บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 221
ตอนที่ 221 ใต้เท้าชิงอี๋
เซียงฉืออยู่แต่ในห้องจนรู้สึกเบื่อ ตลอดทั้งเดือนนี้ นางได้ใช้เวลาทั้งหมดของตนไปกับการท่องจำเรื่องจารีตประเพณี ตำรับตำราต่างๆ
แต่ก็ยังดีที่ความทุ่มเทนั้นไม่สูญเปล่า ความตั้งใจมุ่งมั่นสมดังปรารถนา สำหรับก้าวต่อไปของตน แม้เซียงฉือจะมีความคิดเบื้องต้นอยู่แล้ว แต่ยังคงต้องไปปรึกษากับสวี่อี้
เสียดายที่สวี่อี้กับนางพบกันช้าเกินไป นอกจากความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านแล้ว ทั้งคู่ยังคุยกันถูกคออย่างยิ่ง
นางรอเซียงซืออยู่ครู่หนึ่ง แต่เซียงซือยังไม่กลับมาเพราะออกไปข้างนอกกับหวังหมัวหมัว จึงรู้ว่าวันนี้นางจะไม่กลับมาหาแล้ว
นางจึงออกจากประตูตำหนักอวี้หยวน เดินไปยังกองคดี
ขณะเดินผ่านเรือนซิ่งฮวาก็บังเอิญพบใต้เท้าชิงอี๋เข้าพอดี นางคือใต้เท้าคนที่รับผิดชอบคดีของเซียงฉือร่วมกับสวี่อี้ ทั้งคู่พบกันที่ตรงระเบียง
เซียงฉือไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับนางมากนักจึงเดินเข้าไปแล้วคารวะอย่างนอบน้อมจากนั้นเตรียมผละไป
จู่ๆ ลมก็กระโชกพัดแรง อากาศที่เดิมปลอดโปร่งพลันเกิดฝนตกหนัก ฝนกระหน่ำลงมาอย่างไม่ตั้งตัวทำให้เซียงฉือที่ไม่ทันระวังเสื้อผ้าเปียกปอน จำเป็นต้องรีบถอยกลับไปหลบฝนอยู่ใต้ระเบียงของเรือนซิ่งฮวา
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องไปอยู่ที่เดียวกับชิงอี๋โดยปริยาย
ชิงอี๋สวมชุดทางการสีม่วงลายเมฆสดใสและแต่งหน้าอย่างประณีต ลักษณะนี้ดูเหมือนนางได้ไปพบกับบุคคลสำคัญมา สีหน้านางปลอดโปร่ง คิดว่าคงกลับมาพร้อมความสมหวัง
“คารวะใต้เท้าชิงอี๋ เซียงฉือขอขอบคุณในความกรุณาของใต้เท้าในคราก่อน ทำให้เซียงฉือมีโอกาสหลุดพ้นจากความผิดที่ไม่ได้ก่อเจ้าค่ะ”
เมื่อเซียงฉือเห็นสายตาของชิงอี๋จึงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา นางมีฐานะต่ำ ย่อมไม่อาจให้ชิงอี๋เอ่ยปากก่อนได้
ส่วนชิงอี๋เมื่อเซียงฉือพูดขึ้นก่อน ใบหน้าที่ปั้นปึ่งเมื่อครู่จึงคลายลง
“แม่นางเซียงฉือเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีกับแม่นางด้วย เกรงว่าในไม่ช้านี้พวกเราสองคนคงจะได้เป็นขุนนางร่วมราชสำนักแล้ว ถึงเวลานั้นหวังว่าแม่นางเซียงฉือจะช่วยสนับสนุนด้วย”
ชิงอี๋ก็พูดอย่างเกรงใจ แต่พอพูดจบก็ไม่มีคำพูดอะไรอีก ขณะหนึ่งที่ไม่มีหัวข้อสนทนาจึงพากันกระอักกระอ่วนขึ้นมา
แต่ชิงอี๋เป็นคนมีความสามารถ นางปัดเส้นผมที่กระจายอยู่ตรงหน้าผากไปทัดกับหลังหูอย่างผ่อนคลาย แล้วถามขึ้นอย่างสนใจว่า
“เห็นแม่นางเซียงฉือสนิทสนมกับใต้เท้าสวี่อี้ หรือว่าครั้งนี้จะสอบเป็นข้าราชสำนักสตรีในกองคดี หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็จะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีก”
เนื่องจากคดีของหลิวชิงในครั้งนั้นทำให้ชิงอี๋ถูกฮ่องเต้ตำหนิต่อหน้าผู้คน ทำให้นางไม่กล้าเชิดหน้าขึ้นต่อหน้าข้าราชสำนักสตรีคนอื่นมาเป็นช่วงเวลานาน
เรื่องนี้ถึงท้ายที่สุดจะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเซียงฉือ แต่ตลอดมาชิงอี๋ไม่สามารถลบมันออกไปจากใจได้และทำให้นางแค้นเคือง
เรื่องครั้งนั้นสำหรับนางแล้วเหมือนก้างที่ติดอยู่ในคอมาตลอด ทำให้นางไม่สบายใจเสมอมา จนกระทั่งถึงวันนั้นที่ซูเฟยเรียกหานาง
จึงได้มีวันนี้ที่เจตนาให้ได้พบกันขึ้น
แต่คิดไม่ถึงว่าฟ้าจะเป็นใจเข่นนี้ ทำให้นางมีโอกาสได้ทำเรื่องที่วางแผนไว้นานแล้วให้สำเร็จ
ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องทั้งหลายทั้งปวงนั้น เซียงฉือไม่ได้รับรู้แต่อย่างไร
เซียงฉือได้แต่มองชิงอี๋ ไม่ได้มีความรู้สึกไม่ดีต่อนางสักเท่าใด นอกจากจะเสียดายที่ได้รู้จักกับสวี่อี้ช้าไป ส่วนชิงอี๋ก็เป็นข้าราชสำนักสตรีที่ไม่เลวนักจึงไม่ได้รู้สึกไม่ชอบนางแต่อย่างไร และเพราะนางเป็นเพื่อนร่วมงานกับสวี่อี้ในกองคดี ในใจกลับรู้สึกเหมือนคุ้นเคยเสียอีก
ดังนั้นกับคำถามของนางจึงไม่ได้ปิดบังซุกซ่อนอะไร
“ขอบคุณใต้เท้าที่ใส่ใจ แต่ว่าข้าราชสำนักสตรีในกองคดีล้วนเป็นผู้มีความฉลาดปราดเปรื่องเป็นที่สุด เซียงฉือโง่เขลาเบาปัญญา จึงรู้สึกเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง เกรงว่าไม่มีความสามารถจะทำหน้าที่ได้”