CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 152 ชื่อเสียงนางจะต้องป่นปี้แน่นอน

  1. Home
  2. บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
  3. บทที่ 152 ชื่อเสียงนางจะต้องป่นปี้แน่นอน
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 152 ชื่อเสียงนางจะต้องป่นปี้แน่นอน

เหอจงนั่งอยู่บนที่นอน สายตาของเขาแฝงด้วยความโหดร้ายอำมหิต เขารอตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ รออยู่ทั้งวัน จนฟ้าใกล้มืดสนิทแล้ว หลัวฉีถึงจะถูกคนหามกลับมา เหอจงเงยหน้าไปดู หลัวฉีที่ฉีดราดส่งกลิ่นเหม็นหื่น เหม็นจนเหอจงเกือบจะเป็นลมไป

สีหน้าที่นึกรังเกียจของเขา รีบโบกมือไล่ “ยกออกไป ยกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าสองคนอยู่ก่อน ว่ามาสิ มันเกิดอะไรขึ้น?”

ซือถูซิวเป็นคนของเขา การไปฝึกฝนที่เขาปู้หว่งครั้งนี้ ซือถูซิวรายงานข่าวสารให้เขากับจูนหยูนเสวี่ยตลอดเวลา ดังนั้น เหอจงรู้เวลาที่คณะฝึกฝนจะกลับมาเป็นอันดับแรก ด้วยเหตุนี้ เหอจงจึงคิดแผนการชั่วร้ายอันหนึ่งออกมาได้

จูนจิ่วอยู่ท่ามกลางคณะทีมฝึกฝนด้วย เมื่อดูปฏิกิริยยาของเฟิ่งเซียวที่รักและทะนุถนอมจูนจิ่วมากขนาดนั้น แค่เพียงจับตัวจูนจิ่วไว้ได้ ยังจะกังวลว่าเฟิ่งเซียวจะเป็นศัตรูกับเขาอีกหรือ?

เขาไม่เชื่อหรอกว่า เมื่อเขากรีดหูและนิ้วมือของจูนจิ่วส่งไปให้ดูแล้ว และหากยังไม่พอ? ก็ฟันขาของจูนจิ่วเสีย เขาไม่เชื่อว่าเฟิ่งเซียวจะนิ่งดูดายอยู่ได้ ขอเพียงแค่ให้เฟิ่งเซียวอยู่ในกำมือเขา ลำดับต่อไปก็คือฆ่าโล่ชิวเห้อทิ้ง ส่วนเขาก็จะได้ขึ้นเป็นตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักเทียนโจ้ง

ถึงแม้ในตอนแรกจะมีปัญหา แต่ก็ยังสามารถแก้ไขได้อยู่

ดังนั้น เขาจึงสั่งให้หลัวฉีนำลูกศิษย์ที่ติดตามเขาอยู่จำนวนหนึ่งร้อยกว่าคนมุ่งตรงไป เดิมทีควรจะจับตัวจูนจิ่วได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่ารอตั้งแต่เช้าจนค่ำ สิ่งที่เหอจงรอกลับมาได้กลับเป็นสภาพของโล่ชิวเห้อในตอนนี้ เขาโกรธจนหายใจหอบ สายตาทั้งคู่เหมือนดั่งมีดที่อาบยาพิษมองจ้องไปที่ศิษย์ทั้งสองที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา

ทั้งสองคนหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมด พูดจาไม่ออกสักคำ เหอจงโกรธจัด “พวกเศษสวะ”

เขาสะบัดแขนเสื้อทั้งสองคนก็ถูกโยนกระเด็นออกไป ซึ่งกระทบโดนบาดแผลบนร่างกาย เขารู้สึกเจ็บปวดจน ต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นจูนหยูนเสวี่ยที่มีสีหน้าขาวซีดเดินเข้ามา “หยูนเสวี่ยเจ้ากลับมาแล้ว”

“รองหัวหน้า เกิดเรื่องแล้ว จูนจิ่วบอกว่า นางสามารถทำให้โล่ชิวเห้อฟื้นคืนมาภายในสามวันและจะให้เขาพูดความจริงแก่ลูกศิษย์สำนักเทียนโจ้งเองว่าเกิดอะไรขึ้น”

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ นางโกหก” เหอจงลุกขึ้นยืน ใบหน้าบึ้งตึง เขาพูดว่า “ยาพิษนั้นเจ้าเป็นคนให้ข้าเอง และเจ้าก็พูดเองว่า ยาพิษนั้นสามารถฆ่าโล่ชิวเห้อได้ แต่แล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้โล่ชิวเห้อยังมีชีวิตอยู่”

“ตอนนี้เจ้ามาบอกข้าว่า โล่ชิวเห้อยังมีโอกาสรอดได้อีก? แผนการของพวกข้ากำลังจะถูกเปิดโปง? หยูนเสวี่ย ข้าอุตส่าห์เชื่อใจเจ้าขนาดนี้ เจ้าคงไม่ไร้ประโยชน์ถึงขั้นทำพลาดในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้หรอกนะ?”

