บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 256-257
บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 256 ตำหนักเจิ้งหยาง / ตอนที่ 257 ป้ายขุนนางหญิง
ตอนที่ 256 ตำหนักเจิ้งหยาง
เซียงฉือนั่งเป็นเพื่อนเหอจิ่นเซ่ออยู่ในศาลา รับฟังเรื่องมากมายที่นางฝากฝังอย่างถ้วนถี่ แต่นางคิดไม่ถึงว่าวันนี้เหอจิ่นเซ่อก็จะส่งนางไปอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้แล้ว
“ไม่รู้ว่าจะเป็นวาสนาของเจ้าหรือไม่ รู้สึกฝ่าบาททรงเฝ้าคอยเจ้าเป็นพิเศษ”
“ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า อารมณ์ของฝ่าบาทออกจะประหลาด พระองค์มักจะจับผิดพวกข้าราชสำนักสตรีที่คัดลอกเอกสารเหล่านั้น พระองค์ทรงครองราชสมบัติไม่นาน แต่กลับเรียกใช้หญิงสาวในวังที่ลายมือดีไปทั่วทั้งหมดแล้ว”
“แต่ว่าถึงตอนนี้คนที่ถูกใช้ได้ทนที่สุดก็คือราชเลขาอย่างข้าคนนี้นี่แหละ”
เหอจิ่นเซ่อเอ่ยคำพูดนี้ออกมาด้วยความรู้สึกขื่นขม แต่เซียงฉือฟังจับประเด็นได้ การที่นางได้รับเลือกนั้น เหตุผลสำคัญคือลายมือของนางใช้ได้นั่นเอง
ต้องขอบคุณท่านปู่อย่างยิ่งที่เคี่ยวเข็ญสอนสั่งอย่างอดทนในกาลก่อน หยาดเหงื่อในครั้งนั้นได้รับผลตอบสนองในวันนี้แล้ว
“ใต้เท้าเหอ เช่นนั้นแล้วข้าก็จะกลายเป็นข้าราชสำนักสตรีงานอักษรที่ต้องคอยอยู่ข้างๆ ฝ่าบาทใช่ไหมเจ้าคะ”
“แต่ว่าข้ายังไม่รู้จักฝ่าบาทมาก่อนเลย?”
เซียงฉือคิดไปแล้วก็ขำจนหัวเราะออกมา เพราะต้องการหลบเลี่ยงฮ่องเต้กับพวกคนใหญ่คนโตทั้งหลาย นางจึงซ่อนตัวอยู่ในโรงซักล้างและแทบจะไม่ย่างกรายออกข้างนอกเลย ทำให้โรงซักล้างกลายเป็นหอเย็บปักอันงดงามของตนไป
ต่อมาได้ไปอยู่ในตำหนักอวี้หยวนของกุ้ยเฟย มีโอกาสที่จะได้แสดงตัวต่อหน้าเจ้านาย แต่ส่วนมากแล้วนางจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหลิ่วเหยียน หลิ่วจุ้ยหรือแม้แต่หวังหมัวหมัวกับหงหง โดยที่ตนเองจะไม่เข้าไป พอมาคิดดูในตอนนี้ เป็นถึงนางกำนัลอาวุโสของตำหนักอวี้หยวนแต่กลับไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฮ่องเต้เป็นอย่างไร ช่างน่าขบขัน
เซียงฉือพูดเช่นนี้ทำให้เหอจิ่นเซ่อพลอยหัวเราะไปด้วย เด็กสาวคนนี้แปลกดีทีเดียว
“ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ที่ทรงพระปรีชาจริงๆ ไม่เคยเลยที่จะไม่ทรงห่วงใยราชกิจ ใส่ใจดูแลราษฎรของพระองค์ ถึงเจ้าจะเป็นทายาทบ้านสกุลอวิ๋น เรื่องคดีบ้านสกุลอวิ๋นในครั้งนั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทจะทรงมัวเมา พระองค์เป็นฮ่องเต้ประเสริฐที่ไม่ทรงชื่นชอบการกวาดล้างตระกูลและลงโทษต่อเนื่อง แต่เพราะเป็นกฎเกณฑ์มาตั้งแต่ครั้งบรรพชน”
คำวิพากษ์วิจารณ์ของเหอจิ่นเซ่อทำให้เซียงฉือรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง สำหรับเหอจิ่นเซ่อแล้วนางไม่สมควรจะชื่นชมหรงจิง ครั้งนั้นเพราะหรงจิงส่งว่าที่สามีของนางไปออกรบ ทั้งยังเป็นคนส่งเขาไปยังแนวหน้าสุดอีกด้วย
