บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 935
บทที่ 935 การปิดบังอย่างหวังดี
“เจ้ามองไม่เห็นอะไรสักหน่อย จะสามารถช่วยอะไรได้”ซ่านจินจื๋อกอดอกมองไปที่นางด้วยความปวดหัว บนร่างกายของนางสามารถพูดได้ว่าเป็นเสื้อผ้าที่เก่าขาดมาก เขาพูดเสียงเบา“มีเวลานี้ เจ้าไปดูแลเสด็จอาไม่ดีกว่าหรือ อย่าให้เขาเที่ยววิ่งไปไหนมาไหน บนหลังคาถ้าไม่ใช้เขาโยนคนออกไปก่อน กลับว่าเจ้าจะถูกระเบิดจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก……”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นั่นเอง……
ถึงว่าล่ะเขาถึงได้ไม่สักที
กู้อ้าวเวยรู้สึกจมดำดิ่งลงไป บนใบหน้ากลับมีความเรียบเฉยอยู่มาก“เขาไม่อยากให้ข้ารู้ เพราะฉะนั้นข้าเลยทำให้เขาสลบอยู่ในห้องนั้น ข้าอาศัยเวลาตอนเขายังไม่ตื่น มาช่วยเจ้าคิดแผนการน่ะ”
“เจ้าวางยาสลบเสด็จอา!”ซ่านเชียนหยวนจับหัวแล้วร้องอย่างตกใจ เมื่อก่อนคนที่เป็นคนร้ายแทบจะตายจนไม่เหลือเถ้ากระดูก เหตุใดนางถึง……ถึงกล้าลอบวางยาสลบท่านอ๋อง!ยังพูดอย่างมั่นใจขนาดนี้!
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรข้ารอรับโทษจากเขาก็ได้”กู้อ้าวเวยยกมือขึ้น ตัดบทของซ่านเชียนหยวนแล้วลุกขึ้นยืน ได้ยินเสียงของเขากำลังบ่นพึมพำอยู่ จึงพูดขึ้นมาว่า“ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“เจ้านั่งลงก่อน”ซ่านเชียนหยวนดึงมาอยู่ข้างหลังของนาง ตัวเองนั่งอยู่บนหน้าโต๊ะ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม“ตอนเช้าข้าควรที่จะต้องกำลังสวดภาวนาอยู่ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงนักบวชบอกว่าเห็นเงาของคนอยู่ข้างล่างเขา ก็คิดว่าเป็นชาวบ้านที่กำลังขึ้นเขามาทำบุญ พอคิดๆว่าฝนกำลังตกกระหน่ำ จึงได้ส่งคนเณรสองรูปไปรับ แต่พอลงจากบันได ชาวบ้านพวกนั้นบอกว่าเหนื่อยแล้วขอพักก่อน ให้เณรสองรูปนำไปก่อน รอให้เณรสองรูปกลับไปยังวัดแล้ว ทางบนเขาก็ถูกระเบิด”
มือของกู้อ้าวเวยที่กอดอกอยู่ค่อยๆกอดแน่นขึ้น ดังนั้น คนพวกนี้เหมือนจะไม่ได้อยากจะฆ่าคน
“พวกเขาไม่ยอมสังหารเณรสองรูปนั้น กลับให้คนนำลูกระเบิดมาโจมตีอย่างนั้นหรอ?”กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วขึ้น
ซ่านเชียนหยวนตะลึงไปชั่วครู่ เขาขยี้ศีรษะก่อนหน้าที่ที่คิดไม่ถึง เขาพูดขึ้นมาว่า“เจ้าพูดถูกแล้ว แบบนี้มันขัดแย้งกัน หลังจากนั้นข้าก็ได้พาคนไปดูที่ทางบนเขา เสด็จอาพาคนไปย้อนกลับมา หลังจากนั้นก็พบว่าคนร้ายที่นำลูกระเบิดมาด้วยมุ่งไปยังที่พักของเสด็จอา หลังจากนั้นเสด็จอาก็ได้ช่วยชีวิตเจ้า……”
“ปล่อยให้เณรสองรูปขึ้นมาอาจจะเป็นสัญญาณก็ได้”กู้อ้าวจับไปที่คาง พอนึกๆดูแล้วร่างกายของคนผู้นั้นควรจะถูกระเบิดจนร่างแหลกละเอียดไปแล้ว อีกทั้ง……
“ถ้าหากเป้าหมายของพวกเขาคือซ่านจินจื๋อจริงๆ หรือจะเป็นสิ่งของของซ่านจินจื๋อ ก็ควรจะโจมตีตอนที่กำลังระเบิดทางบนภูเขาแล้ว แต่ยังรอที่จะระเบิดทางบนภูเขาเสร็จแล้ว ทุกคนต่างพากันหนีเตลิดเปิดเปิงออกจากวัด มันดูตั้งใจมากเกินไป”กู้อ้าวเวยตั้งใจวิเคราะห์อย่างละเอียด ปลายนิ้วใช้แรงเล็กน้อย เหมือนตรงคางจะถูกบีบจนแดงขึ้น
