บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 956
บทที่956 ลำดับขั้น
ฉีหลินฟังแล้วงงไปหมด “เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อครู่นั้นหมายความว่าอย่างไร?”
“ในตอนที่ซ่านจินจื๋อมาที่นี่ พวกสายลับต่างก็ตามเขาไปแล้ว หลังจากที่เด็กคนนี้โดนพวกเจ้าพามาที่นี่ ก็โดนข้าจับไปอยู่ในตำหนักด้วยความตามใจชอบ พวกที่กำลังสืบหาข้อมูลอยู่ด้านหลังนั้นจะคิดอย่างไร?” กู้อ้าวเวยทำตาหยี “ข้าเสียแรงมากมายเพื่อปลอบเด็กนั่น ก็ย่อมจะใช่ว่าไม่มีเหตุผล”
ฉีหลินยังคงไม่รู้เรื่องกับเรื่องนี้ มีเพียงฉีหรัวที่ยิ้มที่มุมปาก “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ถึงเบื้องหลังนั้นจะเป็นฮ่องเต้เพียงผู้เดียว แต่บ่าวและสายตาของเขานั้นไม่ได้มีเพียงในราชสำนัก แม้กระทั่งพ่อค้าแถวนี้ยังรู้เรื่องเลย”
“เพราะงั้นหากใครอยากใช้ชื่อของใครเพื่อมาในตำหนัก หรือไปใกล้ชิดกับเด็กคนนั้น ก็จะพบว่าเขามีชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างดี ก็คงจะคิดว่าเขาบอกเรื่องทุกอย่างกับข้า ข้าจึงปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ คนพวกนั้นก็ย่อมต้องส่งคนไปชำระล้างพื้นที่ที่เด็กคนนี้เคยผ่าน ไปแน่ชัดว่าเขาได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นหรือไม่” กู้อ้าวเวยเองก็ยิ้มแล้วพยักหน้า ขนมฮุนเพียงที่อยู่ในปากนั้นอร่อยมาก
ฉีหลินโดนทั้งสองทำจนงงไปหมดแล้ว “แต่เด็กคนนี้ไม่ได้พูดอะไรนี่นา”
“เขาไม่พูดนั้นยิ่งดีไปใหญ่ ในเมื่อพวกข้าไม่รู้อะไรเลย คนอื่นก็ย่อมจะไม่รู้ แต่ที่ไม่เหมือนคือ เด็กคนนี้อยู่ในมือของพวกข้า แต่พวกเขานั้นจำเป็นต้องไปชำระล้างพื้นที่ ข้าไม่มีทางเชื่อว่าเด็กอายุสิบกว่าปีจะวางใหญ่ในงานภายใต้เมืองเทียนเหยียนที่มีสายลับมากมายเช่นนี้” ใบหน้าของกู้อ้าวเวยยิ้มอ่อน
และตอนนี้ซ่านจินจื๋อเข้าวังเพื่อขอองค์หญิงหลิเอ๋อร์กับซ่านต้วนโฉง จึงพูดถึงเรื่องของเด็กคนนี้โดยบังเอิญ เกรงว่าฮ่องเต้เองก็เริ่มสงสัยแล้วว่าซ่านจินจื๋อจะรู้เรื่องของหลินเอ๋อร์และหยูนซี
และการที่มีสถานการณ์ปลอมเช่นนี้ แล้วสมุดจดบันทึกของหยูนซีที่ได้รับจากผู้สูงอายุ
กระบอกไม้ไผ่ส่งถูกส่งให้ซ่านจินจื๋อตั้งแต่แรกแล้ว วันนี้ไปราชวังเพื่อไปเยี่ยมไทฮาว แต่เป้าหมายสุดท้ายคือ เพียงแค่พูดตรงๆ กับซ่านต้วนโฉงและไทฮาวเกี่ยวกับเรื่องในอดีต
ก่อนหน้านี้ที่เขาไปอารามไป๋หม่ากับไทฮาวนั้นลืมไปหมดแล้ว
ถ้าเช่นนั้นวันนี้ ก็สามารถให้ซ่านจินจื๋อสามารถใช้เบาะแสที่มีอยู่ ไปเปิดเผยความจริงในอดีต
นิ้วของนางลูบเบาๆ ที่หางของเสือน้อย มองดูท้องฟ้าด้านนอก แล้วยิ้มอ่อน “เมืองเทียนเหยียนในช่วงนี้ ยังคงมีฝนตกเหมือนเดิม”
“เจ้าและจางเหยียนฐานพบว่าในเลือดเนื้อนั้นมีของอย่างอื่นใช่หรือไม่?” ฉีหรัวหันกลับไปดูท้องฟ้าที่มืดๆ ทางหน้าต่าง ไม่รู้ว่านางรู้สึกผิดไปหรือเปล่า เมืองเทียนเหยียนช่วงนี้ฝนตกบ่อยจริงๆ
“พวกของที่อยู่ในเลือดเนื้อนั้นต่างเป็นพวกยาพิษ ปัญหาที่แท้จริงนั้น เป็นพวกลูกเอ่อตันแดง”
กู้อ้าวเวยโบกมือให้สาวใช้ที่อยู่ด้านนอก “จางเหยียงซานมาหรือยัง?”
