บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 962
บทที่ 962 โลงหิน
กุ่ยเม่ยปิดหน้าจากไป จางเหยียงซานกระตุกยิ้มมุมปาก
กลางวันแสกๆ! ไร้มารยาท!
แต่ระหว่างทั้งสองกลับเป็นเรื่องธรรมดา แต่กู้อ้าวเวยน้อยครั้งที่จะทำแบบนี้ ซ่านจินจื๋อในใจที่เริ่มโกรธก็คล้ายลงมาบ้าง แต่สองเท้าที่เจ็บปวดกลับเตือนซ่านจินจื๋อ——คนตรงหน้าพาตัวเองไปเจออันตรายที่ไม่คาดคิด
“เป็นคุณหนูยากเช่นนี้เชียวเหรอ?” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นคว้าข้อมือนางไว้
“ที่ข้าเป็นไม่ใช่คุณหนูเหรอ?” กู้อ้าวเวยไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ นิ้วมือสัมผัสลากยาวที่แขนเขา: “ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำ ไม่มีคนมาขวางได้ พวกบ่าวในจวนก็สบายกันทุกคน นี่ก็คือสิ่งที่เจ้าของบ้านควรมีไม่ใช่หรือ?”
เหมือนไม่ให้ซ่านจินจื๋อได้มีโอกาสโต้ตอบ
“พูดยังไงเจ้าก็มีเหตุผลตลอด” ซ่านจินจื๋อระบายอารมณ์ ปล่อยให้กู้อ้าวเวยเอายาครีมนวดทาให้ที่ขาตัวเอง ในขณะที่ซ่านจินจื๋อไม่ทันสังเกต นิ้วมือของกู้อ้าวเวยก็อยู่บนบาดแผลที่ขาเขาแล้ว ความลึกของบาดแผลนี้แทบจะเข้าใกล้เส้นเลือด
เหมือนกำลังเตือนนาง
ความสำเร็จและตำแหน่งของทุกวันนี้ ก็เป็นซ่านจินจื๋อที่หามาเองจากการสู้รบและแลกมาด้วยเลือดเนื้อ
เงียบและลดมือลง ซ่านจินจื๋อกลับได้ยินเสียงเท้าเดินไปมาวุ่นวายด้านนอกประตู เหมือนยังได้ยินเสียงหลี่ซินที่พูดกับคนอื่นดังขึ้นไม่ไกลมาก ฟังสักพัก ก็ถามว่า: “วันนี้พวกน้ำเหนียวนั่นมีพิษเหรอ?”
“ไม่เพียงแต่พิษรุนแรง ยังเอาไว้ในดินได้โดยไม่แตกออก เกรงว่าด้านข้างคงจะมีอิฐหินวางไว้รอบๆโดยไม่มีลมเข้าเลย วันนี้โต๊ะนั้นยุบลงไป เห็นได้ชัดว่าได้ยินเสียงบดแตกดังขึ้น แต่เช่นนี้ก็รู้ได้ว่า สิ่งของนี้สำคัญมาก” กู้อ้าวเวยพูดแล้ว วางขาซ่านจินจื๋อลง รีบล้างมือจากนั้นมองเขาและพูดว่า: “ไม่รู้ว่ากู้เฉิงตอนนั้นเอาของสิ่งนี้ไปด้วยหรือไม่”
“ถ้าเป็นของที่สำคัญมาก น่าจะไม่เก็บไว้นะ” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นมาจากเตียง กู้อ้าวเวยก็ถอดเสื้อเขาออก จะดูว่าบาดแผลที่โดนระเบิดหายหรือยัง
“นั่นสิ” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้น มองบาดแผลเขาอย่างละเอียด ก็ค่อยโล่งอก ยังดีที่พิษที่ขายังไม่แพร่กระจายไปที่บาดแผลบนแขน และบาดแผลของซ่านจินจื๋อดูเหมือนจะหายเร็วมาก ไม่เสียแรงที่เมื่อก่อนเขาเคยออกกำลังกาย……
