บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 990
บทที่ 990 คนอื่นบริสุทธิ์
การสิ้นพระชนม์ขององค์ชายหกถูกประกาศให้โลกรู้ในไม่ช้า
ศพไม่ได้เข้าไปฝังในสุสานของจักรพรรดิ ตายด้วยชื่อแบบไม่บริสุทธิ์ ขุนนางคนสำคัญทั้งหกที่ลักลอบรวบรวมกำลังทหารถูกประหารเก้าชั่วโคตร ภายใต้ฝนที่ตกหนัก ตลาดผักสดนองไปด้วยเลือดดั่งสายน้ำ ทุกคนประหลาดใจ ต่างก็ปิดประตูไม่สนใจเรื่องใดใด มีเพียงขุนนางในราชสำนักที่ยังส่งคนมาสืบหาว่ายังมีใครที่เป็นพวกเดียวกับองค์ชายหก
มีเพียงผู้เล่าเรื่องในโรงน้ำชาเท่านั้นที่กล้าตบกระดาน แล้วพูดขึ้นว่า “องค์ชายหกนี้เป็นคนหุนหันพลันแล่นมาตลอดทั้งชีวิต ข้างบนมีอ๋องจิ้งผู้เกรียงไกร ข้างล่างมีองค์ชายสามผู้ฉลาดหลักแหลม ตั้งแต่นั้นก็เริ่มหายตัวไปแล้วหวนกลับมา ตอนนี้ศีรษะหล่นลงพื้นแล้ว….”
“แต่ในช่วงเวลาแห่งความคิดนั้น วันนี้ ข้าจะเป็นคนมาพูดเอง”
ได้รับการปรบมือเชียร์ทั้งโรง จำไม่ได้ว่ามีเลือดนองกลายเป็นสายน้ำในตลาดสดนั่น ในทางตรงกันข้ามกลับมีบางคนโห่ร้องว่าพวกขุนนางที่มีอำนาจจะไม่ได้ตายดีแน่
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่คนเดียว มองไปยังผู้คนแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้
เรื่องราวยังไม่ทันได้เริ่มเล่า ก็มีเสียงปรบมือดังสนั่น หากเรื่องนี้เริ่มพูดขึ้นแล้ว เกรงว่านักเล่าเรื่องผู้ต่ำต้อยคนนี้ก็คงไม่รู้ว่าองค์ชายหกสิ้นพระชนม์ยังไง จึงพูดได้อย่างสนุกสนาน
เฉิงซานที่อยู่ด้านหลังขยับขนมเค้กมากมายที่นางทานแล้วออกไปหน่อย แล้วกระซิบพูดว่า “นี่เป็นนักเล่าเรื่องคนสุดท้ายแล้ว เรื่องภัยพิบัติจากฟ้าในตอนนั้น คงไม่มีใครรู้เรื่องอีกต่อไปแล้ว
“ฟังดูไปก่อน” กู้อ้าวเวยยักคิ้ว อยากจะหยิบขนมเค้กมาอีกแต่ก็ไม่มี
ในใจกระวนกระวาย แล้วนางก็คิดเห็นภาพองค์ชายหกในตอนแรกที่เย่อหยิ่งทระนง ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็สามารถสู้เพื่อคนรักอย่างไม่ห่วงชีวิต ตอนนี้เขามีเริ่มต้นและจากไป ในใจของนาง กลับไม่รู้เลยว่านี่ดีกว่าคนในราชวงศ์ซ่านไม่รู้กี่เท่า
มองดูกู้อ้าวเวยที่โศกเศร้าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เซิงซานขยับขนมเค้กนั่นออกมา พร้อมพูดว่า “คุณหนูอย่าเสียใจเลย”
“วันนี้ที่ข้าโศกเศร้าเพราะเรื่องนี้ แสดงว่าข้ายังเห็นความเกิดแก่เจ็บตายยังไม่มากพอ” กู้อ้าวเวยก้มหน้าก้มตาลง แล้วก็ยกจอกเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด
นางไม่ได้เสียใจเพราะรู้สึกดีกับองค์ชายหกอีก แต่ในใจกลับยังคงทำใจไม่ได้
ด้านนอกหน้าต่างฝนตกหนักมาก ซ่านจินจื๋อที่อยู่จัดการเอกสารราชการอยู่ในวัง สวมชุดดำทั้งตัวมองดูศพนั้นที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ในมือของเขายังคงถือมีดเล่มเล็กเล่มนั้น เลือดไหลออกจากคอจนเต็มพื้น