“กำลังจัดของอยู่ที่ประตูขอรับ” มีบ่าววิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยความเร็ว
“ให้เขาส่งกระถางนั้นมา” กู้อ้าวเวยสั่ง
บ่าวจึงรีบวิ่งออกไปข้างนกด้วยความเร็ว ฉีหรัวและฉีหลินมองสีหน้าของนางโดยไม่ได้นัดหมาย นอกจากว่านางไม่ไว้ผมตรงหูนั้น ที่เหลือต่างก็มีบุคลิกของคุณหนูใหญ่
ฉีหรัวมองนางแล้วยิ้ม “ที่ตำหนักนี้เจ้าต้องทำความสะอาดอย่างละเอียด มีคนมาช่วยเจ้าดูแลและซื้อของบ้างไหม?”
ในตอนแรกนั้นกู้อ้าวเวยยังรู้สึกแปลก ฉีหรัวกลับพูดทีละเรื่อง เรื่องถ่านไฟในฤดูหนาว เรื่องอุปกรณ์และเสื้อผ้าต่างๆ แล้วยังมีพวกอาหารในแต่ละวัน หลังจากที่ฟังจบแล้ว กู้อ้าวเวยกะพริบตา “ข้านอกจากหาเงินและใช้เงิน ยังต้องตรวจบัญชีที่ตำหนักอีกหรือ?”
“ก็ใช่ไง?” ฉีหรัวเหลือกตาขาว
ฉีหลินก็เห็นด้วยอยู่ข้างๆ “นี่เป็นเรื่องที่แน่นอน ในอดีตตอนข้าอยู่ในตำหนัก”
กู้อ้าวเวยจับคางคิดอยู่นาน เหมือนพวกเขาพูดมีเหตุผล
แต่ตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน นางยังไม่เคยลองดูแลคนทั้งตำหนักเลยนะ….
เห็นสีหน้าของนาง ฉีหลินจึงเปลี่ยนเรื่องพูด วางจดหมายไว้บนโต๊ะ “นี่เป็นจดหมายที่หยินเชี่ยวเขียนให้เจ้า บอกว่าให้เจ้าช่วยตั้งชื่อให้ลูกทั้งสองหน่อย”
“จริงหรือ?” กู้อ้าวเวยเปิดจดหมายออกด้วยความดีใจ ดูพรางจับไปมา สักพักยิ้มจนคิ้วโก่ง วินาทีต่อมากลับสีหน้าแย่ลง แล้ววางจดหมายไว้บนโต๊ะ จึงพูด “อีกไม่กี่เดือนหยินเชี่ยวก็คลอดลูกแล้ว ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่ล่ะ!”
