บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 989
บทที่ 989 เพื่อความรัก
ชั้นบนสุดของร้านอาหารป่ายเว่ย ซ่านเซิ่งหานที่เพิ่งออกไปจากวังเมื่อกี้มองดูด้านข้างประตู
องค์ชายหกซ่านจวนฮ่าวที่ไม่เคยปรากฏหน้าให้เห็นมานานเดินเข้าประตูมา ไร้วี่แววความไร้เดียงสากับความหุนหันพลันแล่นในตอนนั้นแล้ว แต่การถูกกดขี่ภายในไม่กี่เดือน ทำให้เขามองเห็นสิ่งที่เยือกเย็นและอบอุ่นในราชวงศ์นี้อย่างชัดเจน สะบัดแขนเสื้อขมวดคิ้วนั่งลง สีหน้าซ่านจวนฮ่าวเผยให้เห็นถึงความเบื่อหน่าย “วันนี้ท่านพี่สามเรียกข้ามาด้วยธุระอะไรหรือ?”
“แค่ไม่ได้เห็นนานแล้วแค่นั้นเอง” ซ่านเซิ่งหานยิ้มรินเหล้าให้เขาด้วยตนเอง แล้วก็พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เพียงแค่วันนี้เห็นแม่หญิงเย็บปักถักร้อยคนนั้นถูกส่งออกไปจากวัง จึงตั้งใจมาถามฮ่าวเอ๋อว่ารู้เรื่องนี้ไหม”
สีหน้าซ่านจวนฮ่าวแสดงอาการตกใจ ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนพูดว่า “เกิดเรื่องนี้ขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อวาน แม่หญิงเย็บปักถักร้อยกระทำผิดกฎในวัง จึงถูกนำตัวออกไปจากวังทันที” สีหน้าซ่านเซิ่งหานมองดูเขาอย่างเคร่งขรึม เห็นเขาโกรธและกำลังจะจากไป จึงเรียกเขาแล้วพูดว่า “ด้วยความสามารถของเจ้าตอนนี้ ต่อให้เข้าวังไป แล้วจะทำอะไรได้?”
ซ่านจวนฮ่าวหันหน้ากลับมา ดวงตาแดงก่ำ “ยังไงก็จะต้องช่วยนาง…”
“คนตายแล้วไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ ฟังคำพี่สามดีกว่า อย่าหุนหันพลันแล่น” ซ่านเซิ่งหานยกถ้วยชาตรงหน้า แล้วก็เอารายชื่อเล่มหนาวางตรงหน้าซ่านจวนฮ่าว พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เพื่อแม่หญิงเย็บปักถักร้อยคนหนึ่ง แล้วทอดทิ้งชีวิตของทหารมากมายพวกนี้หรือ?”
ซ่านเซิ่งหานก็ขมวดคิ้วแน่น
องค์ชายหกหันมามองดูเขาอย่างขอไปที แววตาแปลกประหลาด มือกลับชักดาบออกมาวางจ่อตรงคอของซ่านเซิ่งหานแล้ว แต่ไม่ลงมือ โหนกหน้าผากนูนจ้องมองดูเขา
หากซ่านเซิ่งหานคิดอยากที่จะเปิดเผยความทะเยอทะยานในใจของตนเองจริง รายชื่อเล่มนี้ก็ไม่ควรปรากฏอยู่ที่นี่ในวันนี้
“งั้นชีวิตของนาง ก็ไม่ใช่ชีวิตแล้วหรือ เสด็จพ่อทำเช่นนี้ เจ้ากลับยังทำทุกอย่างเพื่อเขา” ซ่านจวนฮ่าวพูดเล็ดไรฟัน ดวงตาแดงก่ำ เหลือเพียงสติเล็กน้อยที่ทำให้เขาลดเสียงลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ต่อให้ไม่กบฏ ข้าก็จะต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเพื่อขอคำอธิบาย”
“คำอธิบาย?” ซ่านเซิ่งหานขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสูง
“ชีวิตของนาง ข้าจะไปชดใช้เอง” ซ่านจวนฮ่าวทิ้งประโยคนี้ไว้ มีดเล็กในมือก็ตกหล่นอยู่บนโต๊ะ ยังสั่นไหวอยู่บนโต๊ะเบาๆ
มองดูเงาหลังของน้องหก ซ่านเซิ่งหาน ทำได้เพียงแค่เฝ้าดูสภาพอากาศที่มืดมนเงียบๆ ด้านนอกหน้าต่าง แล้วก็เหม่อลอย
แต่ว่าความรักนี้ สมควรที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยงหรือ
ซ่านจวนฮ่าวโดดขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง เขานั่งเหม่อลอยอยู่บนชั้นสูงสุดของร้านอาหารป่ายเว่ย จนได้ยินเสียงฝนตกไม่หยุด น้ำฝนด้านนอกหน้าต่างสาดโดนหน้าของเขา เฟิงฉีนที่ร่างกายเปียกไปด้วยสายฝนปีนขึ้นมาด้วยเท้าที่หนักหน่วง
