บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 160 วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้
บทที่ 160 วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้
ในวันนี้ที่แคว้นเทียนโจ้งมีมรสุมโหมกระหน่ำ ก่อนหน้านี้ทุกคนแสดงความยินดีงานแต่งขององค์ชายรัชทายาทกับจูนหยูนเสวี่ย หญิงงามชายหล่อ แต่หลังจากนั้น กลับเป็นข่าวที่สนั่นไปทั้งแคว้น องค์ชายรัชทายาทถูกปลด จากนั้นแต่งตั้งเป็นอ๋องฉี่แล้วขับไล่ออกจากวัง
อีกทั้งยังมีข่าวลือไปทั่วว่า เป็นเพราะจูนหยูนเสวี่ยไม่ยอมแต่งงานในวันงาน ดังนั้นจึงทำให้เฟิ่งเทียนฉี่ถูกปลดจากการเป็นองค์ชายรัชทายาท ตอนแรกๆ ทุกคนล้วนด่าจูนหยูนเสวี่ยว่าเป็นตัวกาลกิณี
พวกซั่งกวนอี่หรงถูกเหลิ่งยวนขังไว้ในจวน แต่ข่าวลือจากข้างนอกกลับไม่หลุดไปแม้แต่เรื่องเดียว เมื่อได้ยินข่าวลือ โกรธจนอยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย พอเหลิ่งยวนจากไป พวกเขารีบพุ่งตัวออกไปอย่างอดใจรอไม่ไหว ซั่งกวนอี่หรงไปหาจูนหยูนเสวี่ย ส่วนจูนสงเทียนไปที่วังหลวง
จูนสงเทียนมีลูกสาวจากภรรยาหลักเพียงคนเดียวนั่นก็คือจูนหยูนเสวี่ย มีลูกสาวรองหลายคน แต่บ้างก็พรสวรรค์ธรรมดา บ้างก็ยอมเป็นแค่คนธรรมดา สามารถพูดได้ว่าจูนหยูนเสวี่ยเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจของพวกเขา
ตอนนี้จูนหยูนเสวี่ยต้องแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์แบบนั้น แถมยังไม่ใช่องค์ชายรัชทายาทแล้ว จูนสงเทียนบุกเข้าไปที่วังหลวงด้วยความโกรธแค้น เขากลับไม่รู้ว่า จูนจิ่วพวกเขากำลังรอเขาอยู่ในวัง ตลอดเส้นทางการเข้ามาไร้การขัดขวางใดๆ จนกระทั่งได้เห็นหน้าจูนจิ่วที่นั่งอยู่ภายในตำหนักใหญ่ จูนสงเทียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
จูนสงเทียนชี้นิ้วด่าว่าจูนจิ่ว “นังสารเลว ข้าว่าแล้วต้องเป็นแผนการของเจ้า เจ้าทำร้ายเสวี่ยเอ๋อร์ของข้า ข้าจะฆ่าเจ้า”
เมื่อเห็นจูนสงเทียนพุ่งตัวมาที่จูนจิ่ว กู่ซงกับหยูนเฉียวพวกเขาจะออกตัวช่วย หยูนจ้งจิ่นยื่นมือไปขัดขวางพวกเขาไว้ หยูนเฉียวถาม “พี่ชาย พี่ทำอะไรเนี๊ย?แม่นางจูนกำลังตกอยู่ในอันตรายนะ”
“นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของแม่นางจูนจิ่ว พวกเจ้าคิดว่าการที่แม่นางจูนจิ่วยอมรออยู่ที่นี่ เป็นเพราะอะไร? อย่ายื่นมือไปยุ่ง” หลังจากที่หยูนจ้งจิ่นอธิบายเสียงเรียบนิ่งแล้ว ปล่อยมือลง ถึงแม้เขาจะพูดเช่นนี้ แต่ตอนที่มองไปทางจูนจิ่ว ก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง
จูนสงเทียนต่อให้จะแย่แค่ไหน ก็ยังเป็นนักจิตชั้นห้า จูนจิ่วนางมั่นใจที่จะเผชิญเองไหม?
