บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 981
บทที่ 981 ฝาแฝด
“จิตใจคุณธรรม….”
ซ่านต้วนโฉงพูดพึมพำอยู่ แล้วก็มองผู้หญิงที่อยู่ในโลงศพน้ำแข็ง
โลงศพน้ำแข็งที่หนาเกือบโปร่งใส แต่ซ่านต้วนโฉงก็มองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงไม่ชัด ในใจกลับจำได้ว่าปลายจมูกของนางแหลมงอน ริมฝีปากบางเบา แม้จะมีคำกล่าวว่าคนที่มีริมฝีปากบางจะเป็นคนไม่มีน้ำใจ แต่ในความทรงจำผู้หญิงคนนี้กลับเป็นคนร่าเริง มีดวงตาที่สดใสเหมือนดั่งสามารถพูดได้
แต่ตอนนี้ ดวงตาคู่นั้นกลับปิดสนิทอยู่
นิ้วมือของซ่านต้วนโฉงวางอยู่บนโลงอย่างระมัดระวัง ความเยือกเย็นซึมซับผ่านนิ้วเข้าไปถึงกระดูกสันหลัง แต่เขากลับพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “มีหมออยู่บนโลกนี้เป็นพันเป็นหมื่น แต่คนที่มีจิตใจเมตตามีอยู่เพียงกี่คน?”
“หากข้าฆ่ากู้อ้าวเวยด้วยมือข้าเอง เจ้าจะฟื้นตื่นขึ้นมาโกรธข้าเพราะเรื่องนี้ไหม?”
พูดพึมพำคนเดียวอยู่กับโลงที่เยือกเย็น พวกนางกำลังเดินไปมาอยู่ด้านนอกวัง โดยไม่พูดจาอะไรสักคำ
ไม่รู้ว่านั่งอยู่นานเท่าไหร่ ซ่านต้วนโฉงถึงค่อยขยับแขนที่แข็งทื่อแล้วของตัวเอง ลุกขึ้นยืนแล้วเอาแขนที่แข็งแล้วนี้ซ่อนไว้ในชายแขนเสื้อที่กว้าง ก่อนจะไปได้ก้มลงมองดูรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงในโลง “หากมีโอกาส ข้าจะชดเชยสิ่งที่กระทำผิดพลาดไปในตอนนั้น”
พูดเสร็จ ซ่านต้วนโฉงก็ก้าวเดินออกไปจากตำหนักที่กว้างใหญ่นี้ หวางกงกงที่รออยู่แล้วตั้งนานพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้องค์หญิงหลิงเอ๋อร์ได้ส่งไปยังตำหนักอ๋องจิ้งแล้ว พระองค์…”
“ยังไงพวกเขาก็ต้องรู้ความจริงในตอนนั้น” ซ่านต้วนโฉงถอนหายใจอย่างหนักหนึ่งที แล้วก็เดินไปในห้องพระอักษร
ฝนที่ตกอยู่หลายวันกำลังจะหยุด ก่อนเมฆหนาบนท้องฟ้าก็ค่อยๆหายไปกับขอบฟ้า
ตอนพลบค่ำ เป็นเรื่องยากที่กว่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ตก รถม้าด้านนอกวังค่อยๆมุ่งหน้าไปทางตำหนักอ๋องจิ้ง หากมองผ่านม่านในรถที่กำลังแล่นไปอย่างละเอียด ก็จะสามารถมองเห็นผู้หญิงสองคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันบนรถม้านั่น
เฉิงยีเฉิงเอ้อรออยู่ตรงหน้าประตูแต่เช้าแล้ว แต่เมื่อรอถึงเมื่อผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันสองคนเดินลงมาจากบนรถม้า ทั้งสองคนก็ค่อนข้างตกใจอยู่ไม่น้อย
องค์หญิงหลิงเอ๋อร์ตาบอดมาแต่กำเนิด แต่อีกหนึ่งคนในนี้มองเห็นอย่างชัดเจนแต่ค่อนข้างบ้าๆบอๆไม่รู้เรื่องอะไร ส่วนผู้หญิงอีกคนดูเป็นกุลสตรีแต่ในดวงตาไม่มีความสดใสเลย เติมจะมองรู้ว่าเป็นใครเป็นตัวจริงนั้นง่ายมาก แต่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน แม้แต่ซ่านจินจื๋อเองก็ไม่รู้ว่าคนไหนคือตัวจริงคนนั้นกันแน่
ผู้หญิงที่ตาบอดคนนั้นดึงผู้หญิงคนที่บ้าๆบอๆไว้ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงว่า “พวกเขาเรียกข้าว่าหลิงเอ๋อร์ก็พอ มีเพียงเรียกนางว่าหมิ่นเอ๋อเท่านั้นถึงจะขานรับ”
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อได้ยินคำว่าหมิ่นเอ๋อ ผู้หญิงที่บ้าๆบอๆคนนั้นก็เงียบมองดูหลิงเอ๋อร์
หลิงเอ๋อร์เพียงแค่ดึงมือของนางไว้ค่อนข้างแน่น แล้วยิ้มพูดขึ้นว่า “เข้าประตูนี้ไปแล้ว ก็จะคิดหักหลังไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้านายจะสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้น”
“เข้าใจอยู่ มีดใช่ไหม” หมิ่นเอ๋อพูดด้วยเสียงเลียนแบบขอทานข้างทางนั่น อย่างโง่ๆซื่อๆ
หลิงเอ๋อร์เพียงแค่หัวเราะ จูงมือหมิ่นเอ๋อที่ว่าง่ายเดินเข้าไปด้านใน
เฉิงยีกับเฉิงเอ้อมองตากัน ทำไมสองคนที่มีรูปร่างเหมือนกันขนาดนี้ถึงไม่ผิดใจกัน?