เหมือนนางจะเห็นซ่านจินจื๋อฝึกฝนน้อยมาก
ในขณะที่เหม่อลอย ตรงประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้น กุ่ยเม่ยที่ออกไปเมื่อกี้ก็ยื่นหัวเข้ามา: “นั่นเป็นโลงหินจริง ด้านในมีชุดผู้หญิงหนึ่งและยังมีพวกเครื่องประดับอีก”
“เดี๋ยวข้าไป” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นยืน ได้ยินเสียงซ่านจินจื๋อยังอยากจะสวมรองเท้า ก็รีบหันไปพูดว่า: “เจ้านอนลงไป พักผ่อนดีๆ”
ซ่านจินจื๋อทำหน้าบูดหน้าบึ้ง กู้อ้าวเวยที่เห็นแล้วก็รู้สึกไม่ดี จึงเดินไปพยุงเขาลุกขึ้นมาจากเตียง แม้ยาครีมที่เหนียวเนอะหนะบนเท้าจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เจ็บแล้ว ซ่านจินจื๋อเดินออกไปพร้อมนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ข้ารับใช้หญิงและชายต่างไม่กล้าเข้าใกล้เรือนที่มีพิษ
จางเหยียงซานพาคนไปเก็บกวาดของพวกนั้น กู้อ้าวเวยยังอยากจะไปช่วย แต่กลับถูกซ่านจินจื๋อที่อยู่ข้างๆดึงไว้ เตือนเสียงเบาว่า: “อย่าไปก่อเรื่องอีก”
มองดูคนข้างๆอย่างไม่พอใจ
“ตาเจ้าเห็นสิ่งของได้ชัดเหรอ?” ซ่านจินจื๋อก็เคาะหัวนางเบาๆ
“อีกไม่นานดวงตาข้าก็จะดีแล้ว ถึงเวลาเจ้าก็ขวางข้าไม่ได้แล้วล่ะ” กู้อ้าวเวยพูดอย่างไม่พอใจ
“ข้าจะคอยดู” ครึ่งชีวิตนี้ของเขาต้องจับตาดูนางไว้!
แค่สักพัก ก็เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้แล้ว!
ถ้าไม่จับตาดูไว้นานๆเข้า เกรงว่านางคงจะทำเรื่องที่ใหญ่กว่านี้อีกเป็นแน่
กู้อ้าวเวยมองค้อนเขา ชีวิตนี้ของนางจะไม่ถูกคนจับตาดูไว้แบบนี้แน่ แม้ซ่านจินจื๋อก็ไม่อาจจับตัวนางไว้ได้!
พอเข้าไปในห้อง มองดูเสื้อผ้าเครื่องประดับในโลงหิน ทั้งสองต่างเก็บอารมณ์เล็กๆน้อยๆของทั้งคู่ไว้ โน้มตัวลงมองของในโลงหินอย่างละเอียด
เพียงแค่เสื้อผ้าเครื่องประดับของผู้หญิงก็กองอยู่เต็มในโลงหินนี่แล้ว
แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ไม่มีใครกล้าเอาของพวกนั้นออกมา
กู้อ้าวเวยหรี่ตาลงแต่กลับเห็นแค่ลางๆเท่านั้น เลิกคิ้วขึ้น: “เสื้อผ้าพวกนี้เป็นอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ขนาดเนื้อผ้าก็ไม่ใช่ที่ดีที่สุด เครื่องประดับถูกๆพวกนี้เจอได้ตามท้องตลาดทั่วไป” ซ่านจินจื๋ออธิบายข้างๆ มองอย่างละเอียดสักพัก ก็เอาไม้ยาวในมือของหลี่ซินมา เอาเสื้อผ้าและเครื่องประดับพวกนั่นออกมาวางไว้ข้างๆ
