บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 125 ข้ารอต่อไปไม่ไหวแล้ว
บทที่ 125 ข้ารอต่อไปไม่ไหวแล้ว
ตกดึก จูนจิ่วและพวกของนางเลือกที่จะพักผ่อนในป่า แท้จริงแล้วมีสถานที่ที่ดีกว่า สะดวกสบายกว่า แต่ด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ชัดเจนของกลุ่มหางน้อยที่ตามหลังมา จูนจิ่วและพรรคพวกล้วนไม่มีใครคาดคิดและวางแผนกันมาก่อน
กองไฟลุกโชน จูนเสี่ยวเหล่ยนั่งลงข้างๆจูนจิ่ว นางลูบหางของเสี่ยวอู่อย่างเบามือ และถามจูนจิ่ว ” ศิษย์พี่จิ่ว ท่านคิดว่าเฟิ่งเทียนฉี่มันคิดจะทำอะไร? ”
” ประการแรกคือต้องการเห็ดหลินจือสีเลือดพันปี ประการที่สองงั้นรึ ข้าก็ยังไม่แน่ใจนัก ” จูนจิ่วกล่าว
นางเองก็ยังไม่แน่ใจ ว่าเฟิ่งเทียนฉี่จะใจกล้าบ้าบิ่น ทำเรื่องบ้าๆอย่างไม่กลัวแม้แต่เทวดาฟ้าดินหรือไม่ หากเฟิ่งเทียนฉี่มีแผนเช่นนี้จริงละก็ คืนนี้ก็จะเป็นฝันร้ายที่เขาจะไม่มีวันลืม
กู่ซงย่างเนื้อกระต่าย เขาห่อมันด้วยใบตองที่สะอาด และยังมีน้ำผลไม้ที่ถูกถือไปพร้อมกัน
เขาส่งให้จูนจิ่ว ” ลองดูสิ! แม้ฝีมือข้าอาจจะสู้ท่านไม่ได้ แต่ก็ยังถือว่าพอจะกินได้อยู่ ”
หลังจากมีวาสนาได้ชิมเนื้อย่างฝีมือจูนจิ่ว กู่ซงก็ไม่อาจจะลืมรสชาตินั้นได้ น่าเสียดายที่หลังๆกลายเป็นเขาที่ต้องลงมือทำอาหาร เพราะจูนจิ่วเกียจคร้านเกินที่จะลงมือทำเอง จู่ๆกู่ซงก็น้ำตารินขึ้นมา เขาโกรธตัวเองเหตุใดจึงได้โอ้อวดฝีมือการทำอาหารของตัวเองออกไปกัน
พวกเขานั่งรอบๆกองไฟ พลางกินพลางรอ รอดูว่าเจ้าพวกหนูในความมืดนั้น จะอดทนรอได้นานสักแค่ไหน
ไม่ช้าก็มีเสียงฝีเท้าค่อยๆเดินออกมาจากความความมืด แต่เสียงฝีเท้านั้นมีเพียงเสียงเดียว จูนจิ่วเงยหน้ามองอย่างเย็นชา ” มาแล้วรึ ยาที่ข้าให้ไปเจ้ากินมันแล้วหรือไม่? ”
“ กินแล้ว ”
“ ทุกคนล้วนกินแล้ว แม่นางจูนจิ่วจงวางใจ ”
“ ดี! ” จูนจิ่วยิ้มเย็น “ หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า พวกเจ้าห้ามลงมือทำอะไรโดยพละการเด็ดขาด ”
หยูนเฉียวและกู่ซงกระพริบตากันอย่างเงียบๆ เป็นการบอกว่าตนเองนั้นได้ยินแล้ว เสี่ยวอู่ก็พยักหน้า และนั่งเลียขนตัวเองข้างๆจูนจิ่วอย่างเชื่อฟัง มันก็สงสัยว่าเจ้าคนกลุ่มนี้จะถูกฆ่าตายอย่างไร ?
ในขณะพูด เสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เงาของหงอิงปรากฏต่อหน้าจูนจิ่วและพรรคพวก
ร่างกายที่โตเต็มวัยของหญิงสาว กำลังเดินย่องออกมาเบาๆจากความมืด ชายกระโปรงที่ถูกลมพัดขึ้นอย่างจงใจ และดูมีความหมายบางอย่าง หญิงสาวสุดร้อนแรงที่เดินเข้ามาในยามค่ำเช่นนี้ ยากที่ชายหนุ่มสักกี่คนจะอดใจได้
แต่ทว่าในสายตาของหยูนเฉียว หลังจากได้มองเขาก็พยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้อาเจียนออกมา และเสมองไปทางจูนจิ่วเป็นการล้างตา
เมื่อหงอิงเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา มุมปากก็รู้สึกแข็งทื่อในทันที นางกัดฟันกรอดด้วยความโมโห กลุ่มชายหนุ่มสกปรกโสมม ไม่เข้าใจถึงความงามของหงอิง ทำให้หงอิงแต่งหน้าแต่งตัวมาเสียเวลาซะเปล่าๆ!
