บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 156 ดึงผ้าคลุมบนหัวออกความจริงถูกเปิดเผย
บทที่ 156 ดึงผ้าคลุมบนหัวออกความจริงถูกเปิดเผย
“ข่มขู่? บีบบังคับ? เจ้าเป็นคนคิดแผนการนี้เองไม่ใช่หรือ” จูนจิ่วเดินเข้ามาจากด้านนอก สายตาเย็นชากวาดตามองไปที่จูนหยูนเสวี่ย
จูนหยูนเสวี่ยถูกนางมองจนตัวสั่น สีหน้าทั้งตกใจและทั้งหวาดกลัว จูนหยูนเสวี่ยเข้าใจแล้ว นี่คือแผนการที่จูนจิ่ววางเอาไว้ รอนางกับเหอจงเข้ามาติดกับดัก ถึงแม้จะเป็นเล่ห์อุบายที่เหมือนกัน แต่นางช่างต่างจากจูนจิ่วราวฟ้ากับดิน ถึงได้แพ้ราบคราบแบบนี้
แก้ตัวตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ จูนหยูนเสวี่ยกัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำ จ้องตาตรงไปที่จูนจิ่ว “จูนจิ่ว เจ้าจะเอายังไงกับข้า?”
ในเมื่อความแตกก็ช่างมัน นางไม่เชื่อว่าจูนจิ่วจะฆ่านาง เบื้องหลังนางคือตระกูลจูนเชียวนะ นางไม่เชื่อว่าจูนจิ่วจะไม่กลัวตระกูลจูนเลยสักนิด ขอแค่จูนจิ่วกลัว นางก็มีโอกาสรอดไปได้ แต่ทว่าจูนหยูนเสวี่ยกลับคิดไม่ถึงว่า จูนจิ่วไม่ได้คิดจะฆ่านางแต่แรกอยู่แล้ว
สำหรับบางคนแล้ว ความบาปผิดที่เขาทำไว้ในชีวิตนี้ การที่ให้พวกเขาตาย กลับเป็นการปลดปล่อยเสียมากกว่า
จูนจิ่วหัวเราะ “ข้าจะทำอะไรเจ้าได้? แน่นอนว่าต้องส่งเจ้ากลับไปแต่งงานสิ”
“อะไรนะ?แต่งงาน?” จูนหยูนเสวี่ยนิ่งอึ้งไปทั้งตัว นางรู้สึกกลัวจนนึกขึ้นได้ คงไม่ใช่อย่างที่นางคิดหรอก?
“ใช่ เป็นอย่างที่เจ้าคิดไม่ผิด เหลิ่งยวนเจ้ามาจัดการ” จูนจิ่วหัวตัวกลับมองไปที่เหลิ่งยวน เหลิ่งยวนมองไปทางจูนหยูนเสวี่ยด้วยท่าทางรังเกียจและดูถูก แต่สายตาที่มองมาทางจูนจิ่ว กลับก้มหัวหน่อยๆรอคำสั่งจากนาง
จูนจิ่วกระพริบตาถี่ๆ น้ำเสียงแอบหัวเราะ “เหลิ่งยวนรบกวนเจ้าไปส่งจูนหยูนเสวี่ยให้ถึงวังหลวงด้วย คนอื่นข้าไม่ไว้ใจ อย่าให้นางหนีไปได้เด็ดขาด”
เดิมทีรังเกียจจูนหยูนเสวี่ยมาก แค่มองก็ยังรู้สึกสิ้นเปลืองเลย แต่เมื่อได้ยินจูนจิ่วพูดเช่นนี้ เหลิ่งยวนรีบยืนตรงทันที “แม่นางจูนโปรดวางใจได้ มีข้าอยู่นางหนีไม่ได้หรอก”
ขณะที่พูดเหลิ่งยวนเดินก้าวเท้ายาวไปข้างหน้า ไม่ให้โอกาสจูนหยูนเสวี่ยได้โต้แย้งขัดขืนเลย ทุบนางสลบไปตรงๆแล้วลากตัวไป
จูนจิ่วเพิ่งจะหันหน้ากลับไปมอง พบว่าทุกคนยืนจ้องนางอย่างตะลึงงัน นางจึงยกคิ้วขึ้นสูง จูนจิ่วพูดว่า “จ้องข้าทำไม ไปจับตัวเหอจงไว้ พรุ่งนี้ ณ สนามใหญ่ ลูกศิษย์สำนักเทียนโจ้งทั้งหมดยังรอคำอธิบายของท่านผู้อำนวยการอยู่นะ”