ตลอดทั้งคืน ไม่มีใครกล้าถาม
ซ่านจินจื๋อมองดูซางนิงที่เฝ้าฮ่องเต้อยู่ด้านข้าง พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ทั้งคืน ฮ่องเต้ทำเช่นนี้เพื่ออะไรกันแน่
“เพื่อต้องการเตือนท่าน ให้รู้ถึงสถานะกับการกระทำของตน” หวางกงกงรีบตามขึ้นมา แล้วพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ไม่สบาย ไม่ได้หมายความเช่นนั้น ตั้งใจให้ท่านมาจัดการเรื่องนี้”
ความตั้งใจนี้ แสดงว่าเขาไม่สนใจความเป็นความตายของลูกชายคนนี้เลย
แต่เป็นการเตือน ว่าซ่านจินจื๋ออย่ากระทำการทรยศจริง
หากเป็นเช่นนี้ ความไว้ใจความเชื่อใจที่เสด็จพี่มีต่อตัวเองที่ผ่านมา ล้วนเป็นคำหลอกลวง ตอนนี้จะลงมือกับกู้อ้าวเวย จึงเกิดระแวงเขาขึ้นมา แม้กระทั่งไม่เสียดายที่จะใช้ชีวิตของลูกชายตัวเองเพื่อตักเตือน
มือกำหมัดไว้แน่น ดวงตาทั้งคู่ของซ่านจินจื๋อแดงก่ำ หรี่ตาก้มตัวลง
ก่อนสิ้นใจ ภาพในดวงตาของเขาน่าจะเป็นเงาของแม่หญิงเย็บปักถักร้อยคนนั้น
“ข้าจะช่วยเจ้าดูแลนางให้ดี” เพื่อเป็นการตอบแทนมิตรภาพก่อนหน้านี้ที่เจ้าอยู่กับเวยเอ๋อ
มองดูศพของเขาถูกหามออกไป ซ่านจินจื๋อยังอยากที่จะไปเจอซ่านต้วนโฉงสักครั้งก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูซางนิงแล้วพูดว่า “หงเซียวยังสบายดีไหม?”
“สบายดี ขอบพระทัยท่านอ๋องจิ้งที่เป็นห่วง” ซางนิงรีบพูดขึ้น
“อย่างนั้นก็ดี” ซ่านจินจื๋อจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วก็ไม่พูดถึงเรื่องที่อยากเข้าเฝ้าฮ่องเต้เลย หวางกงกงขมวดคิ้ว มองดูซ่านจินจื๋อจากไปวังอย่างไม่หันกลับมา อย่างนิ่งงัน
ท่านอ๋องจิ้งเป็นคนสีหน้าเยือกเย็นจิตใจก็เยือกเย็น สามารถเผชิญหน้ากับคนที่เคยเป็นศัตรูด้านความรักได้อย่างใจเย็น ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่กันแน่
หลังจากกลับออกมาจากวังแล้ว ซ่านจินจื๋อก็ได้รู้ว่านางก็ไปที่โรงน้ำชา ตอนที่เข้าไปในเรือน ไม้ตบในมือนักเล่ากำลังตีลงบนโต๊ะ เสียงดังสนั่น เต็มไปด้วยความครึกครื้น
สายตาซ่านจินจื๋อมองผ่านผู้คนมากมาย จนเห็นกู้อ้าวเวย
นางกำลังเอามือเท้าคาง มองดูนักเล่าเรื่องคนนั้นเก็บเงินอย่างนิ่งงัน
เดินไปที่นั่งตรงหน้า แล้วก็เห็นนางน้ำตานองหน้า ไหลลงผ่านแขนอย่างโศกเศร้าเงียบๆ
“เมื่อคืนได้ยินแล้วก็ไม่เห็นเป็นไร วันนี้กลับร้องไห้อย่างโศกเศร้า” ปากพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ไปช่วยเช็คน้ำตานั้น
“ข้าได้ยินเองกับหู เทียบไม่ได้กลับที่คนอื่นพูดแบบนั้น” กู้อ้าวเวยเอามือปาดน้ำตา ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะพร้อมถามซ่านจินจื๋อว่า “เขาสิ้นใจอย่างทรมานไหม?”
“ไม่ทรมาน เป็นไปด้วยความเต็มใจ” ซ่านจินจื๋อก็เห็นดวงตาทั้งคู่ของนางแดงก่ำ จึงถามว่า “คนอื่นพูดว่าอย่างไร?”