หงอิงมองดูจูนจิ่ว และปะทะเข้ากับสายตาอันเยือกเย็นและเฉียบคม ราวกับมองออกถึงความคิดสกปรกเหล่านั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง รอยยิ้มของหงอิงแข็งทื่อ เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ของตนเอง หงอิงก็กัดฟันและเดินเข้าไป
นางจ้องตรงไปทางจูนจิ่ว ยกมุมปากขึ้นและเอ่ย ” จูนจิ่ว เหตุใดเข้าจึงพักผ่อนอยู่ในป่า? ในยามค่ำเช่นนี้ กองไฟจะดึงดูดพวกสัตว์ทิพย์ให้เข้ามา มันอันตรายนัก! หรือไม่พวกเจ้าก็ควรมากับข้า? ”
ยิ่งพูดยิ่งเห็นได้ชัด ความโลภในแววตาของนางถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์แบบภายใต้แสงไฟ
นางยังไม่รู้ตัว ซ้ำยังพูดชักนำ ” พวกข้าตั้งค่ายอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ที่นั่นปลอดภัย! พวกเจ้าทั้งสี่ตามข้ามาเถอะ ”
จูนจิ่วมองกลับไป และก้มลงมองดูเจ้าแมว นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและโหดร้าย ” ไสหัวไป !”
” เจ้า!จูนจิ่ว ข้ามาเชิญพวกเข้าด้วยความจริงใจ เมื่อกลางวันพวกเจ้าขโมยของของข้าไป หากข้าไม่เห็นแก่หน้าของรัชทายาท ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!พวกเจ้าอย่ามาทำตัวไร้ยางอายไปหน่อยเลย! ”
หงอิงชี้ไปทางจูนจิ่วและต่อว่านาง สายตานางกวาดมองไปมา และฉวยโอกาสตอนหยูนเฉียวไม่ทันได้สังเกต โยนของบางอย่างลงไปในกองไฟด้วยความรวดเร็ว ทำให้เสียงเปราะ เสียงของปะทุแตกในเปลวไฟได้ยินไม่ชัดเจน
หงอิงกล่าว ” จูนจิ่ว อย่าคิดว่าเจ้ามีฝีมือเก่งกาจมากจนไม่มีใครเทียมได้ ข้าในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ขอเตือนเจ้าเอาไว้ มาใหม่ก็ควรสงบเสงี่ยมเจียมตัว มิเช่นนั้นเจ้าอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว! ”
ในตอนนี้ มีกลิ่นควันลอยออกมาจากกองไฟ
หยูนเฉียวยืนขึ้นและร้องด้วยความตกใจ ” นี่มันอะไรกัน? ”
” เหตุใดจึงมีควันสีเขียวลอยขึ้นมาได้? แค่กแค่ก นี่มันกลิ่นอะไรกัน? ” กู่ซงปิดจมูกและใบหน้าของเขา จูนเสี่ยวเหล่ยก็กระโดดไกลออกมาจากกองไฟนั่น
จูนจิ่วมองไปรอบๆ และบอกทั้งสามคนว่า ” นี่คือหมอกกล ถอย! ”
ปัง !ปัง! ปัง !
หยูนเฉียวและอีกสามคนที่เหลือ ถอยหลังกลับและก้มลงอย่างเชื่อฟังในทันที ตาพวกเขาเริ่มปิดลงและกำลังจะหมดสติ หากเป็นคนที่มีสติครบถ้วนอยู่ที่นี่ คงคิดว่าเรานั้นพูดเกินจริง แต่ในแววตาหงอิงนั้นกลับมีเพียงความประหลาดใจ
สำเร็จ!
นางจ้องตรงไปยังจูนจิ่ว เห็นจูนจิ่วยังไม่หมดสติ ยังคงครองสติตัวเองอยู่ แต่จูนจิ่วนั้นกอดเจ้าแมวตัวสีขาวเอาไว้ ใบหน้านางเริ่มขาวซีด ในตาแสดงออกถึงความตื่นตระหนก
หงอิงยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย นางก้าวไปข้างหน้า นางบีบคางของจูนจิ่วขึ้นและยัดยาเข้าไปในปากนาง ” ฮ่าฮ่าฮ่า! จูนจิ่วเจ้าวางใจ ข้าไม่ทำให้เจ้าหมดสติไปหรอก เช่นนั้นเจ้าจะได้เพลิดเพลินกับความสุขอย่างไรเล่า ?”