หากเป็นอวิ๋นเซียงฉือ นางจะต้องเกลียดฮ่องเต้องค์นี้เข้ากระดูก แต่ว่านางกลับสามารถรับใช้หรงจิงมาได้ถึงสิบปีราวกับเป็นเวลาเพียงแค่วันเดียวเช่นนี้
นางไม่เข้าใจเลยว่าเหอจิ่นเซ่อทำมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
นางไม่เข้าใจ จึงเอ่ยปากเพื่อถาม
“ข้ามีเรื่องที่ไม่เข้าใจมาตลอดเรื่องหนึ่ง ไม่ทราบว่าใต้เท้าจะยินยอมคลายข้อข้องใจให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”
ความลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าเซียงฉือ สาเหตุเพราะเรื่องนี้เป็นความลับส่วนตัวของเหอจิ่นเซ่อ แต่สภาวะจิตใจของนางยามนี้ ปรารถนาจะได้คำตอบจากเหอจิ่นเซ่อบ้าง
เหอจิ่นเซ่อเห็นท่าทางอึกอักอ้ำอึ้งของนางแล้วก็พอจะเข้าใจ
และไม่ต้องให้เซียงฉือคิดมากไปกว่านั้นนางจึงเอ่ยขึ้น
“ถ้าเจ้าอยากถามว่าการที่ฝ่าบาทส่งเขาไปแนวหน้า ทำให้เขาต้องตายในสนามรบ เหตุใดข้าจึงไม่โกรธแค้นพระองค์ ทั้งยังเข้าวังมาเป็นข้าราชสำนักสตรี เป็นราชเลขาที่ดุจดั่งพระกรซ้ายขวาของพระองค์อีก”
“หากเป็นคำถามนี้ ข้าตอบเจ้าได้เพียงว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นโชคชะตา ในเมื่อเขาเป็นขุนศึกต้องรักษาชายแดน เป็นหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบสุดความสามารถอยู่แล้ว การพลีชีพเพื่อชาติก็คือจุดหมายปลายทางของเขา”
“ในวงราชการที่ไม่แน่นอน หากเจ้ายังมัวยึดติดอยู่กับเรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัว ก็เท่ากับว่ายังมองวงราชการอีกทั้งราชนิกูลไม่กระจ่างอย่างแท้จริง”
“แต่ว่าไม่ต้องรีบร้อน พอไปอยู่ข้างฝ่าบาทแล้ว เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าก็จะเข้าใจความนึกคิดของตัวเองในวันนี้ได้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น”
ตอนที่ 257 ป้ายขุนนางหญิง
เหอจิ่นเซ่อจิบชาตอบอย่างสบายๆ แต่ไม่รู้ว่านางในตอนนั้นจะเป็นเช่นนี้หรือไม่
ทว่านางทำได้ดีมากเรื่องหนึ่ง คือการให้เซียงฉือไปดูไปคิดด้วยตนเอง
นางทั้งฉลาดและรอบคอบเช่นนี้ ในความคิดของเหอจิ่นเซ่อ ขอเพียงนางละความคิดถึงที่ไม่ควรมีอยู่ในใจนั้นทิ้ง ปลดความนึกคิดที่ไม่ควรมีอยู่นั้นลง แล้วเป็นข้าราชสำนักสตรีอย่างเต็มตัวแท้จริง อนาคตของนางนั้นย่อมสุดจะประมาณได้
ซึ่งนี่เป็นความคิดที่เหอจิ่นเซ่อมีในขณะนี้
และย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะบอกกล่าวออกมาให้เซียงฉือรู้
เซียงฉือฟังแล้วก็ยิ้ม เรื่องสนทนาพาทีจึงยุติลง ส่วนเซียงซือขณะนั้นกำลังเดินตามหลังเซียวอวี๋หรงทุกฝีก้าว ถึงเมื่อครู่นางจะโกรธแต่พอกลับมารู้สึกตัวจึงอับอายเกินทน
วันนี้นางทำเรื่องบุ่มบ่ามเกินไปจริงๆ ข้าราชสำนักสตรีที่สามารถเข้ามาในกองราชเลขาได้นั้น มีใครบ้างที่ธรรมดา
ดังนั้นเซียงซือจึงยิ่งนอบน้อม ขออภัยและยอมรับผิด เมื่อเซียวอวี๋หรงเห็นเช่นนั้นและรู้ดีว่านางเป็นคนที่กุ้ยเฟยให้ความสำคัญจึงไม่ถือสาหาความกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีก
