บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 130 คนเจ้าเล่ห์มันก็เป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ
- Home
- บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
- บทที่ 130 คนเจ้าเล่ห์มันก็เป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ
บทที่ 130 คนเจ้าเล่ห์มันก็เป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ
ทำให้เสี่ยวอู่เชื่อฟัง? เสี่ยวอู่เชื่องมาก!
โม่อู๋เยว่มองจูนจิ่วอยู่ลึกๆและพูดด้วยเสียงต่ำ ” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ข้าพบหยกทิพย์แล้ว อีกไม่นานมันก็จะกำเนิดออกมา หยกทิพย์จะมีผลต่อพวกเจ้าและเสี่ยวอู่อย่างดีเยี่ยมหลังจากพวกเจ้ากินมันเข้าไป เจ้าต้องการมันหรือไม่ ”
” หยกทิพย์ อยู่ที่ไหน ?” ตาของจูนจิ่วเป็นประกาย
หยกทิพย์ไม่ใช่ส่วนผสมของยา มันคือสมบัติทิพย์ของสวรรค์และส่วนที่ดีที่สุดของภูเขา มันค่อยๆก่อตัวขึ้นจากกาลเวลาที่ผ่านไปของโลก กว่าจะเป็นหยกทิพย์นั้นยากมาก ต้องใช้เวลาอย่างร้อยหลายร้อยหลายพันปี และก่อนที่หยกทิพย์จะปรากฏขึ้น ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีผู้ใดพบร่องรอยของมันเลย
หลังจากที่มันได้ปรากฏต่อโลก มันจะทำให้โลกเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น มันจะดึงดูดกองกำลังจากทุกทิศทุกทางเพื่อต่อสู้แย่งชิงพลังอำนาจ และนั่นก็คงจะเป็นการสู้รบอย่างดุเดือด! ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะชนะ!
ในหัวของจูนจิ่วกำลังปรากฏเรื่องราวทั้งหมดที่นางเคยอ่านผ่านมาเกี่ยวกับหยกทิพย์ หากจะให้เปรียบเทียบง่ายๆ หยกทิพย์ก็เป็นของศักดิ์สิทธ์ของธรรมชาติบริสุทธิ์ มันมีพลังและบริสุทธิ์กว่าอ่างยาของนางเองซะอีก
หากได้หยกทิพย์มา ร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้นมาอักระดับหนึ่ง สำหรับสัตว์อย่างเสี่ยวอู่นั้น สิ่งนี้สามารถทำให้สัตว์นับพับบ้าคลั่งได้ ดังนั้น ศัตรูมันไม่ได้มีเพียงมนุษย์ แต่ยังมีสัตว์ทิพย์อีกด้วย
โม่อู๋เยว่ชี้ตำแหน่งทิศทางในแผนที่ให้จูนจิ่วดู ระยะทางใช้เวลาสามวัน นั่นคือจุดที่อยู่ลึกยิ่งกว่าจุดลึกสุดของเขาปู้หว่ง เป็นที่ที่จูนจิ่วยังไม่เคยไป
จูนจิ่วถามต่อ ” หยกทิพย์จะเกิดเมื่อไหร่ ?”
” อย่างเร็วก็สามวัน อย่างช้าก็ห้าวัน ”
” สามวัน ” จูนจิ่วขมวดคิ้ว พวกเขาเดินทางไปจากที่นี่ อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาสามวัน แต่นั่นจะเป็นไรไป อย่างไรเสียนางก็ต้องได้หยกทิพย์นั้นมาให้ได้!
นางสามารถรับประกันได้ นอกจากนาง คนอื่นๆในเขาปู้หว่งล้วนไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงได้เปรียบในข้อนี้ ขอแค่เพียงถึงที่นั่นในเร็ววันและคอยปกป้องมัน เมื่อหยกทิพย์เกิดขึ้นก็เอามันไป ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้ใดจะกล้าแย่งมันไปจากนาง?
จูนจิ่วรีบตัดสินใจในทันที นางลูบกำปั้น ดวงตาเย็นชาและสงบ ” ข้าจะไปแจ้งให้หยูนเฉียวและคนอื่นๆรีบออกเดินทาง เราจะไปเอาหยกทิพย์กัน !”
” ดี ”
เดินออกไปได้สองก้าว จูนจิ่วก็หันไปมองโม่อู๋เยว่ ” เจ้าคงจะไม่ไปด้วยกันใช่หรือไม่ ?”
” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่อยากให้ข้าไปหรือ?” โม่อู๋เยว่ยิ้มอย่างชั่วร้ายพลางหรี่ตามองนาง มุมปากถูกยกขึ้นอย่างน่าสงสาร ใช้งานข้าเสร็จก็ทิ้งข้า เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ช่างโหดร้ายนัก!
