บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 942
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 942 ดีร้ายอย่างละครึ่ง
กู้อ้าวเวยถูกปลุกขึ้นมาจากเสียงปิดประตู
นางยกตัวขึ้นมาเรียกฉีหรัว แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงของซ่านจินจื๋อ“ข้าพึ่งไปพบตงฟางซวนเอ๋อมา เจอเรื่องไม่น้อยเลยล่ะ”
“เป็นอะไรไป?”กู้อ้าวเวยกลับไปในผ้าห่มอีกครั้ง พอคิดแล้วตงฟางซวนเอ๋อคงไม่พูดสาระสำคัญอะไรหรอก หรือนางอาจจะหวังแค่อยากจะมีลูกกับซ่านจินจื๋อจริงๆ?
รอจนซ่านจินจื๋อเล่าเรื่องของฝ่ายตรงข้ามออกไปทั้งหมด นางก็อดที่จะตบหัวตัวเองไม่ได้ ทำให้นึกประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ คนที่อยู่ในห้วงความรักล้วนเป็นคนโง่
มองไปยังนางที่บนศีรษะของตัวเองอย่างแปลกใจ ซ่านจินจื๋อถามขึ้นมาว่า“เจ้าคิดอย่างไร?”
“พิษที่ออกฤทธิ์ช้าไม่สามารถทำให้เจ้าตายได้หรอก ฮ่องเต้ไม่มีทางล่วงรู้เรื่องทุกอย่างราวกับเทพได้หรอก แม้แต่ตงฟางซวนเอ๋อยังคายทุกอย่างออกมาให้เจ้าเลย แต่คำพูดของตงฟางซวนเอ๋อจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง แต่กลับมีเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องจริง”กู้อ้าวเวยลุกขึ้นมาจากเตียง“นั่นก็คือองค์หญิงหลิงเอ๋อร์ยังไม่ตาย”
“ยังมีอีกเรื่องที่สามารถมั่นใจได้”ซ่านจินจื๋อนั่งอยู่หัวเตียง พิงศีรษะกับหัวเตียงเหมือนกับกู้อ้าวเวย พลางเอ่ยเสียงต่ำ“ตระกูลตงฟางเป็นหมากของฮ่องเต้ อีกทั้งฮ่องเต้ไม่อยากให้ข้าเป็นฮ่องเต้จริงๆ”
“ดูออกจากตรงไหน?”กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ
ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะส่งคนมาปิดทางที่ไว้ ในขณะเดียวกันยังอยากจะทดสอบว่านางอยู่ที่นี่หรือไม่ แต่นอกเหนือจากนั้น จะบอกได้อย่างไรว่ฮ่องเต้ไม่นึกถึงเรื่องของซ่านจินจื๋อ?
“มองออกตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วล่ะ เพียงแต่เจ้าไม่ได้สังเกตเห็นเท่านั้นเอง”ซ่านจินจื๋อยกมุมปากยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนที่กู้อ้าวเวยจะพูดเขาได้ยกปลายนิ้วขึ้นไปแตะระหว่างคิ้วที่ขมวดขึ้นมาของกู้อ้าวเวย พลางเปิดปากพูดขึ้นมาว่า“เจ้ารู้ไหมว่าตอนนั้นข้ากลับไปที่เมืองเทียนเหยียนตั้งหลายปี และยังไม่เชื่อในเหตุผลของเขาเลยหรอ?”
“เพราะว่าเขาอยากกำจัดให้ซูพ่านเอ๋อตาย?”กู้อ้าวเวยนวดคลึงไปที่หว่างคิ้วที่ถูกจิ้มจนเจ็บ
“เพราะว่าเขาไม่เคยโทษเรื่องการตายของหยูนซีเป็นความผิดของใครเลย อีกทั้งตอนนั้นข้าไม่ได้กระทำการข่มขืนสตรีเพื่อชิงทรัพย์จริงๆหรอกนะ เหตุใดราชสำนัก ในเมืองเทียนเหยียนต่างลือกันว่าข้าเป็นคนโหดเหี้ยม ทำอะไรด้วยไม่สนใจกฎของบ้านเมือง”น้ำเสียงของซ่านจินจื๋อเบาลง มาวันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองในตอนนั้นคาดการณ์ไม่ผิด
แต่พออยู่ในห้วงความคิดอยู่นาน กู้อ้าวเวยถึงรู้รู้สึกว่าเรื่องนี้มันผิดปกติ
องค์ชายสามซ่านเซิ่งหานรวบรวมกำลังคนอย่างลับๆ เพื่อที่ตนเองจะได้ไม่เป็นนกจ่าฝูงและถูกเหล่าขุนนางเพ่งเล็ง องค์ชายหกในตอนนั้นพอหลังจากที่ได้รับชัยชนะกลับมาก็ถูกทำให้จมอยู่ในเหวลึก แม้แต่องค์ชายสี่ซ่านเชียนหยวนถึงแม้จะเที่ยวเตร็ดเตร่ แต่ก็ไม่เคยกล้าจองหองกับฮ่องเต้ พอมาถึงเมืองเทียนเหยียนก็สำรวมทันที