หลังจากรออยู่ในห้องพระอักษรอยู่ตั้งนาน รอเมื่อเห็นผู้หญิงสองคนมาถึง ซ่านจินจื๋อก็รู้สึกลังเลไม่แน่ใจ คิดอยู่ว่าเด็กผู้หญิงในตอนนั้นหากเติบโตแล้ว ก็คงจะมีรูปร่างหน้าตาที่ดีแบบนี้ รีบลุกขึ้นยืน ก็ได้ยินหลิงเอ๋อร์พูดแนะนำ แล้วค่อยพูดอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไรว่า “เดิมข้าคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครสามารถอยู่ข้างกายเสด็จอาได้ ตอนนี้ได้เห็นเสด็จอากับกู้อ้าวเวยได้ครองคู่กัน หลิงเอ๋อร์ยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่ง”
ตาผู้หญิงไม่มีแวว แต่เมื่อพูดจาแล้วกลับยิ่งเหมือนคนแก่
ไม่เหมือนกับที่ในใจซ่านจินจื๋อคิดไว้ ไอเบาๆอยู่สองที “เจ้ากับหมิ่นเอ๋อ”
“หมิ่นเอ๋อก็เป็นองค์หญิง นางเป็นน้องฝาแฝดของข้า” หลิงเอ๋อร์รู้สึกว่าหมิ่นเอ๋อหลบอยู่ด้านหลังตัวเอง จึงตบหลังมือนางอย่างอ่อนโยน พูดด้วยเสียงต่ำว่า “หมิ่นเอ๋อร์โง่ๆซื่อๆมาตั้งแต่กำเนิด อากัปกิริยาต่างๆจะเลียนแบบคนอื่น ค่อนข้างน่าแปลก ขอเสด็จอาอย่าได้ใส่ใจ”
แต่แบบนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน และก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
ซ่านจินจื๋อเดินมาด้านหน้าหนึ่งก้าว มองดูทั้งสองคนอย่างละเอียดแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าทั้งสองไม่ได้มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นตัวปลอมใช่ไหม?”
