บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 978
บทที่ 978 แยกห้องประท้วง
“ท่านมาแล้วหรือ”
เสียงข้างหลังม่านมีเสียงดีใจ และเงาก็เริ่มเคลื่อนไหว เสียงโซ่ตรวนดังไม่หยุด
ซ่านต้วนโฉงอยู่ในความมืดข้างประตูมองไม่เห็นด้านใน ได้แต่เดินออกมาทางที่มีแสง สายตาที่เย็นชามองไปยังหญิงสาวหลังม่าน แล้วพูดว่า “ไม่เจอหลายปี เจ้ายังไม่เห็นตัวข้า ก็รู้ว่าข้ามา”
“ถูกต้อง” หญิงสาวแกล้งบีบเสียง เสียงหัวเราะนั้นดังชัด มือก็จับม่านทีละชั้น แต่ก็ไม่กล้าเปิดออก
“หม่อมฉันจะลืมได้อย่างไร……..”
“วันนี้ข้ามา แค่อยากมาถามเจ้า ทำไมตอนนั้นยังเหลือของนั้นไว้” ซ่านต้วนโฉงเผยใบหน้าโกรธ
ผ้าม่านตรงมือเริ่มตึงขึ้น แต่เสียงยังคงนิ่มนวล “นั่นก็แค่คนรับใช้ มาวุ่นวายถึงท่านด้วยหรือ?”
ซ่านต้วนโฉงอ้าปาก แล้วก็ไม่พูด ได้แต่สบัดแขนเสื้อจากไป
หญิงสาวก็รีบเปิดม่านออก ทำท่าจะตามเข้ามา แต่ก็ถูกทหารจากบนหลังคาลงมาห้ามไว้ เสียงหัวเข่ากระแทกลงไปที่พื้นดังมาก นางกัดฟันแน่น แล้วก็รีบพูดก่อนที่ประตูนั่นจะเปิดออก “นางไม่อยู่แล้ว ท่านจะคิดถึงนางไปถึงตอนไหน?”
ประตูเปิดออก แล้วเดินออกไป เข้าไปยังจุดที่มีแสงสว่าง
เหลือเพียงนางที่อยู่ในห้องนอนที่ว่างเปล่าคนเดียว
ได้คำตอบไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?
……
พอออกจากงานเลี้ยง ตระกูลจี้และตระกูลตงฟางก็ยังทะเลาะกันต่อ แต่ว่านานเข้า จุดประสงค์ของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไป เริ่มสบายหูขึ้นมาก
กู้อ้าวเวยจับแขนซ่านจินจื๋อ ยืนอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน เดินอยู่ในสวนดอกไม้
ด้านหลังมีนางกำนัลและขันที10กว่าคนตามมา ซ่านจินจื๋อก็จับนางไว้แน่นไม่ปล่อยมือ
“เจ้าทำแบบนี้ เกรงว่าวันพรุ่งนี้ชื่อเสียงข้าก็ไม่เหลือแล้ว” กู้อ้าวเวยถูกสายตา10กว่าคู่ด้านหลังจ้องมองอยู่ ค่อนข้างไม่เป็นตัวของตัวเอง
“หลังจากเรื่องวันนี้ ท่านพี่คงต้องเอาเรื่องที่เจ้าตายแล้วฟื้นประกาศไปทั่วแผ่นดินแน่ เช่นนี้ คนที่หาอายุวัฒนะที่ด่านลั่วสุ่ยไม่พบ ก็จะชี้เป้ามาที่เจ้า” เข้ามาชิดเช่นนี้ ก็ทำให้ซ่านจินจื๋อเข้าไปคุยข้างหูของกู้อ้าวเวยอย่างสะดวก คนข้างหลังก็จะไม่ได้ยินอะไร
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” กู้อ้าวเอวกอดแขนของเขาแล้วเอามือเคาะคางตนเอง แล้วก็ถอนหายใจ “ไม่คิดว่าเขาจะเล่นแผนนี้ เช่นนี้ ไม่ว่าเขาหรือข้าเอง ก็จะเอาตัวรอดเองยาก”
“แม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจออกมาจากเรื่องนี้ ถ้าใต้เท้าจี้ไม่ตามเรื่องนี้ต่อ เกรงว่าในราชสำนักก็คงจะสงสัยเรื่องนี้ ยิ่งตอนนี้ข้าอยู่ช่วงสำคัญ คงจะอธิบายอะไรไม่ได้” ซ่านจินจื๋อก็รู้ว่าตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้
ในบางความหมาย อำนาจในราชสำนักก็จะมีผลต่ออำนาจในเมืองหลวง
กู้อ้าวเวยมองตาเขาอย่างกังวล “ถ้าวันนี้ข้าเก็บอาการมากอีกหน่อย……….”
“แต่เขาก็รู้ความจริงแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเก็บอาการอย่างไร เขาก็ทำอยู่ดี” ซ่านจินจื๋อปลอบใจเบาๆ แล้วก็เอามือมานวดๆ ที่หลังคอของนาง
มาจับเนื้อต้องตัวผู้หญิงโจ่งแจ้งในวังแบบนี้ ถือว่าผิดกฎ
แล้วอีกอย่างทั้งสองยังไม่ได้แต่งงาน แต่พวกขันทีและนางกำนัลด้านหลังก็ไม่ได้พูดอะไร แต่แค่หลบสายตาไม่กล้ามอง
“นวดแล้วค่อยสบายหน่อยไหม?”
