บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 946
บทที่ 946 ยากที่จะเป็นกลาง
หาทางในตอนกลางคืนเดินทางลำบาก ซ่านจินจื๋อเสียงแรงไปกับการหลบซ่อนสายตาจากศัตรูค่อยๆปลีกตัวออกจากขบวนที่มุ่งหน้าไปทางเมืองเทียนเหยียน พาเฉิงซานกับลูกน้องที่ฝีมือดีไปอีกสองคนย้อนกลับไปยังเขาหยินซาน
กู้อ้าวเวยพาคนไปหลบซ่อนในพื้นที่ราบระหว่างที่มีน้อยคนจะพบ ขอเพียงแค่เดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าวก็จะมองเห็นแสงจากคบเพลิงอันริบหรี่ในหมู่ตึก ในตอนที่ซ่านจินจื๋อลงมาจากหลังอานม้า ก็มองเห็นเด็กสองคนกำลังพิงอยู่บนตัวของนางนอนอย่างสบายใจ โม่ซานนอนดื่มยาอยู่ข้างๆนาง ดูท่าแล้วจะพึ่งตื่นเมื่อครู่
แต่กุ่ยเม่ยพาชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งนั่งล้อมกองไฟไว้
“ท่านอ๋อง”เหล่าข้ารับใช้ต่างพากันทำความเคารพ
ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้น มองเห็นกู้อ้าวเวยยกมือขึ้นมาปิดหูของเด็กสองคนนั้นไว้ ทำมือเป็นสัญญาณให้เบาเสียง
โม่ซานรีบลุกขึ้นอย่างรีบร้อนดึงผ้าห่มขึ้นมาเล็กน้อย ทำมือคารวะไปยังซ่านจินจื๋อถือเป็นการเคารพไปในตัว
“เด็กสองคนนี้คือ……”
“เป็นเด็กที่ข้ารับใช้ของเจ้าเป็นคนช่วยออกมา บนร่างกายเต็มไปด้วยยาพิษ เกรงว่าจะต้องใช้เวลารักษาอยู่นาน ถึงจะเป็นดังนี้ น่ากลัวว่าจะทำให้อายุขัยลดลง”กู้อ้าวเวยพูดขึ้นเสียงเบา จากนั้นก็เล่าเรื่องเมื่อกลางวันให้เขาฟังทั้งหมด
ซ่านจินจื๋อนั่งขัดสมาธิลงข้างๆนาง เอนตัวไปข้างในหอมนางหนึ่งฟอด ไม่สนใจเสียงสูดลมหายใจของโม่ซานกับกุ่ยเม่ย กู้อ้าวเวยคอยระมัดระวังไม่ไปแตะต้องเด็กน้อยทั้งสองคน ยกมือขึ้นพาดไปกลับไหล่ของซ่านจินจื๋อแล้วขยับตัวเล็กน้อย“เอาเปรียบข้าแล้วก็ควรไปทำงานได้แล้ว”
“การรีบไปหน่อยเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริงๆ”ซ่านจินจื๋อมือโอบรัดเอวบางคอด แล้วพยุงตัวคนลุกขึ้นมาอย่างมั่นคง
“ไปไหน?”กู้อ้าวเวยมือพาดกับบ่าของเขาแล้วตบเบาๆ
“ไปสิ”ซ่านจินจื๋อคลายมือออกจากนางเล็กน้อย นำคนแบกขึ้นมา แล้วสั่งการกับกุ่ยเม่ย“พวกเจ้าคอยอยู่ที่นี่ดูสถานการณ์ของหมู่บ้านประมงนะ ระมัดระวังหน่อยล่ะ”
กุ่ยเม่ยโยนกิ่งไม้ในมือทิ้ง“นางมองไม่เห็นนะ ไปก็เป็นภาระเปล่าๆ”
กู้อ้าวเวยอ้าปากค้างมองไปที่เขา แล้วชี้ตัวเอง“ข้าไปเป็นภาระตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เจ้าคิดว่านี่คือการออกไปเที่ยวงั้นหรอ?”กุ่ยเม่ยเดินไปข้างหน้าของนาง แล้วกุมมือที่ชี้ตัวเองอยู่ของพูดขึ้นมาว่า“ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ข้าจะไปพูดกับท่านพ่ออย่างไร”