ตกใจกะทันหัน ฉีหลินทำตัวไม่ถูก “หากไม่ได้เป็นเพราะเจ้า ข้าเองก็คงไม่โดนหยินเชี่ยวเร่งให้กลับเมืองเทียนเหยียนเพื่อสืบข่าว ตอนนั้นตอนอยู่บนถนน ข้าคิดว่าเจ้าคือยู่ชีง จึงตั้งใจไปหาเรื่อง ไม่คิดเลยหรือมาหาเรื่องกับผู้พิชิตที่ไร้ความสามารถและไร้อำนาจอย่างข้า แล้วไปหาเรื่องทูตของแคว้นอื่นนั้นโทษเป็นเช่นไร”
“ข้าโทษเจ้าผิดเอง” กู้อ้าวเวยหายโมโห ดื่มชาเล็กน้อยแล้วยื่นไปให้ฉีหลิน
จางเหยียงซานกอดกระถางที่ปลูกไว้ตรงหน้าต่างในตำหนักอ๋องจิ้ง อีกมือหนึ่งจูงหยินซี่งที่เชื่อฟัง เซียวเซียวเห็นกู้อ้าวเวยจึงพุ่งเข้าไป กู้อ้าวเวยสั่งให้บ่าวเตรียมถ้วยและตะเกียบให้เด็กทั้งสอง และตนเองกลับโบกมือให้ผู้อื่น แล้วเดินอ้อมไปทางห้องรอง
จางเหลียงซางวางกระถางลง กู้อ้าวเวยหากล่องไม้จากกองยาที่ยังไม่ได้เก็บ เป็นของที่ส่งให้จางเหยียงซานตรวจดูในตอนนั้น——กล่องที่ใส่ลูกเอ่อตันแดง
เปิดออกมา ลูกเอ่อตันแดงที่อยู่ด้านในนั้นเริ่มเน่าแล้ว ยาพิษจึงค่อยๆ ฟุ้งออกมา
กู้อ้าวเวยอธิบาย “ยานี้ถ้าไม่จับก็ไม่เป็นไร หากไว้อีกสองเดือนคงกลายเป็นยาพิษร้ายแรงที่ถ้ำหินในด่านลั่วสุ่ย”
“เจ้าหยิบของอันนี้ออกมาทำอะไรหรือ?” ฉีหลินยังคงบีบที่จมูกด้วยความมุ่งมั่น
“สิ่งที่พวกเขาปลูกไว้ที่นอกเมืองคือลูกเอ่อตันแดง เพราะว่าใช้เลือดเนื้อที่มีพิษเป็นปุ๋ย เพราะงั้นลูกเอ่อตันแดงพวกนี้ไม่เหมือนของเอ่อตานที่ขึ้นตามธรรมชาติที่ไม่มีพิษ สดแล้วยังสามารถต้มซุปอีกด้วย ของพวกนี้เกิดมาก็มีพิษแล้ว” กู้อ้าวเวยนั่งอธิบายอยู่ข้างๆ จากนั้นก็หันไปมองจางเหยียงซาน
จางเหยียงซานหยิบน้ำมาสามถ้วย แล้วเติมแป้งเข้าไป แล้วหยิบต้นเล็กๆ ใส่ลงไปในน้ำ ทำให้กลายเป็นสีม่วง แล้ววางลูกเอ่อตันแดงที่เอามาจากตำหนักองค์ชายสามใส่ลงไปในน้ำ กลายเป็นสีม่วงเข้ม
“ดูแล้วน่าจะเป็นพิษแบบเดียวกัน” ฉีหรัวขมวดคิ้ว เกรงว่าองค์ชายสามและฮ่องเต้นั้นอยู่ฝ่ายเดียวกัน เป็นเรื่องที่แน่นอน
“พวกเขาเองที่ผิดตั้งแต่แรก” กู้อ้าวเวยหยิบขวดหยกเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าด้วยรอยยิ้ม เทของเหลวในนั้นลงไปในถ้วยใบที่สาม น้ำกลายเป็นสีม่วงอ่อน และนางเอ่ยปากพูด “นี่เป็นยาพิษเถ่หลิงตังที่แท้จริง และบวกกับลูกเอ่อตันแดงที่พวกเขาทำในตอนแรกนั้น……”
พูดอยู่นั้น นางใส่ลูกเอ่อตันแดงที่เน่าลงในถ้วยใบที่สาม สีม่วงอ่อนค่อยๆ จาง เหลือเพียงสีแดงอ่อน
ฉีหรัวไม่เข้าใจ ฉีหลินกลับปรบมือเบาๆ “เพราะเช่นนั้นไม่ใช่สูตรยาผิด แต่เป็นเพราะลำดับขั้นไม่ถูก”
“เจ้าพูดถูก แต่สีแดงอ่อนนี้ เป็นสีในตอนแรกของลูกเอ่อตันแดง” กู้อ้าวเวยวางของในมือลง “ยาไม่เจ็บไม่ตายที่พวกเขาคิดนั้นคือสูตรยาเพียงไม่กี่สูตร แต่แท้จริงแล้ว มีลำดับขั้นตอน ต้องรอสักพัก ถึงจะทานยาอีกตัวหนึ่งได้”
“บางทีข้าอาจจะความจำเสื่อมเพราะยาจุ้ยเวี่ยน เป็นเพราะว่าข้ายังไม่ได้ดูดซับยาอย่างเต็มที่ พยายามทานจึงทำให้เกิดผลข้างเคียง รวมถึงที่ข้าไอเป็นเลือด” พูดถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยจึงไอเล็กน้อย แล้วหลบสายตาที่ตักเตือนของจางเหยียงซาน
“ตอนนี้คงมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึงความมหัศจรรย์นี้ได้” ฉีหรัวอดไม่ได้ที่จะตัดพ้อ
คนเป็นหมื่นเป็นพัน กลับสู้คนนั้นที่สำคัญที่สุดไม่ได้เลย