บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 150 การตอบสนองของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์น่าสนใจขนาดนี้เชียว
- Home
- บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
- บทที่ 150 การตอบสนองของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์น่าสนใจขนาดนี้เชียว
บทที่ 150 การตอบสนองของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์น่าสนใจขนาดนี้เชียว
เสี่ยวอู๋ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการไปๆมาๆราวภูตผีของโม่อู๋เยว่แล้ว ต่อให้ตอนนี้เจ้านายของเขากำลังอาบน้ำอยู่ เพราะหลังจากที่ได้เห็นมากับตาที่โม่อู๋เยว่โดนเจ้านายตัวเองจูบอย่างดูดดื่ม……จิตใจของเสี่ยวอู่รู้สึกสับสน
เมื่อชาติที่แล้วเจ้านายอยู่โสดจนตายไป ชาติจะต้องหลุดพ้นจากความโสดให้ได้นะ ตอนนี้นอกจากโม่อู๋เยว่ ก็ไม่มีใครที่เหมาะสมกับเจ้านาย ดังนั้น ก็คิดเสียว่าตัวเองไม่รู้ไม่เห็นอะไรล่ะกัน เสี่ยวอู๋มุดหน้าลงไปในอ่าง มันมองไม่เห็น และไม่ได้ยิน
โม่อู๋เยว่ได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูล้อเล่นของนาง สายตาก็ตกไปที่ใบหน้าของจูนจิ่ว รูปหน้าสวยสดงดงามช่างเร้าใจคนยิ่งนัก โม่อู๋เยว่เลียริมฝีปาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้ามาดูเจ้า แล้วก็มาช่วยเจ้าล้างโยวยิ่งด้วย”
“เออ” จูนจิ่วไม่ได้พูดอะไร นางหงายหลังลงไปตรงกลางอ่างอาบน้ำอีกครั้ง
มองผ่านไปน้ำที่อบอวล จูนจิ่วเห็นสีหน้าของโม่อู๋เยว่ เป็นความหิวโหยที่อธิบายไม่ถูก และนางก็เป็นอาหารที่โม่อู๋เยว่อยากกินมากที่สุด ดังนั้น ต้องยกทัพกลับมาก่อน จูนจิ่วไม่ล้อเล่นกับเขาแล้ว
รู้สึกเสียดายความตื่นตัวเร็วของจูนจิ่วไปหน่อย โม่อู๋เยว่กระตุกยิ้มอย่างร้ายๆ เขายกกวักมือเรียกโยวหยิ่งออกจากกะละมังลอยทะลุผ่านมาอยู่ในกำมือ
เห็นเพียงปลายนิ้วของโม่อู๋เยว่ที่มีดาวแสงวิบวับปรากฏตัวขึ้น แสงเดินผ่านโยวยิ่งทีหนึ่ง โยวยิ่งก็ยิ่งคมมากขึ้น และยิ่งดูเข้มขึ้นไร้แสง ดุจดั่งอสูรกายร้ายในความมืดที่ยังไม่ออกจากกรงก็แยกเขี้ยวข่มขู่
“ใต้ผืนฟ้านี้ โยวยิ่งมีเพียงฆ่าเท่านั้นที่ล้างทำความสะอาดได้”
“แล้วยังไงล่ะ?” จูนจิ่วกระพริบตา
โม่อู๋เยว่กระตุกมุมปาก ทิ้งคำพูดสี่คำเบาๆ แต่กลับหนักแน่นราวกับคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง “อย่าจากข้าไป”
อย่าจากข้าไป……จากไป ก็จะไม่มีคนช่วยนางทำความสะอาดโยวยิ่ง ไม่มีคนช่วยนางขัดโยวยิ่งให้คม เพื่อให้มันใช้งานได้คล่องและคมมากยิ่งขึ้น
จูนจิ่วไม่อาจปฏิเสธได้ว่า โม่อู๋เยว่รู้จุดอ่อนของนาง นางชอบโยวยิ่งและป๋ายเย่มากจริงๆ สองชาติรวมกันก็ยังไม่เคยได้อาวุธอะไรที่ถูกใจขนาดนี้มาก่อน และนางก็รู้ดีว่า ที่มาของโยวยิ่งและป๋ายเย่นั้นไม่ธรรมดา
ใช้ปลายนิ้วเคาะที่คาง จูนจิ่วหัวเราะออกมากเบาๆ “เอาอย่านี้ ตอนนี้ข้าจะไม่จากเจ้าไปไหนเป็นการชั่วคราว”
“ชั่วคราว?” โม่อู๋เยว่สายตาดิ่งลง
จูนจิ่ว “ชั่วคราวเจ้ายังรังเกียจว่าสั้นอีกเหรอ? บางทีชั่วคราวอาจจะเป็นตลอดไปล่ะ? โม่อู๋เยว่ เกิดเป็นคนน่ะอย่าโลภมากนัก”
โม่อู๋เยว่อยากบอกว่าเขาไม่ใช่คน และไม่ต้องเคารพกฎเกณฑ์ของมนุษย์ด้วย แต่จูนจิ่วกลับลุกขึ้นมากะทันหัน ท่าทกลางไอน้ำปากฎร่างกายขาวนวลดั่งหยก ทำให้เขานิ่งอึ้งไป ถึงแม้จะเป็นแค่แวบเดียว แค่กระพริบตาจูนจิ่วก็สวมเสื้อตัวในเสร็จแล้ว จากนั้นก็สวมชุดศิษย์สำนักเทียนโจ้ง
จูนจิ่วก้าวเดินไปทางโม่อู๋เยว่ ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมยื่นมือไปหาเขา “เอาล่ะ เอาโยวยิ่งให้ข้า ข้ายังต้องไปดูโล่ชิวเห้อ ภายในสามวันข้าจะต้องส่งมอบผู้อำนวยการที่กระโดดโลดเต้นได้ให้กับสำนักเทียนโจ้ง”
หากมีคนอื่นอยู่ด้วย จะต้องพูดเถียงจูนจิ่วแน่ ที่ใช้คำว่ากระโดดโลดเต้นกับคนแก่คนหนึ่ง มันดูประหลาดไปหน่อยใช่ไหม?