“ข้า……”ทันใดนั้นกู้อ้าวเวยก็รู้สึกพูดตอบโต้อะไรไม่ออก
“ไปไม่ได้”กุ่ยเม่ยดึงตัวนางไว้
“พี่ชายเจ้าพูดเองนะ”ซ่านจินจื๋อปล่อยนางด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยน แล้วผลักนางไปให้กับกุ่ยเม่ย สายเย็นชามองไปที่กุ่ยเม่ยที่กุมมือของกู้อ้าวเวยไว้ พูดขึ้นมาว่า“พี่ชายควรจะระวังฐานะของตัวเองหน่อยหรือไม่”
มือที่รีบปล่อยลงอย่างรีบร้อน แล้วจับไปที่ไหล่ของนางแน่นล๊อคตัวไว้กับที่
กุ่ยเม่ยรู้สึกว่าตัวเองตกหลุมพราง
กู้อ้าวเวยกำลังขัดขืน“ถ้าในนั้นมีพิษจะทำอย่างไร?”
ซ่านจินจื๋อไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองไปยังกุ่ยเม่ย คนที่อยู่ข้างหลังหัวใจเหมือนตกวูบลงมา ยกคนขึ้นมาแบกไว้แล้วยัดไปที่ข้างๆของโม่ซาน ให้โม่ซานดึงมือของนางไว้“คอยดูนางไว้ อย่าให้นางไปไหนได้”
“ข้าไปถอนพิษได้นิ่”กู้อ้าวเวยยังพยายามขัดขืนไม่หยุด
“เจ้าจะไปไหนไม่ได้นะ!”โม่ซานกดตัวของนางไว้อย่างแรง ยังพูดอีกว่า“หลังข้าเจ็บมาก”
กู้อ้าวเวยรีบหันไปดูสีหน้าที่เลือนรางของโม่ซาน ขณะนั้นจึงขัดขืนได้ยาก
กุ่ยเม่ยขยี้ไปที่ศีรษะคนที่จะให้ตัวเองพามาก็ตามซ่านจินจื๋อไป เดินทางไปที่ราบผู้เขา กุ่ยเม่ยนวดคลึงตรงท้ายทอยของตัวเองอย่างปวดเมื่อย“ในที่สุดครั้งนี้ก็ตาข้าบ้างล่ะที่จะเป็นคนร้ายบ้าง”
“เมื่อก่อนให้เจ้าเอารัดเอาเปรียบมาพอแล้ว มาวันนี้โชคชะตาเปลี่ยนแล้ว”ซ่านจินจื๋อตบไปที่ไหล่ของเขาเบาๆ“ดูแลนางให้ดี ข้าไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ”
มองดูซ่านจินจื๋อพาคนหายไปในท่ามกลางป่าเขา กุ่ยเม่ยถึงอดที่มองไปยังกู้อ้าวเวยที่ยังโมโหอยู่ในถ้ำไม่ได้ เขายกยิ้มมุมปากขึ้น คนชั่วเขาจะเป็นจนสมใจเอง
พอกลับเข้าไปในถ้ำ เขาฉีกน่องไก่ยื่นไปให้นาง เป็นไปตามคาดกู้อ้าวเวยปฏิเสธด้วยความโมโห“ทั้งๆที่เมื่อก่อนเจ้าเชื่อฟังข้ามาก อีกทั้งเขาจะพาข้าไป เขาเป็นท่านอ๋องของเจ้า เจ้ายังจำได้ไหม?”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ข้าเป็นพี่ชายของเจ้า เจ้ายังจำได้ไหม?”กุ่ยเม่ยยื่นน่องไก่ไปให้โม่ซาน หลังจากที่เช็กมือแล้วก็พูดขึ้นมาว่า“วันนี้เจ้าเป็นแม่คนแล้วนะ ถึงจะไม่คำนึงถึงตัวเอง แม้แต่ชิงจือเจ้าก็ไม่นึกถึงแล้วอย่างงั้นหรอ?ถึงแม้เจ้าจะจำพวกเขาไม่ได้ แต่พวกเขายังรอการกลับไปของเจ้าอยู่นะ แม้แต่ท่านน้าหยุนก็คิดถึงเจ้า ข้าไม่มัดตัวเจ้ากลับไปเอ่อตาน ทำไมเจ้าถึงไม่นึกถึงพวกเจ้าบ้าง?”