เมื่อได้ยินเหอจงต่อว่า สีหน้าของจูนหยูนเสวี่ยวยิ่งดูน่าเกลียด

นางหาหินทิพย์ชั้นห้าไม่เจอ ตลอดทางกลับมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อกลับมาถึงก็เห็นจูนจิ่วต่อยคนพวกนั้นอย่างดุเดือด และยังพูดว่าสามารถช่วยโล่ชิวเห้อให้ฟื้นได้ จูนหยูนเสวี่ยยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกและหวาดกลัว ถูกเปิดโปงไม่ได้ จะให้โล่ชิวเห้อพูดความจริงไม่ได้เด็ดขาด

ชื่อเสียงนางจะต้องป่นปี้แน่นอน

ถ้าหากแผนการชั่วของพวกเขาล้มเหลว และถูกเปิดโปงสู่ที่สาธารณะ ชีวิตนี้นางอย่าคิดว่าจะไปอู๋อจงเลย แค่ตั้งหลักปักฐานที่แคว้นเทียนโจ้งยังยากเลย ไม่ มันจะกลายเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

จูนหยูนเสวี่ยกำหมัดแน่น นางมองไปที่เหอจงอย่างจริงจัง “ฆ่าเขาเสีย ต้องรีบฆ่าโล่ชิวเห้อ”

“หื้ม เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากฆ่าเขาทิ้งหรือ? เฟิ่งเซียวเล่นเฝ้าอยู่ข้างกายเขาทั้งวัน ข่าวลวงที่ข้าปล่อยออกไปเพื่อทำลายชื่อเสียงของเขาและยุแหย่ให้ลูกศิษย์สำนักเทียนโจ้งตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา แต่ก็ยังไม่สามารถเจอตัวโล่ชิวเห้อได้ แล้วก็ยังมีบาดแผลบนร่างกายข้าอีก โอ๊ย ไอ้เฟิ่งเซียวมันสมควรตาย ” เหอจงโกรธจนร้องตะโกนเสียง

จูนหยูนเสวี่ยพูด “งั้นพวกข้าก็คอยจ้องสังเกตการณ์ไว้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะไม่มีตอนที่เผยความบกพร่องบ้าง จากนั้นพวกข้าก็แค่ลงมือฆ่าโล่ชิวเห้อ และโยนความผิดว่าเป็นฝีมือของเฟิ่งเซียวกับจูนจิ่วที่เป็นคนฆ่าเขา พวกข้ายังสามารถพลิกผันแพ้เป็นชนะได้”

“ดี ทำตามแผนที่เจ้าบอก”

เหอจงและจูนหยูนเสวี่ยสบสายตากัน ทั้งสองสีหน้าถมึงทึงล้วนเป็นเพราะความตื่นตระหนก โกรธแค้น และโหดเหี้ยม พวกเขาเผยรอยยิ้มดุร้ายและสายตาอำมหิต

ครั้งนี้จะต้องชนะให้ได้

จูนหยูนเสวี่ยกลับไปรู้ว่า ตอนนี้จูนจิ่วไม่ได้อยู่ที่สำนักเทียนโจ้ง แต่กำลังไปที่วังหลวงแคว้นเทียนโจ้ง และกำลังหารือเรื่องที่เกี่ยวกับตัวนางเอง

……

ภายในวังหลวงแคว้นเทียนโจ้ง

ฮ่องเต้ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดียืนอยู่หน้าประตูตำหนัก ข้างกายเขามีนางกำนัลและขันทีเดินเข้าเดินออก อีกทั้งข้างในยังมีนักกลั่นยาที่ถกเถียงหารือกันจนเสียงดังออกมาข้างนอก ฮ่องเต้ฟังแล้วก็ปวดหัวมาก เขานวดคลึงตรงระหว่างคิ้ว

โกรธ? ความโกรธระบายไปตั้งนานแล้ว ในพระราชวังทั้งขันทีและนางกำนัลไม่รู้ว่าฆ่าทิ้งไปเท่าไหร่

แต่โกรธแล้วจะช่วยอะไรได้ แค่นึกถึงสภาพของเฟิ่งเทียนฉี่ ฮ่องเต้ก็รู้สึกว่าจบแล้ว เขามีเฟิ่งเทียนฉี่ลูกชายเพียงคนเดียว มิเช่นนั้นคงไม่อดทนต่อการกระทำของเฟิ่งเทียนฉี่ตลอดเวลา ทายาทเพียงคนเดียว ซึ่งในอนาคตแคว้นเทียนโจ้งก็ต้องส่งต่อให้เขาดูแล

แต่ตอนนี้……เฟิ่งเทียนฉี่กลายเป็นบุคคลไร้ประโยชน์ สิ่งนั้นสะอาดยิ่งกว่าของขันทีเสียอีก ไม่เพียงเท่านี้ กระดูกของเฟิ่งเทียนฉี่ทั้งหักและแหลกสลาย นักกลั่นยานับไม่ถ้วนที่ดูอาการแล้วล้วนพูดว่า ชีวิตนี้เฟิ่งเทียนฉี่คงต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น บุคคลทุพพลภาพเช่นนี้จะเป็นฮ่องเต้ได้อย่างไร?

