บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 945
บทที่ 945 ทดลองยาพิษ
หมู่บ้านประมงอยู่ไม่ไกล แต่เวลาเที่ยงบ่ายเช่นนี้ ทั้งหมู่บ้านประมงนอกจากทางเข้าที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนาแล้ว บ้านเรือนทั้งหมู่บ้านประมงต่างปิดประตูกันหมด เงียบไปหมด บนท่ามีเรือถูกสายน้ำกระทบจนเรือกระแทกกับฝั่งดั่งปึ้งๆ
กุ่ยเม่ยอุ้มกู้อ้าวเวยลงจากรถม้า กู้อ้าวเวยสัมผัสไม่ได้ว่าตกลงหมู่บ้านประมงแห่งนี้มีปัญหาอะไรกันแน่ แต่ดวงตาทั้งคู่กลับไม่สามารถมองเห็นอะไร ตามไปมีแต่จะเป็นภาระ นางจึงนำไม้ไผ่ส่งมอบให้กุ่ยเม่ยไป“ขอเพียงแค่ละแวกนี้มียาสลบหรือยาพิษแมลงที่อยู่ในไม้ไผ่ก็จะกระทุ้งไม้ไผ่ เจ้าตามหาละแวกนี้ก็พอ”
“แต่เจ้าคนเดียว……”
“ข้านั่งอยู่บนม้าไปหาที่หลบซ่อนตัวรอเจ้า”กู้อ้าวเวยโบกมือ แล้วตัวเองก็ค่อยๆปีนขึ้นไปบนม้า แล้วโยนแมลงนำทางไปให้กุ่ยเม่ย
ขี่ม้าเข้าไปในป่า นางไม่รู้ว่าละแวกนี้มีที่ไหนให้หลบซ่อน แต่จมูกของนางมีกลิ่นจางๆบอกกับนางว่า แถวนี้มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
นางนั่งอยู่บนม้าพลางสูดดมตามกลิ่นไป
พอคิดวิเคราะห์อย่างละเอียด ตกลงในหมู่บ้านประมงแห่งนี้จะให้หมู่ตึกคนเป็นหรือคนตายกันแน่ ถ้าหากมีคนตาย หมู่บ้านประมงทั้งหมู่บ้านไม่น่าจะเงียบเช่นนี้ น่าจะต้องตรงเข้าไปสังหารคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร แต่หากจะมีชีวิตต่อไป คนพวกนี้ต้องซ่อนอยู่ที่ไหน
พอคิดๆมาถึงตรงนี้ สีหน้าของกู้อ้าวเวยก็เคร่งขรึมลงไปมาก ในตอนนั้นเองกลิ่นนั้นโชยแรงขึ้น ก็มีเงามืดหล่นลงมาอยู่ข้างๆนาง เสียงเข้มดึงม้าที่อยู่ข้างล่างของนาง แล้วพูดขึ้นมาว่า“ทางข้างหน้าให้ข้าน้อยนำทางเถอะขอรับ”
“เจ้าเป็นคนของกุ่ยเม่ยหรอ?”
“ข้าน้อยเป็นคนที่อ๋องจิ้งส่งมาให้อารักขาคุณหนูโดยเฉพาะขอรับ”ชายหนุ่มทำมือคารวะ แล้วเป่าเสียงนกหวีด แล้วด้านหลังก็มีเงาสองร่างลงมา พูดต่อไปว่า“คุณหนูได้โปรดรอที่นี่สักครู่นะขอรับ”
“ระวังกันหน่อยนะ”กู้อ้าวเวยสั่งด้วยเสียงเบา โยนขวดยาไปให้เขา“ได้กลิ่นอะไรแปลกๆก็รีบกินมันนะ ถ้าหากว่าคนพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่ก็หาวิธีปล่อยตัวพวกเขาซะ ไม่ต้องกังวลว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
อย่างไรเสียพวกเขาก็จะเข้ามาพบกันซึ่งๆหน้าอยู่แล้ว ไม่มีความหมายอะไรที่จะสืบกันไปมาอีก
ข้ารับใช้พยักใช้แล้วเดินจากไป กู้อ้าวเวยยืนอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกกังวล ในตอนที่เงียบไป ทั้งข้างหน้าแล้วข้างหลังก็มีเสียงดังขึ้น ด้านหน้าเหมือนจะมีระเบิดถูกจุด แต่ด้านหลังเหมือนจะมีเสียงของชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านพากันโห่ร้องและโกรธเกรี้ยว
กู้อ้าวเวยกำลังจะย้อนกลับไป แต่ทั้งซ้ายและขวาก็มีคนดึงนางไว้สองคน“คุณหนู ขออภัยนะขอรับ”
“อะ……อะไรน่ะ?”กู้อ้าวเวยยังไม่ทันรู้สึกตัว หนึ่งในนั้นพลิกตัวขึ้นไปบนม้า นั่งควบคุมบังเหียนอยู่ด้านหลังของนาง ปรับทิศทางตรงไปยังเมืองเทียนเหยียน หลีกหนีจากหมู่บ้านประมงและทางข้างหน้า