พูดจบ กุ่ยเม่ยก็จิ้มไปที่หน้าผากของนางเบาๆ“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่ามีคนคอยตามใจเจ้ามากขนาดนี้ เจ้าคิดเหรอว่าเจ้าจะทำอะไรสมดังปรารถนาไปเสียหมด?ตอนนี้ควรเก็บนิสัยของเจ้าได้แล้ว”
กู้อ้าวเวยจับไปที่ศีรษะยังไม่ทันที่จะได้ตอกกลับ มือของเด็กที่อยู่ข้างๆดึงเอวของนางจนแน่นอย่างไม่มีสุ่มไม่มีเสียง คิ้วที่ขมวดอยู่นั้นก็ค่อยๆคลายลง
ชิงจือกับยี่จือจะคิดถึงนางอย่างนี้ไหมนะ?
กู้อ้าวเวยตะลึงไปเล็กน้อย กุ่ยเม่ยกึ่งผลักกึ่งลากหยิบอาหารมาป้อนให้นาง พลางยื่นถุงหนังใส่น้ำดื่มไปให้โม่ซานด้วย แต่ไม่ได้สังเกตเห็นว่าโม่ซานกำลังจ้องนางไม่วางตาอยู่
ในสายตาของโม่ซาน ชายหนุ่มข้างๆรวมไปถึงพี่ชายของนางเองน่าจะตายด้านไปแล้ว แต่กุ่ยเม่ยที่กึ่งนั่งกึ่งคุกเข่าตรงหน้าของกู้อ้าวเวย กลับอ่อนโยน ทำให้นางมองเหลือกตาเบาๆ
“จ้องข้าทำไม?ไม่กินอาหารหรอ”กุ่ยเม่ยหันกลับมา จึงจ้องเข้ากับสายตาเย็นชาของโม่ซาน
“ข้าไม่ชอบกินเนื้อที่มันและมีหนัง”โม่ซานทำท่าทางรังเกียจแล้ววางไว้ข้างๆ กุ่ยเม่ยถอนหายใจ แล้วนำขนมเปี๊ยะแผ่นหนึ่งกับปลาเผามาให้ แม้แต่หนังปลายังขูดลงมายื่นไปให้นาง“ระวังห้างล่ะ”
“เจ้าคิดว่านางเป็นเด็กสามขวบหรอ?ยังจะระวังก้างหน่อย”กู้อ้าวเวยอกขำไม่ได้
“กินขนมเปี๊ยะของเจ้าไปเถอะ กลับไปเจ้าจะได้กินแค่ยา ขนมหวานจะไม่ได้แตะแม้แต่น้อย”กุ่ยเม่ยมองค้อนไปที่นาง ปนกับความตกใจร้อนรน แก้มแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย
โม่ซานรีบรับคำอืม หลังจากที่มองไปที่กู้อ้าวเวยที่ดูสีหน้ามีชีวิตชีวา ก็กระแอมเบาๆหนึ่งครั้ง จนกระทั่งกุ่ยเม่ยเดินกลับไปที่กองไฟอีกครั้ง ถึงได้ยินกู้อ้าวเวยพูดขึ้น“ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะเป็นลูกน้องของซ่านจินจื๋อ แต่ตอนนี้เขามีความเป็นผู้นำแล้ว อีกทั้งระหว่างเขากับข้านะไม่ได้……”
“ข้ารู้ดี……”โม่ซานปิดหน้าครึ่งหนึ่ง กระแอมเบาๆสองครั้ง“ข้าเพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะ……”
ไอ้เจ้าความรักที่แสนหวาน
ในที่สุดกู้อ้าวเวยก็หลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้ คู่รักสองฉลาดทั้งสองคนนี้สุดท้ายแล้วก็มีอะไรมากมายกว่าที่คิด แต่พอเห็นใบหน้าของโม่ซานมีท่าทีลังเลสับสน นางจึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า“เจ้าสามารถมองดูอีกหน่อยก็ได้ เพื่อที่จะได้ไม่เข้าใจผิดกัน”