แต่ซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้ทำอะไรเกินไป แต่กลับมีชื่อเสียงเช่นนี้
นางใช้ไหล่กระทุ้งซ่านจินจื๋อเบาๆ แล้วพูดเสียงเบา“เขามักจะปล่อยเจ้าอยู่ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนอันโหดร้ายเสมอ”
“มาวันนี้ก็เช่นกัน”ซ่านจินจื๋อมองดูมือเล็กๆของกู้อ้าวเวยวางอยู่ในฝ่ามือของเขา ความปวดร้าวใจในใจก็เหมือนหายไป“แต่ตอนนี้ เขายังไม่ได้สั่งให้คนกำจัดข้าเพราะอะไรบางอย่าง ถึงบนหยกมันจะมีพิษ แต่ก็เป็นสิ่งที่เขาบอกให้คนวางยาพิษ”
“เหตุใดเจ้าถึงคาดการณ์ว่าเขาจะลงมือกับไทเฮา?”กู้อ้าวเวยขยี้ผมที่รกรุงรัง
“เพราะว่าตอนนี้คนที่สามารถจูงจมูกข้าได้ นอกจากเจ้า ก็มีแค่เสด็จแม่แล้ว”ซ่านจินจื๋อพลิกตัวขึ้นเตียง นอนในท่าที่สบาย นอนอยู่บนตักของกู้อ้าวเวยพลางพูดขึ้นมาว่า“อีกทั้งเขาต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าตระกูลตงฟางกับองค์ชายสามเคยร่วมมือกันมาก่อน นี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมตงฟางซวนเอ๋อถึงเอ่ยถึงไทเฮา ในความทรงจำของท่านพี่ หุ่นเชิดจะต้องไม่รู้เรื่องอย่างอื่น”
“แต่เขาคงดูถูกความสามารถของตระกูลตงฟางไป”กู้อ้าวเวยตกใจเป็นอย่างมาก นางได้แต่ยกมือขึ้นมาคลำใบหน้าของซ่านจินจื๋ออย่างอ่อนโยน ถอดหมวกที่อยู่บนศีรษะลงมา แล้วขยี้ปอยผมอันแข็งทื่อของซ่านจินจื๋อ พลางเอ่ยเสียงเบา“อีกทั้งเขาอาจจะรู้แค่เพียงว่าองค์ชายสามที่เคยไปอารามไป๋หม่ารู้เรื่องราวเล็กน้อย แต่เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าลูกชายของเขาจำฆ่าเขา”
“เขาอยากสังหารเสด็จพี่?”ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นซ่านจินจื๋อที่ตกใจ
“น่าจะมีความคิดนี้นะ ในตอนที่เขาอยู่ในจวนวันนั้น เขาไม่ลังเลที่จะถอดทิ้งตัวปลอมอย่างข้า”กู้อ้าวเวยหัวเราะพลางชี้ไปที่จมูกของตัวเอง พลางพูดขึ้นมาว่า“เพราะว่าได้ตัวข้าไปก็สามารถนำข้าไปเป็นตัวต่อรองกับฮ่องเต้ได้ หลังจากนั้นพอได้บัลลังก์แล้ว เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่ลังเลที่จะจับตัวข้าไว้ หลังจากนั้นเพราะว่าไม่สามารถแยกแยะเรื่องจริงไม่จริงได้จึงทำให้แหวกหญ้าให้งูตื่นได้ง่าย อย่างไรเสียตัวปลอมจะต้องติดต่อกับฮ่องเต้ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยทอดทิ้งข้าเร็วขนาดนี้”
“เป้าหมายของเขาง่ายมาก วิธีจัดการก็ง่าย”เสียงของกู้อ้าวเวยค่อยๆเบาลง
แสงของฟ้าแลบทะลุผ่านท้องฟ้า เสียงฟ้าผ่าตามลงมา
แต่ท่าทางของกู้อ้าวเวยยังคงอ่อนโยน นางพูดต่อไปว่า“อีกทั้งข้าจำเรื่องที่ซ่านเซิ่งหานทำทั้งหมด ถึงเขาจะชอบข้ามากขนาดไหน เขาก็คงไม่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อข้าหรอก เพราะฉะนั้นเขาเลือกที่จะผลักข้าออกไป นี่เป็นสิ่งที่ทำให้มองคนออกได้อย่างง่ายดาย”
นี่ก็คงเป็นเหตุผลที่องค์ชายสามชอบนางสินะ
ซ่านจินจื๋อมีสีหน้าเคร่งขรึมแต่ก็ไม่ได้พูดคำตอบที่อยู่ในใจออกไป เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นผ่านใบหน้าของนาง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอันอ่อนโยน“แล้วเหตุใดถึงมีเพียงแค่เจ้าที่มองออก?”