“ปล่อยข้านะ!ข้าจะไปดูว่าโม่ซานเป็นอย่างไรบ้าง!”กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล
“ท่านอ๋องบอกแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นให้รีบพาท่านหนีไป เรื่องอื่นให้พวกข้าน้อยจัดการก็พอแล้ว”ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังไม่ไปแตะต้องกู้อ้าวเวย พลางพูดอย่างปลอบขวัญ“เรื่องเมื่อครู่พวกข้าน้อยรายงานท่านอ๋องไปทั้งหมดแล้ว อีกไม่กี่ชั่วยาม ท่านอ๋องจะพาคนมาที่นี่”
กู้อ้าวเวยรู้สึกโกรธตัวเองเล็กน้อยที่ช่วยอะไรไม่ได้ หันไปอีกด้านพูดว่า“อย่าไปไกลนักนะ อยู่ที่นี่คอยฟังพวกเขาตอบกลับ”
“ขอรับ”ข้าน้อยที่อยู่ด้านหลังถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบปีนขึ้นหลังม้า
ในป่าเขามีแสงของไฟมาจากป่าเขา กลุ่มควันแต่ผ่านไปชั่วครู่ก็โพยพุ่งออกมา
“ในที่สุดก็หาเจ้าเจอ”เสียงของกุ่ยเม่ยดังลอดมาจากไกลๆ ชุดกี่เพ้าสีเทาเข้มตอนนี้กอดคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดแน่น เขาเซถอยหลังไปหลายก้าว ปล่อยโม่ซานที่อยู่ในอ้อมกอดลงกับพื้น “ตอนที่ข้าไป พวกเขากำลังป้อนอะไรบางอย่างให้กับโม่ซาน……อีกทั้งด้านในมีกลิ่นอะไรแปลกๆ……”
สามารถมองเห็นเสื้อผ้าของคนที่อยู่ข้างล่างไม่เรียบร้อย กู้อ้าวเวยทำได้เพียงแค่วัดชีพจรให้กุ่ยเม่ยก่อน แล้วถอนหลายใจอย่างโล่งอก“เป็นเพียงแค่ยาสลบน่ะ พวกเจ้าถอยไปหน่อย”
พูดจบ กุ่ยเม่ยก็นำข้ารับใช้ที่อยู่ข้างๆสองคนดึงไปข้างๆ พยุงตัวอยู่กับลำต้นของต้นไม้แล้วหายใจหอบด้วยความเหนื่อย พลางล้วงยาขวดหนึ่งขึ้นมาดม
กู้อ้าวเวยดึงชุดยาวออกไปอย่างระมัดระวัง เป็นไปตามคาดมองเห็นร่องรอยของลายนิ้วมืออยู่บนไหล่ของนาง แต่มองลงไปด้านล่างสะอาดขาวโพลน กู้อ้าวเวยจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย หลังจากที่พลิกตัวคนกลับมาถึงได้พบว่าแผ่นหลังเหมือนถูกคนทำร้ายด้วยฝ่ามือ ม่วงช้ำน่ากลัวมาก
“เหตุใดนางถึงเป็นเช่นนี้?”กุ่ยเม่ยหายใจเข้า
“ไม่มีอันตรายต่อชีวิต แต่ตอนนี้ยาพิษแทรกซึมเข้าไปลึกมาก ต้องจัดการปรับสมดุลดีๆ แผ่นหลังถูกคนทำร้าย กระดูกได้รับความกระทบกระเทือนเล็กน้อย ทางที่ดีต้องนอนรักษาตัวครึ่งเดือนถึงจะดีที่สุด”กู้อ้าวเวยพูด ตอนนี้ป้อนได้แค่น้ำสะอาดและยาเม็ดให้นาง ปลายนิ้วลูบผ่านเส้นลมปราณของนางเป็นระยะ นางก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าคนที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งขนาดนี้ถูกทำร้ายด้วยฝ่ามือจะเป็นอะไรอีกหรือไม่
กุ่ยเม่ยมองดูอย่างระมัดระวัง ข้างๆหูก็ได้ยินเสียงเล็กๆลอดผ่านมา พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นคนชุดดำลงมาพร้อมกับแบกเด็กข้างหลังไว้ดิ่งลงมายืนต่อหน้ากู้อ้าวเวย เส้นผมของกู้อ้าวเวยปลิวขึ้นมาเล็กน้อย เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเด็กน้อยดังลอดเข้ามาในหู
“เด็ก?”