จูนจิ่วคิด ถ้าไม่ กระโดดโลดเต้นแล้วก็เตรียมฝังเขาลงไปในดินได้เลย
ไม่ๆๆ เจ้าเป็นฝ่ายถือคำขาด ผู้อำนวยการยังช่วยได้อยู่
โม่อู๋เยว่ยื่นโยวยิ่งให้กับจูนจิ่ว จากนั้นนางเตรียมจากไปทันที แต่ทว่าเท้ายังไม่ทันได้ก้าวออกไปสักก้าว ผมช่อหนึ่งถูกโม่อู๋เยว่จับเอาไว้ ทำให้เดินไปไหนไม่ได้ทันที
น้ำสียงที่ฟังดูขี้เกียจดังมากจากด้านหลัง เป็นเสียงที่กระชักวิญญาณ เขาพูดว่า “เช็ดผมให้แห้งก่อนแล้วค่อยไป”
“ข้ากำลังรีบอยู่”
“ครู่เดียวเอง” โม่อู๋เยว่พูดว่าครู่เดียว ก็จริงตามนั้น จูนจิ่วรู้สึกว่ามีไอร้อนอบอุ่นที่ส่งผ่านจากปลายผมมายังหนังศีรษะ จูนจิ่วไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสผมของนาง เพราะหนึ่งในจุดที่อ่อนไหวซ่อนอยู่ที่นี่
ไออบอุ่นที่ทำให้รู้สึกชาๆกำลังไล่เป่าผมนาง ใบหน้าจูนจิ่วยิ่งแดงระเรื่อ นัยน์ตาที่สดใสนั้นกำลังมึนๆ ปลายนิ้วของโม่อู๋เยว่สอดผ่านเส้นผมของนาง ราวกับกระแสไฟฟ้าที่หลบไม่ทัน
โม่อู๋เยว่พูด “เสร็จแล้ว”
จูนจิ่วได้ยินแล้ว รีบเอามือปิดหัวไว้ แล้ววิ่งพุ่งออกไปทางประตูแบบไม่หันหน้ากลับมามอง ราวกับวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เสี่ยวอู่สะบัดน้ำในลำตัวจนสะอาด มองจิกไปที่โม่อู๋เยว่ และวิ่งตามจูนจิ่วออกไป
เหมียวๆๆ เจ้านายรอลูกรักเสี่ยวอู่ด้วยสิ
ภายในห้อง โม่อู๋เยว่ที่ยังอยู่หัวเราะออกมาเสียงเบาๆ เขาก้มหัวลง ปลายนิ้วมือสัมผัสตรงปลายจมูก นัยน์ตาสีดำถูกกลบทับด้วยสีทองอร่าม โม่อู๋เยว่พูดเสียงแหบแห้ง “การตอบสนองของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์น่าสนใจขนาดนี้เชียว? เห้อ หอมจัง”
ฝีเท้าของจูนจิ่วเดินเร็วมากมุ่งเดินไปถึงลานจวนของโล่ชิวหยาง ถึงจะชะลอฝีเท้าลง นางกดนวดตรงระหว่างคิ้วเบาๆ แล้วตบใบหน้าที่ร้อนระอุของนางเบาๆ บนหนังศีรษะยังมีความรู้สึกชาๆอยู่เลย จูนจิ่วสูดหายใจเข้าลึกๆ
นางขบฟันแน่น พูดออกมาเรียบๆ “จะไม่ให้โม่อู๋เยว่มาสัมผัสผมของข้าอีกเป็นอันขาด”
“เหมียว” เสียงน่าสงสาร เสียงแมวที่ฟังชัดแจ่วจนสามวันยังไม่คลาย
จูนจิ่วหันหน้ากลับไปมอง เสี่ยวอู่เหนื่อยจนนอนไปกับพื้น ดวงตาที่สุกสะกาวมองมาทางจูนจิ่วอย่างน่าสงสาร ฝีเท้าเร็วเกินไป มันไล่ตามไม่ทันกระวนใจจะตายแล้ว มัวแต่วิ่งตามอย่างสุดชีวิต ขนของเสี่ยวอู่พัดจนแห้งแล้ว ตอนนี้ขนของมันฟูพองมาก เพราะโดนลมพัดจนขนฟูพองไปทุกทิศรู้สึกโง่เขลาอยู่บ้าง