“ไม่เหมือนกันแน่นอน แค่กู้อ้าวเวยคนเดียว เลี้ยงเติบโตมากก็เหนื่อยมากแล้ว นับประสาอะไรกับตัวแทนองค์หญิง” หลิงเอ๋อร์เม้นปากพูด ท่าทีทุกอย่างดูมีสง่าราศีของเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ แต่หากมองดูอย่างละเอียด ก็จะสามารถมองเห็นตรงข้อมือของนางมีรอยบาดแผล แม้แต่ตรงลำคอก็มีบาดแผลที่ยังไม่หาย
กลับกัน บนตัวหมิ่นเอ๋อกลับไม่เห็นมีรอยแผลเป็นใดๆเลย
“หลิงเอ๋อร์” ยังไงซ่านจินจื๋อก็ยังไม่วางใจ ยกมือวางบนหน้าผากของนางแล้วนวดเบาๆ “หากตอนนั้นข้าไม่ใจร้อนขนาดนั้น ตอนนี้เจ้าก็ไม่ต้องมาทุกข์ทรมานขนาดนี้”
หลิงเอ๋อร์ลืมตาโตมองดูเขา จากนั้นก็หัวเราะออกมา “เสด็จอาอ่อนโยนแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่? ตอนนั้นหลิงเอ๋อร์ติดตามท่านอยู่ข้างหลังตลอดทุกวัน ไม่เคยได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนแบบนี้สักครั้ง”
ซ่านจินจื๋อเพียงยิ้มไม่พูดอะไร แล้วก็มองเห็นหมิ่นเอ๋อยื่นหัวออกมา จึงเอามือลูบหัวของนางด้วย แล้วก็ได้ยินนางพูดขึ้นว่า “เสด็จอา? ทุกข์ทรมาน”
แล้วก็เลียนแบบคำพูดของทั้งสองได้เป็นอย่างดี
“หมิ่นเอ๋อน่ารัก ไม่แน่อาจจะพูดคุยทุกคอกับเวยเอ๋อ” ซ่านจินจื๋อเพิ่มแรงมากขึ้น เฉิงยีเฉิงเอ้อที่อยู่ด้านนอกรีบเอาขนมเค้กมาให้หมิ่นเอ๋อ สักพักก็ปลอบนางได้เป็นอย่างดี นางนั่งอยู่ด้านข้างทานขนมเค้กอยู่อย่างว่าง่าย
หลิงเอ๋อร์ยังอยากพูดอะไรอีก กลับถูกซ่านจินจื๋อนวดหัวไหล่ มองดูอย่างละเอียดแล้วพูดขึ้นว่า “หลิงเอ๋อร์ช่างมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามยิ่งนัก ถึงแม้พวกเจ้าจะค่อนข้างเหนื่อย แต่ยังไงก็ไปดูเวยเอ๋อเสียหน่อย ไปแน่ดวงตาของเจ้า โรคทางจิตของหมิ่นเอ๋ออาจจะสามารถรักษาได้”
“จริงหรือ?” หลิงเอ๋อร์อึ้ง
“แน่นอนสิ” ซ่านจินจื๋อปล่อยไหล่ที่ผอมเล็กนั่นของนาง ในใจยิ่งเจ็บปวด
หลิงเอ๋อร์กับหมิ่นเอ๋อรูปร่างหน้าตาดูเล็กกว่ากู้อ้าวเวยมาก ทั้งๆที่เป็นผู้หญิง แต่พอลูบไหล่ก็รู้สึกติดมือ หลังจากนั้นก็มองดูท้องฟ้า “ตอนกลางคืนข้าแอบพาพวกเจ้าไป”
“เช่นนี้ จะไม่เป็นการรบกวนเวลานอนของนางหรือ?” หลิงเอ๋อร์ค่อนข้างว่าง่าย
“นางนอนน้อย ยิ่งไปกว่านั้นมีบางเรื่อง ก็ไม่จำเป็นที่นางต้องทำเอง” ซ่านจินจื๋อแทบลูบหัวนางจนยุ่ง ต้องดูเส้นผมที่เป็นสีเหลืองนั้น ยังไงก็อยากที่จะถามต่ออย่างไม่สามารถที่จะอดทนได้
แต่เมื่อถึงเวลาค่ำผู้คนเงียบสงบ เขาพาลูกน้องหลายคน เข้าไปข้างในจากด้านหลังจวนฉู
กู้อ้าวเวยยังไม่นอนจริงๆด้วย เพิ่งออกมาจากห้องของเซียวเซียว ชนกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างจังตรงระเบียง จนเซไปหลายก้าว ผู้หญิงตรงหน้ากลับถูกซ่านจินจื๋อหิ้วคอเสื้อเดินไป ด้านข้างยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกันมาก
นวดหัวอยู่สักพัก กู้อ้าวเวยกอดราวไว้แน่น แล้วถามขึ้นว่า “สาวงามสองคนนี้ไปได้มาจากไหนอีก?”
“หยุดคิดก่อนเถอะ” ซ่านจินจื๋อเอาหมิ่นเอ๋อให้กับหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง แล้วก็เดินมาด้านข้างนางด้วยตัวเอง เล่าเรื่องของหลิงเอ๋อร์อย่างคร่าวๆหนึ่งรอบ แล้วก็พูดขึ้นว่า “ให้จางเหยียงซานมาลองรักษาดู หากเขารักษาไม่ได้แล้วเจ้าค่อยมาลอง”
“เขากำลังยุ่งอยู่ เรื่องพวกนี้บอกให้ข้าเถอะ ไม่ทำให้ข้าเหนื่อยหรอก” มือของกู้อ้าวเวยศอกตรงหน้าอกซ่านจินจื๋อ แล้วล้วงเอาลูกอมยื่นให้กับหมิ่นเอ๋อร์
คนตรงหน้ากับกระโดดโลดเต้น เกาะอยู่บนไหล่หลิงเอ๋อร์แล้วตะโกนขึ้นว่า “มีพิษ