ฮ่องเต้กัดฟันแน่น ถอนหายใจยาว “เสด็จพ่อ ทำไมท่านไม่ให้ข้ามีภรรยามากมาย หากข้ามีนางสนมเป็นกองก็คงไม่ต้องมากังวลว่าจะมีลูกชายเพียงคนเดียว?”

“ทำไม? เจ้ามีความคิดเห็นกับคำสั่งของข้าหรือ?” เสียงของเฟิ่งเซียวลอยผ่านมา ฮ่องเต้ตกใจจนตัวสั่นทันที

เขามองดูเฟิ่งเซียวที่เดินเข้าหาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ ปฏิกิริยาแรกคือรีบขอโทษทันที “เสด็จพ่อ โปรดอภัยให้ ข้าด้วย……ไม่สิ ลูกไม่ได้หมายความเช่นนั้น ลูกอยากจะใช้ชีวิตครองรักดั่งเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ แต่ว่าเสด็จพ่อ เสด็จพ่อ หลานชายของท่านเขา…… ”

ฮ่องเต้พูดไม่ออก

ใครจะไปคิดว่าเฟิ่งเซียวเพียงแค่เหลือบตามองเขาแวบเดียว ยิ้มหยัน “ข่าวคราวของเจ้าสารเลวนั่น ข้าน่ะรู้หมดแล้ว”

“อะไรนะ? เสด็จพ่อท่านรู้ งั้นแสดงว่าเสด็จพ่อต้องรู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเขา เสด็จพ่อจะต้องแก้แค้นให้หลานชายของท่านด้วยนะ จะปล่อยคนร้ายไปไม่ได้เด็ดขาด เสด็จพ่อ คนนั้นคือใคร?”

“ข้า” หญิงสาวที่เสียงเยือกเย็นทะนงตัวลอยผ่านมา

ฮ่องเต้ตกตะลึง เงยหน้ามองข้ามเฟิ่งเซียวไป ถึงได้มองเห็นหญิงสาวที่อายุเพียงสิบสี่ปีอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาว ฮ่องเต้ขานเรียกด้วยความมึนงง “ม่างตง?”

ใคร? จูนจิ่วยกคิ้วขึ้นสูง

เฟิ่งเซียวขมวดคิ้วแน่น พูดตำหนิว่า “ม่างตงอะไรกัน นี่คือจูนจิ่ว”

หยุดนิ่งไปครู่ เฟิ่งเซียวหันหน้ากลับไปมองจูนจิ่ว จากนั้นพูดเสริมเสียงเบาว่า “นี่คือลูกสาวของม่างตงกับจูนหมิงเย่”

เสียงสูดลมหายใจ

ฮ่องเต้สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆรู้สึกตกใจมาก จูนจิ่วเป็นลูกสาวของม่างตงกับจูนหมิงเย่หรือ? ไหนมีคนบอกว่านางเป็นลูกสาวของจูนชิงเซียวคุณชายสามตระกูลจูนไม่ใช่หรือ? ทำไมกลายเป็นของจูนหมิงเย่กับม่างตงล่ะ ในใจเขานึกสงสัย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามตรงๆ

ในเวลานี้ฮ่องเต้เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมเฟิ่งเซียวถึงได้ปกป้องจูนจิ่วมากขนาดนี้ ถ้าหากนางเป็นลูกสาวของพวกเขา ทุกสิ่งอย่างย่อมอธิบายได้

รอก่อน เขาลืมอะไรไป?

เพิ่งจะดึงสติกลับมา ฮ่องเต้โกรธจนเบิกตากว้าง ชี้นิ้วไปที่จูนจิ่วทั้งโกรธและตกตะลึงมาก “จูนจิ่ว เจ้าทำร้ายลูกชายข้า ทำร้ายรัชทายาทของแคว้นเทียนโจ้ง เจ้ามันช่างบังอาจยิ่งนัก”

“ตะคอกอะไรกัน? หุบปาก” เฟิ่งเซียวตะโกนเสียงดัง

ฮ่องเต้ยิ่งโกรธและโมโหมาก “เสด็จพ่อ จูนจิ่วทำให้หลานชายของท่านต้องกลายเป็นขันทีและกลายเป็นคนทุพพลภาพ ต้องนั่งบนรถเข็นไปทั้งชีวิต ท่านยังจะให้ข้าหุบปากอีกหรือ?

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 152 ชื่อเสียงนางจะต้องป่นปี้แน่นอน"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์