ใครบอกให้เจ้าขังข้าไว้ที่นี่กัน สมน้ำหน้าเจ้าที่ทำให้หนทางรักมีอุปสรรค
ในใจของกู้อ้าวเวยคิดอย่างชั่วร้ายผุดขึ้นมา คอยดูสีหน้าลังเลของโม่ซานอย่างเพลิดเพลินไปด้วย
หลังจากที่ที่ไม่คิดถึงเรื่องในหมู่ตึกที่เกิดขึ้นในระยะนี้ จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ซ่านจินจื๋อถึงได้พาคนกลับมา ถึงแม้จะกลับมามือเปล่า แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และไม่มีร่องรอยได้รับยาพิษ
กู้อ้าวเวยอกที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ว่า“พวกเจ้ากลับมาเร็วยิ่งนัก”
“น่าจะเป็นเพราะหลังจากที่ระเบิดไปเมื่อวาน ทางพวกเขาก็หนีไปแล้ว หลังสวนของหมู่ตึกพวกรถเข็นก็หายไปหมดแล้ว สุสานก็ไม่มีใครจัดการเก็บกวาด เหล่านกกาต่างพากันบินว่อนไปทั่ว น่าจะทิ้งสถานที่แห่งนี้ไปกันแล้ว”ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังเอ่ยปากขึ้น แล้วพูดขึ้นในทันทีว่า“ดูจากร่องรอยแล้ว พวกเขาน่าจะเดินตรงจากทางหลวงไปเข้าประตูเมืองทางตอนใต้แล้ว”
“ดูท่าพวกเขาจะไม่ได้ปิดบังอะไรหรอก”ซ่านจินจื๋อนั่งลง มองไปที่เจ้าเด็กน้อยผมเปียสองคนทั้งสองสูงไม่เท่ากัน แล้วหันกลับไปมองดูกู้อ้าวเวยด้วยตาที่หรี่ลงอย่างลังเล พลางหัวเราะพูดขึ้นมาว่า“เจ้าดูไม่กังวลเลยนะ”
“คนตายก็ได้ตายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ตัวเจ้าเองก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว”กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วแล้วแกะผมของเด็กทั้งสองออกมา แล้วเปียใหม่“เจ้าว่า ถ้าข้าอยากนำตัวเด็กสองคนนี้ที่เป็นคนของชางหลานกลับไปเลี้ยงดูที่เอ่อตาน ท่านพ่อกับท่านแม่จะว่าอะไรข้าไหม”
“เจ้าชอบก็พอแล้ว”ซ่านจินจื๋อชี้ไปที่ตำแหน่งที่นางมัดผมอย่างอ่อนโยน
ถ้าหากนางยุ่งอยู่แต่กับเรื่องของเด็กๆ ภายภาคหน้าไม่ไปหาเรื่องเดือดร้อน นั่นถือเป็นเรื่องที่ดีแล้วไม่ใช่หรอ!
กุ่ยเม่ยกระแอมเบาๆ“ท่านอ๋อง พูดเรื่องสำคัญ”
“ข้าอยากจะเดินทางกลับไป เจ้าพานางกลับไปเทียนเหยียนไปหาที่พักก่อนเถอะ”ซ่านจินจื๋อไปแห้งๆไปหนึ่งครั้ง