“ตลอดชีวิตของเขามีแต่ความกังวลใจ แต่ก็ดีกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่นี่ มีครึ่งหนึ่งที่แข็งแรง”
เพิ่งพูดเสร็จ นักเล่าเรื่องมองดูตรงมุมหนึ่งด้วยสายตาแปลกๆ แต่แล้วก็มองเพียงเงินสว่างแวววาววางอยู่บนโต๊ะ ส่วนซ่านจินจื๋อได้โอบกอดคนที่ร้องไห้อย่างหนักมาแนบอกแล้วรีบจากไป หูได้เสียงฝนตก ตรงหน้าอกกลับได้ยินเสียงร้องไห้
ร่มกระดาษกันฝนได้บ้าง ซ่านจินจื๋อกอดนางไว้แล้วลูบตบหลังอยู่เบาๆ “คนในเมืองก็มีคนที่บริสุทธิ์อยู่”
เฉิงซานตามอยู่ด้านหลังไกลๆ แล้วก็คิดถึงคำพูดของนักเล่าเรื่องคนนั้น
“องค์ชายหกเฝ้าชายแดนมานานหลายปี น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมาย”
“ขอให้เป็นเช่นนี้ โจรสลัดตามชายแดนเมื่อได้ยินชื่อเสียงของเขาต่างก็เกรงกลัว”
“องค์ชายแบบนี้หากอยู่ในที่อื่น จะทนรับคำครหาจากผู้คนเช่นนี้ได้อย่างไร เขาทำคุณความดีมาทั้งชีวิต ทำดีอย่างไม่หวังผลตอบแทน ไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ตอนนี้ตายอยู่ในมือของกษัตริย์ ไม่เหลือไว้แม้แต่ชื่อเสียงที่ดี แต่พวกโจรสลัดร้อยพันพวกนั้นกลับยังจำชื่อเสียงนี้ไว้อย่างดี”
นักเล่าเรื่องคนนั้น เพียงแค่พูดพล่าม เพื่อให้ได้เงินกับสุราดี
กลับเป็นการทำให้กู้อ้าวเวยน้ำตาไหล คนอื่นเข้าใจกันผิด แต่นางกลับรู้จักองค์ชายหกเป็นอย่างดี
ซ่านจินจื๋อโกรธนักเล่าเรื่องคนนั้นมากที่ทำให้กู้อ้าวเวยร้องไห้เช่นนี้ ตอนนี้ทำได้เพียงกอดนางไว้แล้วพูดว่า “ต่อไปข้าจะดูแลแม่หญิงเย็บปักถักร้อยคนนั้นเป็นอย่างดี ชื่อเสียงของเขา ข้าก็จะช่วยล้างให้สะอาด”
คนในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาแดงก่ำ “เขาไม่ต้องการชื่อเสียงที่ดี ครั้งนี้ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไรข้าก็จะต้องให้พี่ชายของเจ้าชดใช้ชีวิตนี้”
“ได้ได้ได้ ครั้งนี้ข้าจะไม่ห้ามเจ้าเด็ดขาด” หางตาซ่านจินจื๋อฉายแววเป็นประกาย
ซ่านต้วนโฉงเป็นฮ่องเต้ที่ไม่มีความผิดไม่มีความชอบ ด้วยความหมายบางอย่างแล้วก็นับว่าเป็นกษัตริย์ที่ดี
แต่ชีวิตหนึ่ง ยังไงก็เป็นหนึ่งชีวิต
เดิมคิดว่าคนในอ้อมอกยังร้องไห้อยู่ กลับได้ยินเสียงไออยู่หลายที กู้อ้าวเวยหยุดฝีเท้าแล้วซบแนบอกของเขา จับชายแขนเสื้อของเขาไว้แน่นแล้วก็ไปไม่หยุด “ข้าเป็นหนี้ความรักกับคำขอโทษซ่านจวนฮ่าว”
“ทำไมหรือ?” ซ่านจินจื๋อจับมือของนางไว้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แต่ซ่านจวนฮ่าวขาดความจงรักภักดีที่มีต่อซ่านต้วนโฉง ความนี้ ข้าไม่ควรไปยุ่ง” กู้อ้าวเวยไออยู่หลายที เงยหน้าออกมาจากอกของเขา เลือดที่เปื้อนมุมปากยังไม่ได้เช็ดเสื้อของซ่านจินจื๋อ กัดฟันพูดขึ้นว่า “ตระกูลทั้งเจ็ดนี้ จะเอาคืนทุกคน”
“เรากลับจวนกัน” ซ่านจินจื๋อ ตื่นตระหนกเมื่อมองไปเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของนาง จึงอุ้มนางขึ้นมา