“ไม่ปวดคอแล้ว แต่ขานี่เดินไม่ไหวแล้ว” กู้อ้าวเวยก้มลงไปนวดขาตนเอง
ซ่านจินจื๋อไม่ได้พูดอะไร แต่เอามาโอบไว้ แล้วสั่งคนข้างหลัง “ออกวัง”
“แต่ฮ่องเต้สั่งว่า อยากให้คุณหนูฉูอยู่ที่นี่……”
“เจ้าไปบอกท่านพี่ ในเมื่อรู้ว่าเวยเอ๋อเป็นคนของข้า ก็อย่าได้คิด ถ้ามีอะไรก็มาตกลงกับข้าเอง” ซ่านจินจื๋อเย็นชา แล้วก็สะบัดเสื้อเดินจากไป
พอเดินตามผู้ชาย กู้อ้าวเวยก็เอามือมาโอบเอวเขา รู้สึกว่าตัวของผู้ชายจะแข๋งๆ แล้วนางก็ยิ้มๆ “ฮ่องเต้ไม่ได้หาเรื่องเจ้าต่อหน้า แต่ก็เพราะไม่รู้จะหาเรื่องเจ้าอย่างไรมากกว่า”
“วันนี้เจ้าบอกไปแล้วว่ารู้จักยู่จุน คิดว่าท่านพี่น่าจะยังไม่ทำอะไรกับเจ้า” ซ่านจินจื๋อก็ยิ้มๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ
พอมาถึงตอนออกจากวังแล้วจะขึ้นรถม้า กู้อ้าวเวยก็ถามเขาว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าไทเฮามักจะไปชินเทียนเจียน (แผนกดูดาว) มันหมายความว่าอย่างไร?”
“โม่อีส่งคนไปสอดแนมนานแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเงาของยู่จือ แต่พบท่านแม่เข้าออกบ่อยๆ ก็เลยคิดว่าต้องมีอะไรแปลกๆ” ซ่านจินจื๋อเอื้อมมือข้ามนางไป เพื่อจะหยิบผ้าห่มมาห่มขานาง แล้วก็ไม่รู้ว่าหยิบกล่องอาหารออกมาได้อย่างไร ด้านในมีซาลาเปาร้อนๆ อยู่2ลูก
กู้อ้าวเวยก็กินไปพูดไป “ดังนั้นเมื่อครู่เจ้าก็เลยแกล้งนาง?”
“ถ้าท่านแม่สนใจเรื่องนี้จริง คืนนี้ที่ชินเทียนเจียน (แผนกดูดาว) ก็จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เจ้ากลับไปนอนก่อน” ซ่านจินจื๋อช่วยนางเอาเครื่องประดับบนหัวออกทีละชิ้น ภายใต้ผมที่ยุ่งเหยิง ก็เผยให้เห็นนางในอีกแบบ เสียงหายใจของซ่านจินจื๋อก็เร็วขึ้น
นางมันจะทำให้คนรักเสมอ
กู้อ้าวเวยจ้องไปยังสายตาที่ร้อนรุ่มของเขา แล้วก็หันหน้าไปกระพริบตาปริบๆ “เจ้าอายุ30แล้ว ยังมีอารมณ์แบบนี้ ก็แสดงว่ายังมีแรงอยู่ไม่ใช่หรือ?”
เฉิงซานและกุ่ยเม่ยที่ขับรถม้าก็ไอขึ้น
ซ่านจินจื๋อบีบคอที่ปวดของนาง แล้วเอานางมากอด “แล้วก็พูดอะไรไม่ออก”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าจ้องมองข้าจนทำตัวไม่ถูก ข้าก็คงไม่พูดแบบนี้” กู้อ้าวเวยก็แกล้งกวนตลอดทาง พอมาถึงจวนฉู เดิมทีกู้อ้าวเวยจะต้องขอบคุณ แต่ตอนนี้นางหลับไปเสียแล้ว นอนอยู่ในอกซ่านจินจื๋อ เสียงรอบข้างดังขึ้นก็ไม่ตื่น
ซ่านจินจื๋ออุ้มนางเดินเข้าไปอย่างหน้าเข้มๆ กุ่ยเม่ยกางร่มให้ทั้งสอง แล้วถามว่า “ท่านอ๋อง ท่านรีบเช่นนี้ จะ……………”
“นางหลับอย่างไม่ระวังตัวแบบนี้ ปลุกให้ตื่นยาก” ซ่านจินจื๋อทำหน้านิ่งแล้วอุ้มนาง ส่วนกู้อ้าวเวยก็ขยับตัวเข้าไปใกล้อกอุ่นๆ มากขึ้น แต่ดวงตาก็ยังไม่ลืมขึ้น
กุ่ยเม่ยก้มหน้าลง ส่วนเฉิงซานก็ไปหาจางเหยียงซาน
เมื่อเอานางนอนบนเตียง จางเหยียงซานก็ถือกล่องยารีบเดินเข้ามา ครั้งนี้ตั้งสติตรวจอาการพักใหญ่ ฝังเข็มให้นาง แล้วพูดว่า “ไม่เป็นอะไรมาก แค่เลือดลมไหลเวียนไม่ดี บวกกับโรคเดิม นางก็จะเหนื่อยง่าย”
ซ่านจินจื๋อก็โล่งอก แต่ก็ได้ยินจางเหยียงซานบอกอีกว่า “แต่นางได้กลิ่นเลือดเป็นของหวาน แสดงว่าจุ้ยเวี่ยนมีผลต่อนาง กระหม่อมยังจะต้องเปิดตำราหาข้อมูลเพิ่ม”
“จุ้ยเวี่ยนนี่ มันมีทางรักษาไหม?” กุ่ยเม่ยรีบถาม
“ไม่มีใครรักษาจุ้ยเวี่ยนได้ แต่นางทำเช่นนี้ ก็เหมือนกับเทหมดหน้าตัก” จางเหยียงซานส่ายหัวอย่างเสียใจ