บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 276-277
บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 276 แผนการรับมือ / ตอนที่ 277 อุบายหรงจิง
ตอนที่ 276 แผนการรับมือ
“แบบนี้ใช่แล้ว! น้ำหนักมือกำลังพอดีเชียว”
หรงจิงหลับตาอยู่จึงไม่รู้ว่าด้านหลังได้มีการเปลี่ยนตัวแล้ว คิ้วที่ขมวดอยู่ตลอดก็คลายลง เซียงฉือกับซูกงกงได้ยินดังนั้นก็สบตากันแล้วพากันยิ้ม ทั้งสองคนฉลาดพอจึงไม่พูด แล้วก็ได้ยินหรงจิงพูดต่อ
“เซียงฉือ พูดที่เจ้าพูดเมื่อครู่ต่อไป”
เมื่อหรงจิงพูดเช่นนี้ ซูกงกงกับเซียงฉือสบตากันอีกครั้ง เซียงฉือจึงเดินไปข้างกายซูกงกง เมื่อคิดแล้วก็พูดออกมา
“ฝ่าบาท ถึงแม้หม่อมฉันจะสงสารชาวนาที่มีความเป็นอยู่อย่างลำบาก แต่ก็ไม่ทราบว่าจะทำอะไรเพื่อพวกเขาได้บ้าง แต่ถ้าหากฝ่าบาททรงหาวิธีแก้ปัญหาได้อย่างถาวรก็จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพคะ”
เซียงฉือตอบเช่นนี้ทำให้ความสนใจของหรงจิงลดลงไปมากจึงพูดเสียงเนือย
“ข้าถามเจ้า หากเจ้าเป็นหลิวเจิ้นหมิน ขุนนางที่เหมือนดั่งพ่อแม่ของราษฎร เมื่อลูกบ้านกำลังประสบภัยน้ำท่วมพลัดพรากสิ้นเนื้อประดาตัว เจ้าควรทำอย่างไร”
เมื่อหรงจิงถามเช่นนี้ เซียงฉือจึงต้องเริ่มคิดอย่างจริงจัง ความคิดอ่านของนางยังมีไม่มาก ถึงนางกับเหอเจี่ยนสุยจะได้รับการอบรมจากท่านปู่มาทั้งคู่ ได้เห็นวิธีการจัดการเรื่องน้ำมามาก แต่พอถูกถามกลับไม่รู้ควรตอบเช่นไร
นางเค้นขุดความทรงจำของตน แล้วก็คิดถึงคำพูดของท่านปู่ในตอนนั้นขึ้นได้
“ฝ่าบาททรงทำให้หม่อมฉันลำบากใจเสียแล้วเพคะ หม่อมฉันยังไม่เคยเป็นขุนนางปกครองมาก่อน แต่ก็พอมีความเข้าใจสภาพแม่น้ำชิงของมณฑลเสฉวนอยู่บ้าง แม่น้ำชิงถูกขนาบโดยภูเขาจินหลงกับภูเขาหมิงหย่วน เป็นลำน้ำกว้างใหญ่ไพศาล บริเวณที่กว้างที่สุดอยู่ในเขตแดนมณฑลเสฉวน ช่วงกว้างที่สุดของแม่น้ำมีความกว้างกว่าหนึ่งร้อยจั้ง”
“หม่อมฉันจำได้ว่า ในบันทึกของชิงหยางกงเคยบันทึกไว้ว่า เมื่อร้อยกว่าปีก่อน แม่น้ำชิงล้นเอ่อ เมืองต่างๆ ที่อยู่ปลายน้ำต้องล้มตายบาดเจ็บนับไม่ถ้วน ขุนนางในตอนนั้นแม้ไม่สามารถหาชื่อแซ่ได้ แต่ได้ทำเรื่องยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่ง เขาใช้เวลาสิบปีสร้างทำนบใหญ่กั้นน้ำสามแห่งบนต้นทางน้ำ นับจากนั้นเป็นร้อยปีที่แม่น้ำชิงไม่มีภัยพิบัติเรื่องน้ำอีกเลย”
เซียงฉืออ้างอิงบันทึกชิงหยางกงที่บันทึกเรื่องการจัดการปัญหาของแม่น้ำชิงที่นางเคยอ่าน เมื่อครั้งท่านปู่ยังเป็นเจ้าเมืองหลานโจว เมืองหลานโจวก็เคยประสบภัยพิบัติทางน้ำ ท่านปู่อ้างอิงเรื่องนี้ทำการสร้างเขื่อน ทำให้หลานโจวรอดพ้นจากอุทกภัยไปได้ แต่เพราะท่านปู่ใจร้อนเกินไปในการเลียนแบบวิธีการโบราณ มิเช่นนั้น บ้านสกุลอวิ๋นก็จะไม่ต้องตกระกำลำบากอย่างเช่นทุกวันนี้