หรูมั่นพยุงตัวโล่ชิวเห้อออกมาจากถังไม้ เขาพยักหน้าตกลงอย่างอ่อนเพลีย สายตาเยือกเย็นมองไปที่เหอจง โล่ชิวเห้อพูดอย่างหนักแน่น “ทุกคนโปรดวางใจได้ พรุ่งนี้ข้าจะอธิบายอย่างกระจ่างแจ้ง”
……
กระพริบตาสื่อความว่าเข้าใจแล้ว
ฟ้ายังไม่สาง ลูกศิษย์สำนักเทียนโจ้งล้วนมารวมตัวกันที่สนามใหญ่ พวกเขากำลังรอการออกมาของโล่ชิวเห้อ เมื่อคนเริ่มเยอะขึ้น ก็เลี่ยงไม่ได้สำหรับการแสดงความคิดเห็นและถกเถียงกัน สำนักเทียนโจ้งทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาเกิดเสียงทะเลาะถกเถียงกันขึ้นมา
ศิษย์คนที่อยู่ฝั่งเฟิ่งเซียวตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าร้อนใจอะไรกัน รอผู้อำนวยการออกมา ความจริงทั้งปวงก็จะถูกเปิดเผยเอง”
“หื้ม ความจริงจะถูกเปิดเผย ใครจะไปรู้ว่าผู้อำนวยการอาจจะถูกเฟิ่งเซียวฆ่าตายแล้วก็ได้ คำพูดของจูนจิ่ววันนั้นก็แค่ต้องการยื้อเวลาออกไป ไม่แน่ตอนนี้พวกเขาอาจจะหนีไปแล้วก็ได้” คนที่สนับสนุนเหอจงพูด
“เจ้าพูดจาไร้สาระ ไท่ซ่างฮ่องเป็นคนตรงไปตรงมา จะไปฆ่าผู้อำนวยการได้อย่างไร”
“ทำไมจะไม่ได้? ไท่ซ่างฮ่องจะต้องมาเพราะโควตาเมล็ดแน่ เขาตามใจจูนจิ่วไม่ใช่หรือ? แน่นอนว่าจะต้องวางแผนเรื่องโควตาเมล็ดแน่นอน พอผู้อำนวยการไม่ให้ ไท่ซ่างฮ่องจึงลงมือฆ่าผู้อำนวยการ รองหัวหน้าพูดกับพวกข้าเช่นนั้น ”
……
“หยุด” บุคคลหนึ่งร้องตะโกนเสียงดัง “เหล่าอาจารย์มาแล้ว พวกข้าไปถามอาจารย์ก็รู้เรื่องแล้ว”
ถกเถียงกันจนจะถึงเที่ยงวัน ยังไม่เห็นพวกโล่ชิวเห้อเลย ยิ่งรู้สึกโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก เวลานี้เห็นเหล่าอาจารย์สำนักเทียนโจ้งเดินมา ลูกศิษย์ทั้งหมดรีบพุ่งเข้าไปล้อมรอบ ทุกคนล้วนซักถาม ดูสิว่าจะสามารถทราบข่าวสารอะไรใหม่ๆได้บ้าง
ซือถูซิวไม่ได้อยู่ท่ามกลางเหล่าอาจารย์ เมื่อคืนเขาถูกตรวจสอบพบว่าเขาเป็นสายให้กับเหอจง และทำเรื่องไร้ศีลธรรมไว้ไม่น้อย จึงถูกจับกุม ณ ตอนนั้นเลย และตอนนี้กำลังรอการลงโทษพร้อมเหอจง
ตอนนี้มีอาจารย์มาแล้วสิบกว่าท่าน การเผชิญหน้ากับข้อซักถามของลูกศิษย์ทุกคน แต่ละคนสีหน้าดูคร่ำเครียด ไม่พูดไม่จาใดๆ คนที่เริ่มเบื่อก็สะบัดมือปัดป้องไป “รอต่อไป รอผู้อำนวยการมาแล้วพวกเจ้าก็รู้เอง”
อะไรนะ?