แต่ซ่านเชียนหยวนกลับเงียบลง
เขาไม่ได้ฉลาดเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้กำลังให้ความสำคัญกับหญิงที่อยู่ตรงหน้า เขามีความคิดหนึ่งแล้วล่ะ
“หรือว่าคนที่ตายจะตั้งใจให้เสด็จอาเห็น”เสียงของซ่านเชียนหยวนเบากว่าเมื่อครู่
กู้อ้าวเวยเอียงศีรษะถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ“แต่ถูกซ่านจินจื๋อพบเข้า ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถมาที่เซียงฝางได้หรอก”
“ถ้าหากลูกระเบิดเป็นเพียงแค่สัญญาณล่ะ?”ซ่านเชียนหยวนรีบลุกขึ้นมา สายตามองไปที่กู้อ้าวเวย สุดท้ายก็มาตกอยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง“มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเจ้าอยู่กับเสด็จอา แต่ตอนนี้ตำหนักอ๋องจิ้งว่างเปล่า ถ้าหากพี่สามติดต่อกับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องรู้ว่าเจ้าไม่ได้อยู่ที่จวนองค์ชายสามเป็นแน่”
พอฟังถึงตรงนี้ ก็เหมือนกับเมฆหมอกปริศนาทุกอย่างถูกคลี่คลายออกไป
กู้อ้าวเวยกัดฟันกรอดปิดใบหน้าของตัวเองไว้ ภาพตรงหน้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ หัวใจดวงนั้นราวกับถูกน้ำแข็งค่อยๆคืบคลานเกาะกุม ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น
“พวกเขากำลังตามหาข้า ฮ่องเต้อยากทำให้แน่ใจว่าซ่านจินจื๋อไม่สนใจข้าแล้วจริงๆ”
ถ้าหากซ่านจินจื๋อลงมือช่วย คนผู้นั้นระเบิดตัวเองฆ่าตัวตายนั่นก็คือสัญญาณ
ถ้าหากซ่านจินจื๋อห่วงใยจี้ซูหรือตัวปลอมอีกคนหนึ่งมากกว่า คนผู้นั้นอาจจะเดินผ่านหลังคาไปก็ไม่แน่
“ฮ่องเต้กำลังทดสอบเรื่องทั้งสองอยู่ หนึ่งในนั้นคือข้ายังอยู่หรือไม่ สองคือซ่านจินจื๋อรู้หรือไม่ว่าตกลงใครคือตัวจริงกันแน่”กู้อ้าวเวยหัวเราะอย่างเย้ยหยัน“เพราะว่ากู้อ้าวเวยตัวปลอมคนนั้นไม่มีวิธีส่งข่าว เพราะฉะนั้นเขาอดรนทนรอไม่ได้ที่อยากจะรู้ความจริง”
ถึงจะต้องทำให้ซ่านจินจื๋อบาดเจ็บก็ไม่รู้สึกเสียดาย
ทันใดนั้นกู้อ้าวเวยก็รู้สึกได้ถึงเบื้องหลังของเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่คิดไว้ นางเปิดปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“แต่ทางบนภูเขาต้องถูกระเบิดจนไม่เหลือซากแล้วแน่ ยังตั้งใจเลือกช่วงเวลาหน้าฝนที่เดินทางได้ยากอีกต่างหาก ยิ่งเหมือนกับว่ากำลังขัดขวางไม่ให้พวกเราเดินทาง”
“เพราะอะไรกันล่ะ?”ซ่านเชียนหยวนถาม
“ไม่รู้สิ แต่เรื่องนี้ดูไปแล้วต้องปิดเรื่องอย่าให้ซ่านจินจื๋อรู้นะ”กู้อ้าวเวยส่ายหน้า คิดอะไรไม่ออก นางจึงสะบัดศีรษะไปมา“ช่างเถอะ คิดเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้งก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เจ้าไปดูสิว่าสถานการณ์ที่วัดในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“สถานการณ์อะไร?”