เวลานี้ เห็นเพียงจูนสงเทียนที่ขยับตัวเข้าไปใกล้ พลังจิตหนึ่งฝ่ามือเต็มไปด้วยความอาฆาตเคียดแค้นพุ่งตรงไป จูนจิ่วตบเข้าตรงที่จับมือ กระโดดปีนขึ้นไปเพื่อหลบฝ่ามือของจูนสงเทียน ซึ่งพลังฝ่ามือของจูนสงเทียนตั้งใจฆ่าจูนจิ่วให้ตายคามือ กลับไปโดนใส่พื้น จนโต๊ะเก้าอี้แตกพังไปหมด แม้กระทั่งพื้นดินยังมีรอยแตก
เงยหน้าขึ้นมา จูนสงเทียนจ้องมองไปที่จูนจิ่ว “จูนจิ่ว เจ้าจะหนีไปไหน”
“หนี? หื้ม ข้าไม่เคยคิดหนี” จูนจิ่วกางมือออกป๋ายเย่ปรากฎในฝ่ามือ จับป๋ายเย่ไว้แน่นแล้วยกสูงขึ้นเหวี่ยงลงไป
การฆ่าที่น่าทึ่ง พลังอำนาจยิ่งใหญ่ ยากเกินการต้านทาน
จูนสงเทียนไม่หวาดกลัวเลย เขากลับหัวเราะเยาะใส่ เงยหน้าพุ่งเข้ามา “เด็กสาวน้อยอย่างเจ้า ยังกล้าต่อสู้กับข้า? รนหาที่ตาย”
ป๋ายเยว่กับเล็บอินทรีปะทะเข้าหากัน พลังจิตเกิดการระเบิดกลางอากาศ มีควันพุ่งกระจายออกไปรอบทิศ พวกหยูนเฉียวรีบเอาแขนเสื้อบังไว้ แต่บังไปแค่ประเดี๋ยวเดียว ก็รีบวางลง ลืมตากว้าง รีบไปตามหาเงาร่างของจูนจิ่วอย่างเป็นห่วง
เฟิ่งเซียวก็อยู่ที่นี่ด้วย เขารู้ว่ามีความแค้นบางอย่างที่จูนจิ่วต้องไปแก้แค้นเอง ดังนั้นเขากัดฟันแน่น ไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะพุ่งตัวเข้าไปปกป้องเสี่ยวจิ่วเสมอ เฟิ่งเซียวเหลือบมองโม่อู๋เยว่ “ทำไมเจ้าดูนิ่งสงบขนาดนี้ ไม่เป็นห่วงเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์?”
“นางชนะได้” สายตาอันลึกล้ำของโม่อู๋เยว่มองไปตามเงาร่างของจูนจิ่ว และพูดตอบกลับเฟิ่งเซียวด้วยเสียงเรียบนิ่ง
เฟิ่งเซียวได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง “แต่ว่าเสี่ยวจิ่วเป็นแค่นักจิตชั้นสามเองนะ จูนสงเทียนอยู่ที่ชั้นห้า ต่างกันตั้งสองชั้นเลย จะเอาชนะทำได้อย่างไร?”
“ชนะด้วยกำลังไม่ได้ ก็ต้องชนะด้วยเล่ห์”
“ชนะด้วยเล่ห์?” เฟิ่งเซียวก็ยังไม่เข้าใจ
เฟิ่งเซียวพูดไม่ผิด หากต่างกันแค่หนึ่งชั้น จูนจิ่วยังสามารถไม่เก็บไว้สายตาได้และปล่อยมือสู้ด้วยตัวเองเต็มที่ แต่การที่ต่างกันสองระดับชั้น ความยากและอันตรายมันมีมากกว่าที่ตัวเองคิด ดังนั้นนางจึงเลือกใช้ป๋ายเย่ ดึงระยะห่างออก แต่ไม่ใช่การต่อสู้ในระยะประชิด
จูนสงเทียนสามารถขึ้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลใหญ่ได้ ตัวเขาเองก็ต้องมีดีติดตัวอยู่แล้ว เน้นการจู่โจมไล่ฆ่าจูนจิ่ว ทุกท่ามือล้วนเป็นท่าปลิดชีวิตทั้งนั้น เพียงพริบตาเดียวยิงออกไปหลายวสิบท่า ห้องโถงใหญ่ตอนนี้ถูกทำลายจนไร้เค้าโครงเดิม พวกหยูนเฉียวจำเป็นต้องถอยออกไปนอกห้องโถง
ตูบ
จูนหยูนเทียนตบฝ่ามืออย่างแรง แรงฝ่ามือปะทะไปที่เสา พร้อมทิ้งรอยนิ้วมือทั้งห้าไว้ ถึงแม้จูนจิ่วจะหลบหนีได้ทัน แต่ยังคงได้รับแรงสั่นสะเทือนอยู่บ้าง เลือดลมในอกปั่นป่วน จูนจิ่วขมวดคิ้วแน่น
จูนสงเทียนจ้องมองไปที่นางพร้อมตะโกนเสียงดัง “จูนจิ่ว นังสารเลว ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหน วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้กับเสวี่ยเอ๋อร์ของข้า แล้วก็ฮ่องเต้ การแต่งงานครั้งนี้ถือเป็นโมฆะ จะต้องยกเลิก”
จูนจิ่วยิ้มหยัน “การเข้าเรือนหอสำเร็จ แพร่ไปทั่วฟ้าดิน ใช่ว่าเจ้าอยากยกเลิกก็ยกเลิกได้หรือ?”