“เพราะว่าพวกเจ้าซับซ้อนกับเกินไป รวมถึงฮ่องเต้ด้วย”กู้อ้าวเวยยิ้มพลางดึงมือของเขาออกไป แล้วหันไปลูบเคราที่อยู่ตรงคางของเขา พลางเอียงศีรษะถามไปว่า“ถ้าหากข้าคือฮ่องเต้ ข้าจะเป็นจักรพรรดิผู้เหี้ยมโหด แล้วตรงเข้าไปรักษาหยูนซีกับหลิงเอ๋อร์อย่างไม่สนใจใคร”
“แต่พี่ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่เป็นการซ้อนทับครั้งแล้วครั้งเล่า และยังอยากแก้แค้นข้ากับเสด็จแม่ แล้วยังอยากจะเก็บความเป็นอมตะไว้กับตัวเอง”ซ่านจินจื๋อหลับตาลง ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยลูบไปมา
พอฟังจนถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยแทบจะหลุดคำออกมา“ถ้าหากว่าเจ้าเติบโตอยู่แต่ในวังหลวง ก็น่าจะรู้ว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”
“ไหนลองพูดมาสิ”ฟังจากเสียงหัวเราะของนางแล้ว ความมืดหม่นภายในใจของซ่านจินจื๋อหายไปเยอะมาก
“ซ่านเซิ่งหานถึงจะสังหารฮ่องเต้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ แต่เขาติดอยู่ที่ตำแหน่งของตนเองกับสายตาของราษฎรที่มองมา ถึงซ่านต้วนโฉงจะแก้แค้นพวกเจ้า แต่เขายังคงจำได้ว่าเขาคือฮ่องเต้ เป็นฮ่องเต้ เพราะฉะนั้นจนถึงสุดท้าย เขาจะเป็นทรราชหรือผู้ทรงธรรม ก็ไม่มีทางเป็นฮ่องเต้ผู้เหี้ยมโหดได้”กู้อ้าวเวยพูดไปเช่นนี้
ซ่านจินจื๋อกลับนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน กู้อ้าวเวยเคยชื่นชมนโยบายใหม่ๆของซ่านเซิ่งหาน และยังเคยชมว่าซ่านต้วนโฉงเป็นฮ่องเต้ผู้ทรงธรรมดูแลจัดการปัญหาของไพร่ฟ้าทั่วแคว้นชางหลานอย่างเรียบร้อย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ เขาคืออ๋องจิ้ง หลังจากที่ออกมาจากสนามรบแล้วก็ไม่เคยทำอะไรเพื่อราษฎรเลยแม้แต่น้อย……
“อำนาจของเมืองเทียนเหยียนต่างถูกพันธนาการไว้ และด้วยเหตุนี้ ชางหลานถึงยังแข็งแกร่งขนาดนี้ยังไงล่ะ ตระกูลตงฟาง รวมถึงตระกูลกู้ทั้งตระกูลก็เป็นเช่นนี้”เสียงของกู้อ้าวเวยเยือกเย็นกว่าลมที่พัดผ่านเข้ามาต่างช่องว่างของหน้าต่าง ปลายนิ้วไปนวดคลึงตรงขมับของซ่านจินจื๋อ แล้วพูดต่อไปว่า“เพราะฉะนั้นข้ารู้สึกมาตลอดว่าเจ้าไม่เหมาะที่จะเป็นฮ่องเต้ยังไงล่ะ ไม่อย่างนั้นเจ้าต้องเป็นจักรพรรดิผู้เหี้ยมโหดอย่างแน่นอน”
ที่แท้เรื่องนี้คนที่เห็นธาตุแท้ของคนนานแล้วมีเพียงแค่กู้อ้าวเวยคนเดียวเท่านั้น
ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นมาจากตักของนาง ยกมือขึ้นรวบนางมาอยู่ในอ้อมกอด“เจ้ากำลังปลอบใจข้าอยู่งั้นหรอ?”
“แน่นอนสิ ในเมื่อพี่ชายของเจ้าอยากทำร้ายเจ้า หลานของเจ้าก็ประสงค์ร้าย แต่พวกเขาต่างด้านดีๆของตัวเอง เจ้าควรจะคิดว่าเจ้าโชคดีที่ถึงแม้จะเอาแต่ใจ แต่อนาคตอย่างไรก็ต้องมีจักรพรรดิผู้ทรงธรรมอยู่แล้ว”กู้อ้าวเวยยิ้มพลางโอบกอดเขากลับไปด้วย“พอหลังจากที่ลงจากภูเขาแล้ว มีเรื่องหลายอย่างที่ต้องจัดการ”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”ซ่านจินจื๋อแทบอยากจะเอานางยัดเข้ามาในกายของตนเอง
ได้เมียแบบนี้ ทั้งชีวิตก็ไม่เสียดาย