จนกระทั่งของทุกอย่างเอาออกมาแล้ว ข้างล่างก็ยังเป็นเครื่องประดับกับเสื้อผ้าอยู่
โม่อีที่มองอยู่ด้านหลังก็อดไม่ได้พูดขึ้นว่า: “ของจริงๆคงจะถูกเอาไปแล้วล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้” ซ่านจินจื๋อกับกู้อ้าวเวยพูดพร้อมกัน
ทั้งสองสบตากัน และกู้อ้าวเวยพูดขึ้นก่อนว่า: “โลงหินด้านบนเป็นแผนหินขนาดใหญ่ทับไว้ทำให้คนหาช่องว่างในการงัดขึ้นไม่เจอ และโลงหินจริงๆก็ใหญ่เท่าตัวคนเท่านั้น แต่วิธีที่จะเปิดมันกลับดูเหมือนว่าถ้าผิดไปขั้นเดียวก็ทำเอาคนตายได้เลย คงไม่มีคนคิดว่าจะมีคนแก้ความลับนี้ได้ และเปิดมันออก”
“แต่ทุกเรื่องย่อมมีความแน่นอนตลอด ถ้าพวกเขาเก็บไว้ทางหนึ่งล่ะ?” โม่อีกอดอกถาม
“ถ้าเก็บไว้หนึ่งทาง ทำไมต้องย้ายพวกกับดักและยัดของพวกนี้เข้าไปด้วย?” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นมา ทุบขาที่เริ่มเมื่อยเบาๆ อดไม่ได้มองท้องฟ้าที่มืดสนิทด้านนอกประตู และพูดว่า: “แต่ว่าอาจจะใช่นะ”
ซ่านจินจื๋อมองดูนางและหาเก้าอี้นั่งลง เดินขึ้นไป สั่งทุกคนว่า: “พวกเจ้าไปทำธุระตัวเองก่อนเถอะ จัดการน้ำเหนียวนั่นกับกับดักด้วย และปิดประตู”
ทุกคนมองหน้ากัน แต่ก็พากันออกไป
รอจนประตูปิดลง ซ่านจินจื๋อถือยื่นมือไปนวดขาที่เมื่อยล้าของนาง
“ก็ว่าทำไมเจ้าให้พวกเขาออกไปหมด” กู้อ้าวเวยหัวเราะเสียงเบา ทั้งสองจับมือกันไม่ปล่อย ซ่านจินจื๋อหลีกเลี่ยงมือที่บาดเจ็บและนวดให้นางเบาๆ พูดว่า: “ไม่เพียงแค่นี้นะ พวกเขาอยู่ที่นี่ก็เปล่าประโยชน์ ยังต้องอธิบายให้ทุกคนอีก”
“ไมอยากอธิบาย แต่มีกะจิตกะใจเรียนนวดขางั้นเหรอ?” กู้อ้าวเวยรู้สึกสองขาดีขึ้นมามาก วิธีการบีบนวดดูชำนาญมาก เมื่อก่อนกลับไม่รู้ จึงพูดหยอกล้อว่า: “ฝึกนวดที่ตัวใครล่ะ?”
“ในสายตาเจ้า ข้าไม่มีขาหรือไง?” ซ่านจินจื๋อมองค้อนนางอย่างแรง
ในขณะที่เหม่อลอย กู้อ้าวเวยจึงก้มหน้าลงนวดขมับ มองดูเขาพูดว่า: “แต่ในโลงหินนี้ไม่มีอะไรเลยนะ”
“ที่ที่อันตรายที่สุดเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด” ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นมา มองตาเข้ากับดวงตาสีเทานั้น
“มีเหตุผล” กู้อ้าวเวยตกใจหลังจากนั้นก็กระตุกยิ้มมุมปาก
เริ่มเข้าใกล้ความจริงขึ้นมาทุกที จะให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องได้ยินไม่ได้
หน้าต่างด้านนอก ฝนตกหนักไม่หยุด