เซียงฉือคิดขึ้นมาแล้วก็ขมขื่นใจ ถึงนางไม่รู้ว่าหรงจิงจะตัดสินใจอย่างไร แต่ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงได้พูดเรื่องโครงการที่ท่านปู่เตรียมไว้ออกมาอย่างคร่าวๆ
“หม่อมฉันจึงอยากอ้างอิงวิธีการนี้ หากฝ่าบาททรงจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำใหม่ กักน้ำฝนไว้เช่นเดียวกับการสะสมเสบียง ประการแรกจะเป็นการยังยั้งกระแสน้ำในปีที่มีน้ำหลาก ประการที่สองสามารถปล่อยน้ำออกมาใช้เพาะปลูกได้ในปีน้ำแล้ง เช่นนี้เป็นประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง เป็นบุญกุศลเอื้อประโยชน์ไปอนันตชาติเพคะ”
เซียงฉือพูดเช่นนี้หรงจิงก็รับฟังโดยไม่พูดอะไรอยู่นาน เมื่อเซียงฉือพูดจบก็นิ่งเงียบลง นางไม่กล้ารบกวนเขา
หรงจิงฟังวิธีการของเซียงฉือแล้วนิ่งเงียบไปนาน ไม่ตอบว่าดีหรือไม่ราวกับหลับไปแล้ว ซูกงกงในเวลานี้ก็จับความคิดของเขาไม่ได้
แต่ก็ยังคงนวดศีรษะให้หรงจิงอย่างเต็มที่ ทั้งคู่ยืนอยู่เช่นนั้นเป็นนานจึงได้ยินคำพูดของหรงจิง
“ซูกงกงไม่ต้องนวดแล้ว ออกไปเถอะ”
หรงจิงหลับตาอยู่แต่พูดขึ้นเช่นนี้ ทำให้เซียงฉือกับซูกงกงต้องอึ้งไปทั้งคู่ ซูกงกงหยุดมือแล้วตอบรับ โค้งกายแล้วถอยออกไป ส่วนเซียงฉือยังคงยืนอยู่กับที่อย่างว่าง่าย หรงจิงลืมตามองดูเซียงฉือ พูดว่า
“ถึงวิธีการของเจ้าจะดี แต่ก็ไม่อาจแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าได้”
ตอนที่ 277 อุบายหรงจิง
หรงจิงพูดแล้วก็ชะงักไปก่อนจะพูดต่อว่า
“ตอนนี้อุทกภัยก็เกิดแล้ว ประชาชนทางปลายน้ำกำลังเผชิญกับทุกข์เข็ญอยู่ พวกวิธีร้อยวันพันปีอะไรนั่นถึงจะฟังดูดี แต่ต้องใช้ทุนทรัพย์กับกำลังมหาศาล และยังไม่ทันท่วงที”
“เจ้าสามารถคิดขึ้นได้เช่นนี้นับว่าดีแล้ว แต่วิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้านี้ล่ะ”
เซียงฉือถูกถามเช่นนี้ก็อึ้งไป แต่แล้วก็คิดถึงซูกงกงที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่จึงพูดขึ้นเรื่อยเปื่อย
“สั่งการลงไป ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปคิดหามาหลายๆ วิธีเพื่อนำเสนอภายในกำหนดเวลา ใครที่คิดไม่ออกให้จับไปเฆี่ยนตีทั้งหมด”
เพราะเซียงฉือเองคิดไม่ออกจึงทำพูดไร้สาระออกไป หรงจิงเพราะปวดศีรษะอยู่ก่อนจึงกุมหน้าผากอยู่ พอได้ยินเซียงฉือพูดเช่นนั้น มุมปากก็เหยียดขึ้น ช่างไร้สาระนัก
ครู่หนึ่งเขาเงยหน้าขึ้นมองเซียงฉือด้วยสายตาจริงจัง สายตาจับจ้องนางนิ่ง ทำให้เซียงฉือถึงกับชะงักงัน