‘นายท่าน!’
‘แม่นางจูน!’ เสี่ยวอู่และเหลิ่งยวนเปล่งเสียงโกรธแค้นออกมาในเวลาเดียวกัน จูนจิ่วเหล่มองพวกเขา นั่นทำให้ทั้งคนและแมวล้วนหยุดการกระทำทันที
เมื่อเห็นสายตาของจูนจิ่ว หงอิงคิดว่าจูนจิ่วนั้นรู้สึกกลัว นางจึงยิ้มอย่างชั่วร้ายและเลวทรามยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้นางยังมีท่าทีชะล่าใจ ” รู้หรือไม่นี่คืออะไร? เจ้าไม่ใช่จูนจิ่วผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมหรอกหรือ ? เจ้าควรจะรู้ตัวดีนะ? ”
” เจ้าจะทำอะไร ” น้ำเสียงของจูนจิ่วดูอ่อนแอมาก นางตื่นตระหนกไปทั่วร่าง แต่ยังบอกได้ไม่ชัดว่านางยังคงรออะไรอยู่
” ข้าจะทำอะไร? ไม่ เจ้าควรจะถามว่ารัชทายาทคิดจะทำอะไรมากกว่า? ” หงอิงหัวเราะอย่างชั่วร้าย นางหันกลับไปพร้อมกับปรบมือ ไม่นานก็มีคนเดินออกมาจากในความมืด
มันคือตัวการ เฟิ่งเทียนฉี่!
หงอิงกดเสียงต่ำลง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ” จูนจิ่ว เจ้าควรจะต้องขอบคุณข้า ไม่เช่นนั้นหญิงสาวที่ไร้ทรวดทรงองเอวอย่างเจ้า จะมีชายหนุ่มหน้าไหนอยากจะแต่งงานด้วย อีกอย่าง รัชทายาทก็แค่ต้องการการสนับสนุนจากไท่ซ่างฮ่องเท่านั้น ส่วนเจ้า? เจ้ารึ หึ ”
ในขณะนั้น เฟิ่งเทียนฉี่ก็ได้เดินเข้ามา
หงอิงรีบเปลี่ยนสีหน้า และหันไปทางเฟิ่งเทียนฉี่ด้วยรอยยิ้มที่พอพึงใจ นางหันหลังกลับ และไม่เห็นจูนจิ่วที่กำลังจ้องมองนางด้วยสายตาที่เคียดแค้นกระหายเลือด และความน่ากลัวที่เก็บซ่อนไว้ไม่อยู่นั้น
” สำเร็จไหม? ” เฟิ่งเทียนฉี่ตื่นเต้นจนมือไม้สั่น
หงอิงยิ้มราวกับดอกไม้ และส่งสายตาอย่างไม่เจียมตัว พลางเอ่ย ” รัชทายาท ท่านไม่เชื่อใจข้าหรือ? หงอิงเคยทำให้ท่านผิดหวังซะเมื่อไหร่กัน? ”
“พวกมันล้วนหลงกลเราหรือไม่?”
“แน่นอน! และข้ายังได้ให้จูนจิ่วกินอะไรสนุกๆเข้าไปอีกด้วย เช่นนี้จะทำให้ท่านได้พอใจมากยิ่งขึ้น ไหนท่านลองบอกมาสิ ว่าท่านจะตบรางวัลอะไรให้ข้า ”
” ดีดีดี! ” เฟิ่งเทียนฉี่พอใจเป็นอย่างมาก เขากอดและจูบหงอิงอย่างดุเดือด สายตาของเขาจ้องมองจูนจิ่วอย่างไม่ลดละ เขาเอ่ย ” ไปเถอะ ไปเอาพวกมันลงมา แล้วหาให้ทั่วว่าพวกมันมีเห็ดหลินจือสีเลือดพันปีและแกนสัตว์ติดตัวอยู่ไหม ”
” ถ้าหากไม่มีล่ะ ?”หงอิงขมวดคิ้วขึ้น ” ไม่มี? รอให้ข้าลงมือเองซะก่อน ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะได้เห็นว่ามันมีหรือไม่? รีบไปซะ อย่ามาทำให้ข้าต้องเสียเวลา ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว!”