“ในตอนที่ข้าน้อยกำลังไปนั้นเห็นคนพวกนั้นกำลังทำร้ายคนที่ถูกคุมขังอยู่อย่างรุนแรง เด็กสองคนนี้ถูกขังอยู่ในลูกกรง คนพวกนั้นเตรียมที่จะเผาคนพวกนี้ให้ตาย ในขณะที่ข้าน้อยกำลังจะลงมือจัดการก็มีคนกดกลไกให้ทำงาน นอกจากเด็กสองคนนี้ คนอื่นๆ……”ข้ารับใช้ไม่ได้พูดต่อไป
กู้อ้าวเวยกำมือแน่น
ดูแล้วคนที่อยู่เบื้องหลังคงจะคาดการณ์ไว้นานแล้ว ขอเพียงแค่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ให้จัดการฆ่าปิดปากคนได้เลย
นางมองดูเด็กน้อยที่อยู่ข้างหลังข้ารับใช้แวบหนึ่ง ยังมีเด็กชายตัวเล็กๆผอมบางที่อุ้มอยู่อีก นางจึงพูดขึ้นพลางโบกมือ“รอซ่านจินจื๋อมา พวกเจ้าไปหาอะไรให้เด็กๆกินกันก่อน แล้วไปดูละแวกนี้หน่อยว่ายังมีสถานที่หลบภัยอะไรอีกหรือไม่”
“คุณหนู พวกเราไม่กลับเมืองเทียนเหยียนแล้วหรอขอรับ?”ข้ารับใช้ไม่เข้าใจ
“ไม่กลับ ข้าจะไปดูหมู่ตึกว่าตกลงกำลังเล่นแง่อะไรอยู่”กู้อ้าวเวยดึงเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้เข้ามานั่งข้างๆ มือข้างที่ว่างพาดอยู่บนไหล่ของนาง“พ่อแม่ของเจ้าล่ะ?ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เจ้าเด็กคนนี้สะอื้นสองครั้ง“พ่อแม่ข้าไม่อยู่แล้ว ข้ามากับท่านอกของข้า หลังจากนั้นก็……อยู่ที่นี่แล้ว”
เด็กชายอีกคนปาดฝุ่นและน้ำตาที่เปรอะเต็มหน้าแล้ว ก็พยักหน้า“ข้าถูกพ่อขายมาที่หมู่บ้านประมงแห่งนี้ หลังจากนั้นก็ถูกจับขังไว้ พวกเขายังให้พวกข้าดื่มของที่ของเหลวเหนียวๆทุกวัน……”
แม้แต่เด็กยังไม่ปล่อย!
กู้อ้าวเวยกัดฟันกรอด นางรวบเด็กทั้งสองคนเข้ามากอดแนบอก
“ทุกอย่างผ่านไปแล้ว”กู้อ้าวเวยเก็บมือมาจากร่างของโม่ซาน แล้วพาดไปที่มือของเด็กทั้งสองคน สีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก สุดท้ายก็พูดด้วยเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรนะ พวกเจ้าไปนอนพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวจะมีคนส่งอะไรมาให้พวกเจ้ากินหน่อย ดีไหม?”
เด็กทั้งสองที่ยังตกใจไม่หายพากันพยักหน้า แล้วขดตัวไปอยู่ข้างๆ
กู้อ้าวเวยส่งข้ารับใช้สองคนไปดูแลพวกเขา ทันใดนั้นก็เรียกกุ่ยเม่ยไปดูแลโม่ซาน
กุ่ยเม่ยมองสีหน้าอันเคร่งขรึมของกู้อ้าวเวยอย่างไม่เข้าใจ“เป็นอะไรไป?”
“พวกเขาไม่ได้เอาเด็กพวกนี้ทดลองยา แต่เป็นทดลองยาพิษ ถ้าหากวันนี้ไม่มีใครพาพวกเขาออกมา เกรงว่าไม่เกินหนึ่งปี ร่างของพวกนางก็จะแหลกเหลว”ปลายนิ้วขอกู้อ้าวเวยจิกจนเนื้อออกเป็นสีขาว
สีหน้าของกุ่ยเม่ยก็เปลี่ยนไปเช่นกัน“นี่มันช่าง……”
มันน่าขยะแขยงสิ้นดี