เสียงทั้งหมดในหูกลายเป็นความเงียบ
มีเพียงเสียงเบาของเฟิงฉีนที่มาพร้อมกับสายฝน
“องค์ชายหก… เข้าวังก่อกบฏ ถูกสังหารสิ้นพระชนม์แล้ว”
ในหัวสมองดังอึ้ง ซ่านเซิ่งหานบดถ้วยในมือจนละเอียด เลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากหว่างนิ้วมือ
“คนที่มีรายชื่อในเล่มนี้ล้วนเขาวังแล้วหรือ?” ซ่านเซิ่งหานไม่สนใจที่จะเก็บเศษเหล่านั้นไว้ในอุ้งมือ
“เปล่า” เฟิงฉีนพูดขึ้น
อยากลงโทษใคร ก็ย่อมมีเหตุผลหรือหาข้ออ้างได้เสมอ
เวลาภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ทั่วทั้งเมืองเทียนเหยียนก็เกิดความวุ่นวาย ตงฟางถงหลิ่งพาคนตามหาทุกคนที่มีในรายชื่อทั้งหมด ซ่านเซิ่งหานนิ่งมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ กลับคิดไม่ถึงว่าตงฟางถงหลิ่งคนนั้นกลับขึ้นตึกมาด้วยตัวเอง ก้มประสานตรงหน้าเขา “องค์ชายสาม”
“ตงฟางถงหลิ่ง มาด้วยธุระอะไร?” ซ่านเซิ่งหานหันไปมองด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ฮ่องเต้ให้ข้าพาคนๆหนึ่งมาส่งมอบให้กับเจ้า พร้อมทั้งถ่ายทอดคำพูดมาประโยคหนึ่งว่า ” เสียงของตงฟางถงหลิ่งกำลังพูดอยู่นั้น ด้านนอกมีผู้หญิงคนหนึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือดก้าวเข้าประตูมา นางถูกผลักจนล้มกองกับพื้นใกล้ๆเท้าของเขา ตามด้วยเสียงของตงฟางถงหลิ่ง “คนเราเกิดมาไม่ยุติธรรม ชีวิตแลกด้วยชีวิตไม่ได้หรอก”
หลังจากพูดจบ ตงฟางถงหลิ่งก็ได้พาคนจากไปอย่างทะมัดทะแมง
ผู้หญิงที่ฟุบตัวอยู่ข้างโต๊ะทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะแล้วมองไปยังอ้อมกอดของตัวเอง แทบจะร้องไห้ไม่ออก
ซ่านเซิ่งหานจ้องมองไปที่นางอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็ถอนหายเข้าลึกๆ สั่งฟิงฉีนว่า “คนที่หลงใหลในความรัก ก็สมควรที่จะมอบให้กับคนที่หลงใหลในความรักดูแล แล้วบอกกับนางว่า หากยังหลงระเริงอยู่ นางกับเสด็จลุงก็ควรที่จะจบลงแบบนี้”
เฟิงฉีนเหลือบมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่บนพื้น พยักหน้าแล้วดึงนางขึ้นมาแล้วจากไป
หลังจากที่ฝนตกหนัก เฟิงฉีนได้พาคนมาถึงในจวนฉู มือทั้งสองประสานกันถึงจะทำให้หญิงสาวที่ร้องไห้ไม่ยอมหยุดอยู่นั้นลุกขึ้นมายืนอยู่บนจุดเดิม หลี่ซินยังอยากจะนำคนเข้าไปอีก แต่เฟิงฉีนก็กัดฟันพูดว่า “ให้คุณหนูของเจ้าออกมาด้วยตัวเอง นางรู้จัก”
กู้อ้าวเวยได้ยินข่าวก็รีบมาทันที ชายกระโปรงเปียกชื้นหมดก็ไม่ทันได้สังเกต
หลังจากที่เฝ้ามองดูโฉมหน้าของผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว นางจ้องมองด้วยตาโตทั้งคู่ แล้วเดินเข้าไปข้างหน้าดึงตัวนางกลับมาแนบกายจากมือของเฟิงฉีน ใช้แขนเสื้อเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้นาง มือทั้งสองอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา “นางยังไม่ตายจริงๆด้วย……”
“คนที่ตายคือองค์ชายหก ” เฟิงฉีนเอ่ยคำพูดของซ่านเซิ่งหานอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นก็เดินจากไป