จูนจิ่วอดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมาก และก้มลงไปอุ้มเสี่ยวอู่ขึ้นมา “เอาล่ะ ความผิดข้าเอง ครั้งหน้าถ้าเจ้าไล่ตามข้าไม่ทันก็ไม่ต้องวิ่งตามสิ ในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าข้าจะไปไหน ”
“เหมียวๆ” ไม่ได้ ต้องไล่ตามไป
เสี่ยวอู่นึกโกรธในใจ ถ้าเหมือนกับครั้งก่อนจะทำอย่างไร ที่โดนโม่อู๋เยว่ลักพาตัวไป รอไปตั้งสองสามวันกว่าจะกลับมา มันจะต้องกลายเป็นแมวตัวแรกที่ร้องไห้จนตายแน่?
จูนจิ่วพูด “เอาล่ะ ครั้งหน้าข้าจะไม่ลืมเจ้าแน่ แบบนี้พอใจหรือยัง?”
ขณะที่พูดไปด้วย จูนจิ่วจะใช้โอกาสนี้แกล้งเสี่ยวอู่สักหน่อย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เลยละกัน ช่วยมันหวีขนให้คลายเสียหน่อย
เมื่อได้ยินเสียงในลาน เฟิ่งเซียวออกมา “เสี่ยวจิ่วเจ้ามาแล้วหรือ”
“อื้ม ไปดูคนก่อน” จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่เดินเข้าไปในห้อง ภายในห้องไม่ได้มีเฟิ่งเซียวคนเดียว ยังมีหรูมั่นที่เป็นหลานสาวของโล่ชิวเห้อและหยูนเฉียวอยู่ด้วย
หยูนเฉียวพูดว่า “แม่นางจูนเจ้าดูอาการก่อน หากต้องการวัตถุดิบยาสมุนไพรอะไร ข้าจะรีบเขียนจดหมายให้พี่ชายข้าส่งมาให้”
“ได้”
เมื่อจูนจิ่วเดินไปที่ข้างเตียง ก่อนอื่นดูสีหน้าของโล่ชิวเห้อก่อน สีผิวของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีดำเขียวประหลาด อีกทั้งบนใบหน้ายังมีจุดฝ้ากระพิษสีขาว และกลิ่นฉุนที่แผ่กระจายออกจากร่างกายของเขา ตอนนี้โล่ชิวหยางไม่สามารถประคับประคองสติได้
เสี่ยวอู่มีความไวต่อกลิ่น เขาจำเป็นต้องยอมออกจากอ้อมกอดของจูนจิ่ว แล้วไปนั่งเฝ้าอยู่ตรงปากประตูด้วยใบหน้าที่นึกรังเกียจ
จูนจิ่วเปิดดูตาของโล่ชิวเห้อ และจับชีพจรของเขา เพื่อตรวจเช็ค สายตา ร่างกายและตันเถียนภายใน สุดท้ายจูนจิ่วนำเอามีดสั้นสีเงินออกมา กรีดปลายนิ้วของโล่ชิวหยาง เลือดที่ไหลออกจากรอยกรีดก็เป็นสีดำเขียวเช่นกัน อีกทั้งยังมีลักษณะเหนียวข้น เหมือนเป็นเจลเลือด
ตลอดการตรวจเช็คทั้งสามคนที่อยู่ภายในห้องรักษาความเงียบสงบ ไม่กล้ารบกวนจูนจิ่ว ตอนนี้ดูอาการของเลือดแล้ว แต่ละคนสูดหายใจลึก หรูมั่นตาแดงก่ำ “ศิษย์น้องจูนจิ่ว ไม่สิ หมอเทวดา คุณปู่ของข้ายังมีความหวังไหม?”
“มีข้าอยู่ด้วยทั้งคน ยมราชไม่กล้าแย่งคนหรอก” คำพูดที่ฟังดูโอ้อวดบ้าบิ่น แบบเท่ระเบิดสุดๆ ภายในห้องไม่มีใครนึกสงสัยนางเลย ทุกคนเชื่อมั่นในตัวจูนจิ่ว