ้าถูกๆมันมีอยู่แล้ว”ฉีหรัวคิดแล้วคิดอีก ก็สั่งสาวใช้ไปซื้อเสื้อผ้าที่เนื้อผ้าดีหน่อยมาจากเมืองไกลๆ อย่างไรเสียคนตรงหน้าก็เป็นลูกสาวของจักรพรรดิเอ่อตาน และยังเป็นหญิงในดวงใจของอ๋องจิ้งอีก สวมชุดผ้าขี้ริ้วเช่นนี้กลับมา คงจะถูกอ๋องจิ้งอบรมเป็นการใหญ่แน่
กู้อ้าวเวยจึงเบาใจลง เอาแต่คิดถึงเรื่องส่วนผสมของสมุนไพร
จางเหยียงซานพูดกับฉีหรัวที่อยู่ข้างๆ“หากไม่มีใครคอยดูแลนางข้างๆ วันๆก็คงไม่รู้จะอยู่อย่างไรแล้ว”
“เจ้าดูนางสิ ข้ามีธุระนิดหน่อยต้องออกไป ”ฉีหรัวลุกขึ้นยืนอย่างหน่ายใจ
“ไปไหน?”กู้อ้าวเวยถาม
“จี้ซูไม่ยอมให้จับชีพจรชายาอ๋องจงผิงเช่นข้าจะไปดูเสียหน่อยเพื่อเป็นการแสดงมารยาท”นัยน์ตาของฉีหรัวมีแสงบางอย่างแวบผ่านไป เพียงแต่น่าเสียดายกู้อ้าวเวยมองไม่เห็น