แน่นอนว่ากู้อ้าวเวยยังจำผู้หญิงข้างกายของเขาได้ ในวันนั้นถึงแม้ว่าจะเห็นรูปร่างไม่ชัดเพียง แต่นางกลับมีความจำที่ลึกซึ้ง เมื่อครู่นางยังไม่ได้สนใจถึงเรื่องราวที่องค์ชายหกคิดกบฏจนถูกสังหารคาที่ แต่กลับตะลึงว่าแม่หญิงเย็บปักถักร้อยยังไม่ตาย
ซ่านจวนฮ่าวยินยอมที่จะสละชีวิตเพื่อคนรักของตัวเอง
ซ่านจินจื๋อมาอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นก็ยิ่งตกตะลึง กู้อ้าวเวยกลับจ้องมองไปที่เขาอย่างเฉยเมย “ซ่านต้วนโฉงกำลังเล่นเกมอะไรกันแน่? องค์ชายหกเป็นลูกชายของเขา เขาจะกล้าได้อย่างไร”
“ตั้งแต่องค์ชายหกเริ่มมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ เกรงว่าเขาไม่ได้อยู่ในสายตาของเสด็จพี่ แต่……” เขาก็ไม่ทราบว่าทำไมเขาถึงทรมานลูกชายของตัวเองได้เพียงนี้ จ้องมองแม่หญิงเย็บปักถักร้อยที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบเลือดครุ่นคิดนานพักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็สั่งเฉิงยี “ส่งนางกลับบ้านเกิด”
“ไม่” ผู้หญิงคนนั้น ร้องด้วยเสียงตกตะลึง มือจับแขนเสื้อของซ่านจินจื๋ออย่างแน่น “ข้าจะอยู่ในเมืองเทียนเหยียนจนวินาทีสุดท้าย”
กู้อ้าวเวยถูกนางผลักออกไปเล็กน้อย จนเซไปหลายก้าว
ซ่านจินจื๋อยกมือไปดึงนางไว้ จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้ผู้หญิงคนนั้นอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะส่งเจ้าไปยังตำหนักอ๋องจิ้ง”
เฉิงอีพานางจากไป กู้อ้าวเวยก็รวบเสื้อผ้ามาแนบกาย และมองไปที่ท้องฟ้าที่เมื่อกี้ยังคงปลอดโปร่งแต่ตอนนี้ฝนกำลังตกอย่างหนัก คนที่เงียบครึมอย่างองค์ชายหกจิตใจเด็ดเดี่ยวยังไม่ได้ลงมือแต่กลับต้องมาตายเพราะผู้หญิง ตายพร้อมไปกับพวกขุนนางและพรรคพวกที่มีใจเป็นกบฏ
“ทำไมหรือ?” ซ่านจินจื๋อยื่นมือขึ้นแตะหน้าผากของนาง
“เสือที่ว่าดุยังไม่กินลูกของตัวเองเลย” กู้อ้าวเวยทิ้งท้ายประโยคนี้แล้วก็หันหลังจากไป “มนุษย์กับมดไม่ได้แตกต่างอะไรกัน เพียงแต่ว่ามนุษย์มีความคิดความรู้สึกมากกว่า”
ซ่านจินจื๋อจูงมือของนางที่เต็มไปด้วยคราบเลือดอันเย็นยะเยือกเดินเข้าไปข้างใน
“หยูนซีหากเป็นเพียงแค่ตัวแทนของยู่จุน แล้วการตายของหยูนซี ทำไมเสด็จพี่กลับต้องห่วงใย?” กู้อ้าวเวยเงยหน้าถาม
“บางทีพวกเขาตายไปหมดแล้ว แบบนี้ก็ยังสามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำไมในมือหมู่ฮองถึงยังมีสิ่งที่สามารถต่อรองเสด็จพี่อยู่” ซ่านจินจื๋อโน้มตัวลงมา กระซิบข้างหูของกู้อ้าวเวย “ชินเทียนเจียนถูกหมู่ฮองกุมอำนาจไว้ในมือ ยู่จือก็อยู่ในนั้น”
แต่ยู่จือเป็นน้องสาวของยู่จุน
กู้อ้าวเวยค่อยๆลืมตาขึ้น “เขาทำกับน้องสาวของคนรักอย่างใส่ใจเช่นนี้ แต่ทำไมถึงกระทำกับองค์ชายหก……”
“มนุษย์ทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละ” ซ่านจินจื๋อยกมือไปแตะที่คางของนางเล็กน้อย “เช่นเดียวกับข้าในปีก่อนหน้านั้น ข้าก็ไม่ได้สนใจชีวิตของเจ้าในตอนนั้น หากในใจไม่มีใครละก็ คนๆนั้นเมื่อเทียบกับมดก็แทบจะไม่มีแม้ความแตกต่าง”
ในดวงตาสีเหลืองอำพันมีแต่เพียงเงาร่างของเขา
ภายใต้ม่านฝน ทั้งเมืองเทียนเหยียนตกอยู่ในความโกลาหลเนื่องจากการสอบสวนอย่างเข้มงวด
ฝนยังคงตกอยู่ แล้วใครจะสามารถอยู่คนเดียวได้