ทุกคนเงียบสงบ สบตาเข้าหาฝ่ายตรงข้าม หมายความว่าผู้อำนวยการสามารถออกมาได้จริง งั้นความจริงยังจะต้องพูดอีกหรือ? ผู้อำนวยการไม่ได้โดนไท่ซ่างฮ่องเฟิ่งเซียวฆ่าวางยา มิเช่นนั้นคงไม่ออกมาให้เห็นหน้า? บวกกับเห็นสภาพพวกอาจารย์ที่เหมือนถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนักและสภาพเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ลูกศิษย์ทุกคนรู้ได้ทันทีว่า
วันนี้จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
ในเวลานั้นเอง ระฆังสำนักเทียนโจ้งดังขึ้น เสียงที่หนักแน่นดังก้องไปทั่วสำนักเทียนโจ้ง การตีระฆังครั้งที่แล้วเหตุเป็นเพราะจูนจิ่ว ครั้งนี้กลับดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าของจูนจิ่วในครั้งนั้น ทำให้ลูกศิษย์ทั้งสำนักต้องกั้นลมหายใจไว้ ได้แต่รอคอยด้วยความวิตกกังวลร้อนใจ
ในเวลาที่ตึงเครียดแบบนี้ เสียงตะโกนอันหนึ่งดังขึ้นดึงดูดสายตาของศิษย์ทั้งหมดให้หันหน้ากลับไปพร้อมๆกัน “ผู้อำนวยการมาแล้ว”
เห็นเพียงโล่ชิวเห้อที่เดินเข้ามาอย่างอกผายไหล่ผึ่งสีหน้าอึมครึม มือทั้งสองพาดไว้ด้านหลัง สีหน้าเขาแลดูขาวซีดอยู่บ้าง น่าจะได้รับบาดเจ็บมา ลูกศิษย์ทุกคนนึกถึงเรื่องการวางยาทันที แต่เฟิ่งเซียวก็ยืนอยู่ข้างกายโล่ชิวเห้อ คนที่วางยาต้องไม่ใช่เขาแน่ๆ
ด้านหลังพวกโล่ชิวเห้อเป็นหยูนเฉียวและหรูมั่น แล้วก็ยังมีจูนเสี่ยวเหล่ย ทำไมไม่เห็นจูนจิ่วล่ะ
แน่นอนว่าจูนจิ่วต้องไม่อยู่ที่ยี่ นางไม่ชอบความวุ่นวาย จึงเลือกตำแหน่งที่ตั้งที่สามารถมองเห็นสนามใหญ่ได้อย่างชัดเจน นั่งพิงอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายกาย เสี่ยวอู่นอนอยู่ในอ้อมอกของนาง และนางลูบขนแมวเล่น โต๊ะเล็กที่อยู่ตรงหน้ามีขนมและผลไม้หลากหลายชนิดวางอยู่
แต่ทว่าที่นี่ไม่ได้มีนางแค่คนเดียว โม่อู๋เยว่ก็อยู่ด้วย เขาไม่ดูความวุ่นวายบนสนามใหญ่ แต่กลับจ้องมองจูนจิ่วอย่างเดียว ไปๆมาๆ จูนจิ่วก็ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ เขาอยากดูก็ดูไปในเมื่อผมก็ไม่ได้น้อยไปหนึ่งเส้น
บนสนามใหญ่ การมาของโล่ชิวเห้อ ที่นี่เงียบสงบจนได้ยินเสียงเข็มหล่นลงพื้น ทุกคนกำลังรอให้เขาอธิบายความจริงกี่ยวกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในสำนักเทียนโจ้ง
โล่ชิวเห้อยืนอยู่ตรงเวทีกลางสนามใหญ่ กวาดสายตามองไปที่ทุกคน โล่ชิวเห้อเอ่ยปากพูดเสียงหนักแน่น “นำคนขึ้นมา”
“นำใครขึ้นมา?”
จากนั้นพวกเขาเห็นคนสองคนถูกลูกศิษย์ลากตัวขึ้นมา บนหัวมีผ้าคลุมหัวไว้ ทำให้มองไม่เห็นใบหน้า ลากคนมาจนถึงหน้าเวทีถึงจะยอมหยุดลง ทุกคนมองจ้องมาที่สองคนนี้ ต่างคนต่างมองหน้ากัน ทั้งงงทั้งตกตะลึงเดาว่านี่เป็นใครกัน
คนที่ฉลาด เริ่มเห็นภาพว่าไม่เห็นเหอจงอยู่บนเวที จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตกตะลึงตาค้าง
โล่ชิวเห้อพูด “นี่ก็คือความจริงที่พวกเจ้าต้องการ ดึงผ้าคลุมบนหัวของพวกเขาออกเดี๋ยวนี้ ”
“ขอรับ”
เมื่อผ้าคลุมบนหัวถูกดึงออก ใบหน้าของเหอจงกับซือถูเซียวเข้าสู่สายตาของศิษย์ทุกคนทันที ต่อให้จะคาดเดาได้ก่อนแล้วก็ตาม เวลานี้ก็เหมือนกับทุกๆคน นิ่งอึ้งไปสามวินาที ทันใดนั้น บนสนามใหญ่เหมือนผึ้งแตกรังเลย
โล่ชิวเห้อพูดต่อว่า “เหอจง ซือถูเซียว จิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงสัตว์ คิดจะฆ่าข้า และฮุบเอาตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักเทียนโจ้ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายชั่วร้ายพวกเขายอมทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ ความผิดเยอะจนเขียนออกมาไม่หมด หลักฐานหรือ? อาจารย์ทั้งหมดของสำนักเทียนโจ้งได้เห็นมากับตาตัวเอง พวกเจ้าว่า จริงไหม?
“จริง”
“ใช่ พวกข้าเห็นมากับตา เหอจงทำไมอำมหิตถึงเพียงนี้ คิดลอบสังหารผู้อำนวยการ สมควรตาย”
“จะปล่อยตัวเหอจงกับซือถูซิวไอ้คนทรยศไปไม่ได้เด็ดขาด ผู้อำนวยการได้โปรดลงโทษ โดยยึดตามกฎระเบียบเดิมของสำนัก” อาจารย์ทุกคนเอ่ยปากพูดตามๆกัน