“โอ๊ย ข้าขอฆ่าเจ้าก่อน ข้ามีวิธีของข้าเอง” จูนสงเทียนกัดฟันแน่น อาวุธลับกรงเล็บพุ่งตรงไปทางจูนจิ่ว
สีหน้าของจูนจิ่วไม่เปลี่ยน นัยส์ตาที่เยือกเย็น เหมือนล็อคตัวจูนสงเทียนไว้ นางกำลังหา หาจุดอ่อนของจูนสงเทียน ไม่รู้ว่าจูนสงเทียนฝึกซ้อมเพลงวิทยายุทธอะไร ถึงได้เหมือนกับวิชาระฆังทองคุ้มกายที่ป้องกันน้ำและไฟ มีดดาบฟันไม่เข้า แต่จูนจิ่วรู้ดีว่า จูนสงเทียนมีจุดอ่อน
การห้อยเขาไว้ไกลๆก็เหมือนการปล่อยว่าว อาจจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ก็เป็นเพียงแผลเล็กๆ จูนจิ่วกระดิกนิ้วปล่อยเข็มเงินปลิวออกไปรัวๆ ทิศทางของเข็มคือ ปักเข้าที่จุดไหลเวียนโลหิตที่สำคัญของจูนสงเทียน จูนสงเทียนไม่แม้แต่จะหลบเลย พุ่งตัวเข้าใส่อย่างแรง แต่กลับถูกจูนจิ่วค้นพบจุดอ่อนหนึ่งที่
ดูเหมือนว่า ขณะที่เผชิญกับการโจมตีฝ่ามือข้างขวาของจูนสงเทียนมักจะกำหมัดไว้แน่น ไม่เคยกางมือออกเลย
มุมปากยกสูงขึ้นอย่างเยือกเย็น จูนจิ่วพูดเสียงต่ำ “ข้าสังเกตเห็นแล้ว”
นางยกดาบขึ้นมาฟาดเหวี่ยงลงไป ขณะที่ป๋ายเย่ดึงดูดสายตาของจูนสงเทียน จูนจิ่วรีบฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าไป มือซ้ายกำโยวยิ่วไว้ ทิศทางที่ดาบพุ่งไป คือมือขาวของจูนสงเทียน ใช่จุดอ่อนหรือไม่นั้น แค่ลองก็รู้แล้ว
จูนสงเทียนเหมือนไม่รู้ว่าหายนะกำลังมาเยือน เขาหรี่ตาหลบแสงสะท้อนจากดาบป๋ายเย่ เมื่อเห็นว่าจูนจิ่วพุ่งตัวมา เขาฉีกยิ้มน่าเกลียด “หื้ม รนหาที่ตาย ข้าจะสงเคราะห์เจ้าเอง”
ทั้งสองอยู่ในระยะประชิด……
ณ จวนอ๋องฉี่ ซั่งกวนอี่หรงเตะเท้าพังประตูเข้ามา
นางเดินเข้าไปหาลูกสาวที่เปลือยกายและถูกมัดไว้บนเตียงนอน น้ำตาไหลลงมาทันที เมื่อเดินเข้าไปใกล้อีกเห็นเฟิ่งเทียนฉี่ก็นอนเปลือยกายเช่นกัน และช่วงท่อนร่างที่น่าเกลียด ซั่งกวนอี่หรงรู้สึกตกใจมาก
เฟิ่งเทียนฉี่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้?
“ท่านแม่……” เสียงของจูนหยูนเสวี่ยเบาจนแถบไม่ได้ยิน นางร้องไห้จนคอแหบแห้ง สีหน้าขาวซีด ไร้ซึ่งความงดงามดั่งเคย ซั่งกวนอี่หรงรีบตรงไปแกะเชือกให้จูนหยูนเสวี่ย แล้วสวมเสื้อผ้าให้นาง
กัดฟันแน่น ซั่งกวนอี่หรงหน้าตาบึ้งตึง “วังหลวงทำมากเกินไปแล้ว คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิ่งเทียนฉี่ ช่างกล้าที่จะแต่งงานกับลูกสาวตระกูลจูน”
“ท่านแม่” จูนหยูนเสวี่ยกอดซั่งกวนอี่หรงไว้แน่น ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นของนางฉายแววความโกรธแค้นที่เข้ากระดูกดำ นางพูดเสียงแหบว่า “ท่านแม่ ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือจูนจิ่ว คือนาง คือนางทำร้ายฆ่า ”
จูนหยูนเสวี่ยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่สำนักเทียนโจ้ง เรื่องของจูนจิ่ว ใครจะไปคิดหลังจากที่ซั่งกวนอี่หรงทราบเรื่อง โกรธจนเบิกตากว้างและใช้มือตบหน้าจูนหยูนเสวี่ยไปหนึ่งที “เสวี่ยเอ๋อร์ทำไมเจ้าถึงกล้าลงมือกับผู้อำนวยการสำนักเทียนโจ้งได้”
“ทำไมจะไม่ได้? ทุกคนที่ช่วยเหลือจูนจิ่ว สมควรตาย พวกเขาสมควรตาย