เมื่อไม่เอ่ยเรื่องนั้นแล้วจึงส่งป้ายห้อยเอวแก่นางอันหนึ่ง พูดเบาๆ ว่า
“นี่เป็นป้ายห้อยเอวของข้าราชสำนักสตรี เป็นการแสดงว่าจากนี้ไปเจ้าไม่ใช่นางกำนัลอีกแล้วแต่เป็นเสาหลักของประเทศชาติ การพูดการกระทำของเจ้าต่อจากนี้จะหมายถึงกองราชเลขา หวังว่าเจ้าจะรักษาเกียรติยศและความภูมิใจ ใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผยมีความสุขุมอยู่ในที่นี้”
“เจ้าไม่ต้องอิจฉาน้องสาวเจ้าเซียงฉือ ถึงนางจะได้รับใช้ฝ่าบาทก่อนเจ้า แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีเสมอไป เจ้าต้องเชื่อมั่นว่ากว่าจะได้พบพานเรื่องดีๆ นั้นย่อมต้องผ่านอุปสรรคมากมาย”
“ข้าราชสำนักสตรีในกองราชเลขาทุกคนล้วนเคยเป็นข้าราชสำนักงานอักษรของฝ่าบาทมาแล้วทั้งสิ้น แต่หน้าที่นั้นมีอัตราการเปลี่ยนตัวรวดเร็วที่สุด ที่ยาวนานที่สุดคือใต้เท้าราชเลขาเป็นอยู่ครึ่งปี ส่วนพวกสั้นที่สุดคือสามวัน”
เซียวอวี๋หรงพูดเช่นนี้ทำให้เซียงซือแอบดีใจ นางเริ่มคำนวณจากนิสัยทึ่มไม่ค่อยพูดจาของเซียงฉือว่าจะสามารถอยู่ข้างกายฝ่าบาทได้สักกี่วัน มุมปากจึงผุดยิ้มขึ้นบางๆ แต่ซ่อนไม่ทันจึงถูกเซียวอวี๋หรงเห็นเข้า
เมื่อคิดว่านางกับเซียงฉือเป็นลูกพี่ลูกน้องร่วมสกุลวงศ์วานเดียวกันยังเป็นถึงขนาดนี้แล้วก็ได้แต่ส่ายศีรษะ และไม่คิดอยากพูดอะไรต่อ แต่เซียงซือได้ฟังคำพูดเช่นนั้นแล้วกลับเกิดความสนใจและสอบถามไม่หยุด
“ใต้เท้าเซียว วันนี้ข้าทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมออกมาจริงๆ จากนี้ไปข้าจะไม่กำเริบเสิบสานแบบวันนี้อีกแล้ว ใต้เท้าเซียวมีจิตใจกว้างขวางจึงไม่ถือโทษข้าในครั้งนี้ ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
เมื่อพูดเช่นนี้แล้วใต้เท้าเซียวจึงไม่อาจโกรธได้อีกต่อไป นางยิ้มแล้วนั่งลง ลงมือจัดการเอกสารที่ต้องทำในวันนี้ มีเอกสารที่เก่ามากแต่เก็บไว้ไม่ดีบ้างจึงเปียกชื้นบ้างถูกหนูกัดแทะ จนไม่สามารถแยกแยะได้
พวกนางจึงมักต้องนำส่วนที่ถูกแมลงกัดหนูแทะพวกนี้มาคัดลอกใหม่เสมอๆ คัดลงในสมุดแล้วเก็บรักษาให้ดี ซึ่งเป็นงานของเซียวอวี๋หรงในระยะนี้
ในเมื่อใต้เท้าเหอบอกให้เซียงซือมากับนาง เช่นนั้นก็ให้นางช่วยแบ่งเบางานในส่วนนี้
แต่เซียงซือพอเริ่มพูดก็ไม่คิดจะหยุด ถึงแม้เซียวอวี๋หรงได้เริ่มลงมือเขียนงานอื่นแล้ว แต่เซียงซือทำเหมือนไม่เห็นแล้วถามต่อไป
“ใต้เท้าเซียว ตอนนี้มีเพียงเราสองคน เช่นนั้นท่านบอกหน่อยเถิดว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงมักเปลี่ยนตัวข้าราชสำนักสตรีงานอักษรเสมอๆ แล้วข้าราชสำนักสตรีที่ถูกเปลี่ยนตัวนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ถูกลดขั้น ปลดออกหรือได้เป็นพระสนม”
เซียงซือใช้คำพูดหยั่งเชิง นางถามเบาๆ ที่ข้างหูเซียวอวี๋หรงด้วยท่าทีระมัดระวัง แต่เซียวอวี๋หรงในตอนนี้คร้านที่จะสนใจนาง