“อวิ๋นเซียงฉือคุกเข่ารับราชโองการ”
จู่ๆ หรงจิงก็จ้องเซียงฉือด้วยสายตาน่าเกรงขาม ในความรู้สึกของเซียงฉือเหมือนนางกำลังถูกพยัคฆ์ร้ายจ้องหมายตะครุบเป็นอาหาร สันหลังเย็นวูบ ไม่กล้าพูดมากอะไรอีก
เพราะเดิมที ‘หรงฉู่’ กับนางคุ้นเคยกัน ถึงจะรู้ว่าหรงฉู่ก็คือหรงจิง แต่เรื่องที่ว่าเขาเป็นฮ่องเต้นั้นนางมักจะลืมอยู่เสมอ และตอนนี้หรงจิงกำลังแสดงอำนาจของฮ่องเต้ เพียงแค่มองด้วยสายตา เซียงฉือที่อยู่ข้างๆ เขาก็สั่นสะท้าน
เป็นความรู้สึกที่นางไม่คุ้นเคยและหวาดหวั่นไม่หาย
นางคุกเข่าลงดังพลั่ก หากกระทำต่อ ‘หรงฉู่’ จะดูเหมือนล้อเล่น แต่กับหรงจิงที่เป็นฮ่องเต้ผู้นี้ พูดได้ว่าเป็นการล้อเลียนฮ่องเต้ มีโทษถึงประหาร เซียงฉือเมื่อคิดขึ้นได้จึงรู้สึกหวาดกลัว
ไม่รู้ว่าหรงจิงโกรธจริงหรือไม่ นางหยุดล้อเล่นและจริงจังขึ้นมา หลังจากตื่นเต้นไปครู่หนึ่งก็ได้ยินหรงจิงพูดว่า
“ข้าราชสำนักสตรีกองราชเลขาอวิ๋นเซียงฉือ ข้าสั่งให้เจ้าคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาน้ำท่วมมาให้ได้ในเวลาหนึ่งก้านธูป มิเช่นนั้นจะสั่งโบยเจ้า!”
พอหรงจิงพูดถึงตอนท้ายก็เลิกวางท่าขึงขัง เขาพูดปนหัวเราะเบาๆ ท่าทางน้ำเสียงไม่ยี่หระเหมือนกับเซียงฉือเมื่อครู่ไม่ผิดเพี้ยน
เซียงฉือที่เมื่อครู่หวาดกลัวอยู่เห็นท่าทางของหรงจิงแล้วก็ถอนหายใจเฮือก ร่างที่คุกเข่าอยู่ไม่ได้ตรงแน่วอีกต่อไป แต่กลับนั่งลงบนเข่าแทนแล้วมองหรงจิง ขมวดคิ้วอย่างน่าสงสาร
นางถอนหายใจแล้วตบอกพูดขึ้นว่า
“หม่อมฉันเป็นเพียงขุนนางต่ำต้อยขั้นที่เก้า ไม่สามารถคิดออกมาได้ ไม่ทราบว่าจะโบยน้อยหน่อยได้หรือไม่เพคะ”
หรงจิงฟังคำพูดนางแล้วไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ โยนลูกผิงกั่วไปให้นาง เซียงฉือยื่นมือรับไว้ มองดูฝ่ายตรงข้ามน้ำตาคลอ
หรงจิงก้มลงมองรายงานเรื่องอุทกภัยเบื้องหน้าแล้วยิ้มจากนั้นเขียนลงไปว่า ‘หารือในที่ประชุม’
เขาไม่ได้มองเซียงฉือที่คุกเข่าอยู่ พูดขึ้นว่า
“ขุนนางต่ำต้อยขั้นที่เก้าแต่กล้ามาเล่นแง่กับข้าเช่นนี้ สั่งโบยเสียก่อนเลยดีไหม”
เซียงฉือได้ยินดังนั้นก็เงียบเสียง ก่อนจะพูดว่า
“หม่อมฉันมิบังอาจ หม่อมฉันไม่กล้าแล้วเพคะ”
พูดจบก็หุบปาก หลับตาใคร่ครวญ นางอดไม่ได้ต้องโอดครวญ มิน่าเล่าข้าราชสำนักสตรีงานอักษรข้างกายฝ่าบาทจึงต้องสับเปลี่ยนตัวกันวุ่นวาย คนปกติทั่วไปใครจะทนได้กันเล่า
ถึงนางจะคิดเช่นนี้ แต่ก็กำลังปฏิบัติตามคำบัญชาของหรงจิงอย่างจริงจัง
นางคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคิดวิธีการที่ดีออกมาไม่ได้แต่ไม่พูดอะไร สงสัยหรงจิงจะไม่ยอมปล่อยผ่านเป็นแน่