จูนจิ่วไม่หลงกลความงามของเขาสักนิด นางยักไหล่พลางเอ่ย” ข้าชอบหลอกตัวเอง แต่ข้าไม่ชอบให้ใครมาช่วยหลอกข้า ”
” หลอก? ”
” พูดง่ายๆคือ หากเจ้าไปแล้วเจ้าลงมือเองมันก็จะไม่ตื่นเต้นและน่าสนุกอีกต่อไป แต่ถ้าเจ้าอยากไปดูเล่นๆก็ย่อมได้ แต่เจ้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ได้! มิฉะนั้น หึหึ เจ้ารู้จุดจบของเฟิ่งเทียนฉี่ไหม ? ” นางไม่เชื่อว่าเหลิ่งยวนจะไม่รายงานเขา
โม่อู๋เยว่เลิกคิ้ว ” ข้าเข้าใจ แต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้ากำลังขู่ข้า หรือกำลังทำลายความรู้สึกรักที่กำลังจะเกิดในอนาคตเจ้ากันแน่? ”
“……” การย้อนถามนี้มีความก่อกวนอยู่นิดหน่อย!
จูนจิ่วสำลักอยู่ครู่หนึ่ง จึงจะจ้องมองโม่อู๋เยว่อย่างเย็นชาและกล่าว ” ความรักในอนาคตของข้านั้นมาจากเจ้างั้นหรือ ยังไม่แน่เสมอไปหรอก ”
” จะต้องเป็นข้าแน่นอน ต้องเป็นข้าเท่านั้น ” โม่อู๋เยว่ขยับเข้าหาจูนจิ่ว ระยะห่างที่ใกล้กัน ทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันอย่างแนบแน่น โม่อู๋เยว่กระซิบข้างหูนางด้วยเสียงทุ้มต่ำ ” หากเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไปชอบชายผู้อื่น ข้าจะทำให้มันกลายเป็นขันทีอย่างเฟิ่งเทียนฉี่ ”
จูนจิ่วไม่มีอะไรจะพูด ใช่ นี่เกินไปมาก!
จูนจิ่วคิดว่าโม่อู๋เยว่จะตกใจกลัววิธีการของนางเหมือนอย่างพวกหยูนเฉียว แต่ปรากฏว่าคนเจ้าเล่ห์ก็ยังเป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ วิธีการธรรมดาไม่สามารถทำให้เขาตกใจกลัวได้ อีกทั้งนางพูดเรื่องหนึ่งเขาก็จะสามารถอนุมานไปถึงเรื่องอื่นๆได้เรื่อยๆ และย้อนกลับมายั่วเย้านางได้อีก
จูนจิ่วลูบอย่างจักจี้ เลือดสูบฉีดไปถึงหูู นางผลักโม่อู๋เยว่ออก ” อย่ามาเสียเวลา ข้าจะไปแล้ว ”
” ข้าอุ้มเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไป วันเดียวก็ถึง ”
” อุ้มข้า? หึ หากเจ้าสามารถอุ้มพวกข้าสี่คนพร้อมแมวอีกหนึ่งตัวไปได้ ข้าจะตกลง ” แตะต้องตัวนาง? ผู้ใดหน้าไหนก็ไม่สามารถแตะตัวนางได้ง่ายๆ
เมื่องมองหลังของจูนจิ่วที่เดินหายวับไปต่อหน้าต่อตา โม่อู๋เยว่ก็ลูบคางพลางถาม ” เหลิ่งยวน ข้างามไม่พอหรือ? ”
“ฟู่——แค่กแค่ก!นายท่าน,ท่านว่าอย่างไรนะ?”
” เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แค่เห็นหน้าข้าก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้แล้ว แต่ตอนนี้นางกลับอยากให้ข้าไปอุ้มคนอื่น?หรือว่าข้าไม่งามเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้แล้ว? ” โม่อู๋เยว่หรี่ตาลงอย่างไม่พอใจ
เขาถูกจิตวิญญาณของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เรียกร้องด้วยความปรารถนา เหตุใดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยิ่งเย็นชากับเขา?มนุษย์มีคำพูดอยู่คำหนึ่ง หญิงแก่ตัวไปก็ไม่มีค่า เหมือนกับมุก เมื่อเก่าก็จะกลายเป็นสีเหลืองและไร้ค่า มันไม่ถูกต้อง!เขาจะแก่ได้อย่างไร!เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะต้องคุ้นชินกับคำเย้าแหย่ของเขาแล้วเป็นแน่ จึงได้มีปฏิกิริยาที่เย็นชาเช่นนี้
โม่อู๋เยว่ยกริมฝีปากขึ้น และยิ้มด้วยเสน่ห์อันชั่วร้าย ” ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเปลี่ยนวิธีใหม่แล้วล่ะ ”
เหลิ่งยวน “……”
เหลิ่งยวนนั้นรู้ตั้งนานแล้ว ว่าท่าทางตอบกลับแบบนี้เรียกว่า ความรักยังไม่มา ความสนุกก็เข้ามาแล้ว แต่เขารู้ก่อนก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขาคอยแอบอิจฉาและยินดีด้วยอย่างเงียบๆก็พอแล้ว
……
ผ่านไปสองวัน ในที่สุดซือถูซิวก็พาผู้คนข้ามน้ำข้ามเขามาพบสถานที่ที่ถูกส่งสัญญาณดอกไม้ไฟได้ พวกเขาทั้งหมดรวมสิบกว่าคน ยกเว้นอาจารย์สองคน ที่เหลือล้วนเป็นนักล่ารับจ้างพิเศษทั้งสิ้น เป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากและสามารถค้นหานสถานที่ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาดู ก็พากันสูดลมหายใจ
ซือถูซิวดวงตาเบิกโพลง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น เขารู้สึกว่าขาของเขารู้สึกแปลกๆ เหมือนกับเหยียบโดนบางสิ่งบางอย่าง เมื่อก้มลงไปดู ก็พบว่าเป็นมือที่ถูกตัดออก ซือถูซิวตกใจจนขาอ่อนแรงไปหมด
” รีบพยุงข้าเร็ว! ” นักล่าสองคนรีบเข้ามาพยุงตัวเขาขึ้น อาจารย์อีกคนหนึ่งเห็นก็มองเขาด้วยสายตาดูถูก เขาก้มมองมือที่ถูกตัด มันมีทั้งหมดสองข้าง จากนั้นก็มองอีกสองคนที่นอนจมอยู่ในกองเลือด ใบหน้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดและโคลนทำให้ดูไม่ออกว่าเป็นใคร หนึ่งในนั้นเหมือนกับโดนอะไรบางอย่างตอกติดไว้กับพื้น แต่ในตอนนี้อาวุธสังหารนั้นได้หายไปแล้ว เขานอนอยู่ด้วยร่างกายที่บิดเบี้ยว ร่างกายท่อนล่างยังเต็มไปด้วยมดและแมงป่องที่คลานขึ้นมา
อีกคนหนึ่งก็คือเจ้าของมือที่ถูกตัดนั่น!
ซือถูซิวรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก เขาเบือนหน้าหนีไม่กล้ามอง ” พวกเขาเป็นใครกัน ?อาจารย์จ้าวท่านรีบไปดูซิว่าพวกเขาคือใคร? ”
อาจารย์จ้าวยิ่งดูถูกซือถูซิวมากขึ้น แต่เขาก็สูดหายใจเฮือกหนึ่ง และเตรียมตัวเตรียมใจก่อนที่จะเดินเข้าไป คนแรกเป็นหญิงสาว แต่เขาก็ไม่ได้มีความประทับใจใดๆ คนที่สอง เขาเอามือจับคางและมองใบหน้าอย่างละเอียด ทันใดนั้นร่างกายอาจารย์จ้าวก็สั่นเทาขึ้นมาทันที
ซือถูซิวจ้องมอง ” เป็นอะไรไป? ”
“เขาคือเฟิ่งเทียนฉี่!”
” อะไรนะ ?คนไหนคือเฟิ่งเทียนฉี่?แคว้นเทียนโจ้งของเรามีเฟิ่งเทียนฉี่อยู่กี่คน?” ซือถูซิวลุกขึ้นยืนและถามเขาด้วยความตกใจ
อาจารย์จ้าวกลืนน้ำลายพลางตอบ ” เฟิ่งเทียนฉี่ รัชทายาทแห่งแคว้นเทียนโจ้ง ”
“อะไรนะ!”
พวกเขาตกใจจนนิ่งไป นี่คือเฟิ่งเทียนฉี่?
แม้ว่าสำนักเทียนโจ้งจะอยู่เหนือกว่าแคว้นเทียนโจ้ง อีกทั้งประวัติศาสตร์การก่อตั้งสำนักยังยาวนานกว่าแคว้นเทียนโจ้ง แต่เฟิ่งเทียนฉี่เป็นรัชทายาทของแคว้น ได้มาเกิดเรื่องโศกนาฏกรรมขึ้นในที่แห่งนี้ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายต่อแคว้นเทียนโจ้งอย่างไรดี
โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเฟิ่งเทียนฉี่บาดเจ็บตรงส่วนไหนแล้ว หัวใจของซือถูซิวและอาจารย์จ้าวรู้สึกราวกับถูกกระชากออกมา
” ช่วย ช่วยข้าด้วย…… ” ทันใดนั้นเฟิ่งเทียนฉี่ก็ส่งเสียงออกมา
” เขายังมีชีวิตอยู่ เร็ว!รีบพาเขาออกไป รีบไปตามนักกลั่นยามาเดี๋ยวนี้ ! ”
” แม่นางผู้นี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ จะให้พาออกไปด้วยกันเลยหรือไม่ ?” นักล่าถาม ” พาออกไปด้วย! “