“ว่าตอนนี้มีอาหารเหลืออยู่อีกกี่วัน รวมถึงไปดูว่าสถานการณ์ทางที่ถูกระเบิดตอนนี้เป็นอย่างไร ทางบนหลังเขาถูกขวางไว้หรือไม่ สุดท้ายดูว่าฝนตกครั้งนี้น่าจะตกถึงเมื่อไหร่”กู้อ้าวเวยเอานิ้วขึ้นมาทำท่านับเลข สุดท้ายจึงเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้“ใช่แล้ว ยังมีจี้ซูที่ตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ดูสิว่านางเป็นอย่างไรบ้าง แล้วส่งคนไปหาตงหางซวนเอ๋อกับเจ้าตัวปลอมนั่น เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกนางสองคน”
ซ่านเชียนหยวนพยักหน้าอย่างงุนงง แล้วตบไปที่ศีรษะ“เจ้าเตือนข้าเรื่องนี้”
“อะไรหรอ?”กู้อ้าวเวยถาม
“เมื่อครู่องครักษ์บอกว่าสมุนไพรของเสด็จอาไม่น่าจะพอ……”
“พอ ข้านำยาที่รักษาแผลจากไฟไหม้มาจำนวนไม่น้อย ก่อนหน้านั้นให้เตรียมไว้ให้โม่ซาน ล้วนวางอยู่หลังรถม้า”กู้อ้าวเวยถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่
พูดมาถึงตรงนี้ ซ่านเชียนหยวนก็รู้คร่าวๆแล้วว่าควรจะทำอย่างไร เห็นนางที่ยังเท้าเปล่าอยู่ จึงสั่งการโย่วหลีที่อยู่ข้างๆ“เจ้าส่งนางกลับหลังจวนไปก่อนเถอะ อย่าให้เสด็จจับได้ล่ะ”
“ช้าก่อน เขาไม่อยากให้ข้ารู้เรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บ ถือซะว่าข้าไม่ได้มาที่นี่นะ”สองมือของกู้อ้าวเวยประสานเข้าหากันทำท่าทำทางขอร้อง โย่วหลีเดินเลี่ยงไปจากตำแหน่งที่นางยืนอยู่เล็กน้อย เพื่อไม่ให้ถูกฆ่าตัดตอน
ซ่านเชียนหยวนมองดูท่าทางของทั้งสองคนอย่างกลั้นขำ แล้วโบกมือ“ข้ารู้แล้ว กลับกันเจ้าอย่าได้ถูกเสด็จอาจัดการเข้าล่ะ”
ในตอนที่กู้อ้าวเวยกลับเข้าไปในห้องของตัวเองใหม่อีกครั้ง ทันแค่เปลี่ยนยาสลบกับหมอนสมุนไพร เฉิงซานช่วยนางนำของพวกนี้ไปซ่อนบนรถม้า นางค่อยเอนกายนอนลงด้วยท่าเมื่อครู่อย่างระมัดระวัง
ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ซ่านจินจื๋อที่ได้รับบาดเจ็บก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมาในตอนกลางดึก ตอนแรกกู้อ้าวเวยที่ควรจะแนบสนิทตัวติดกันตอนนี้กลับถูกผ้าห่มห่อตัวอยู่ในซอกมุมหนึ่ง เขากำลังลุกขึ้น เตรียมที่จะทำความสะอาดแผลในตอนที่กู้อ้าวเวยยังไม่ตื่น แต่เขากลับมองเห็นฝุ่นดำกลุ่มหนึ่งอยู่บนเตียง
เขาจึงขมวดคิ้วเบาๆ ซ่านจินจื๋อยืดแขนยืนตัว ดอมดมกลิ่นผมของนาง
มีกลิ่นดินปืนเล็กน้อย ในขณะที่กำลังตะลึงอยู่นั้น เขาก็นวดคลึงตรงขมับ ไม่รู้ว่าอาการเวียนศีรษะเป็นเพราะบาดแผลหรือเพราะอย่างอื่น เงียบอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็เอนกายนอนกลับไปใหม่อีกครั้ง เลี่ยงตรงบาดแผลแล้วจึงแนบกายเข้ากับแผ่นหลังของกู้อ้าวเวย กระทั่งยังได้กลิ่นแป้งผัดหน้าอ่อนๆ เป็นกลิ่นเดียวกับบนตัวของฉีหรัว
“ตื่นแล้วหรอ?”กู้อ้าวเวยเปิดปากพูดขึ้นไม่ขยับตัวไปไหน
“นอนหลับลึกมาก เจ้าล่ะ?”ซ่านจินจื๋อยกมุมปาก แล้วซุกตัวเข้าไปในไหปลาร้าของนาง
กู้อ้าวเวยในใจเต้นตึกตัก เกาแก้มแล้วจึงตอบกลับไปว่า“ข้าหิวแล้ว”
“ข้าจะไปเอาอาหารมา”
“ให้เฉิงซานไปเอานั่นแหละดีแล้ว”กู้อ้าวเวยรีบกอดเขากลับจนแน่น เป็นความรู้สึกเหมือนกับจะไม่อาจเห็นซ่านจินจื๋อได้อีก ยังคงเปิดปากพูดอย่างกัดฟัน“เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าที่นี่นั่นแหละ ได้ไหม?”
“ได้สิ”ซ่านจินจื๋อเอาคางเกยบนศีรษะของนาง ปลายนิ้วปาดฝุ่นที่อยู่บนผมลงม