บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 165 โอ้โฮ โป๊ะแตกแล้ว
บทที่ 165 โอ้โฮ โป๊ะแตกแล้ว
“จูนจิ่ว? เป็นคนในตระกูลเจ้าด้วยหรือ?” ผู้เฒ่าหรี่สายตา
จูนหยูนเสวี่ย พูดเสียงหนักแน่นว่า “นางไม่ใช่คนในครอบครัวข้า คนต่ำทรามนั่น นางเป็นคนฆ่าคนตระกูลจูน เป็นหญิงที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต และนางเป็นคนฆ่าพ่อแม่บุญธรรมของข้าเอง ”
จูนหยูนเสวี่ยซ่อนมือไว้ด้านหลังกำหมัดแน่น ใบหน้าที่ตอนแรกเกลียดชังแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดเศร้าเสียในใจ และนี่ไม่ได้เป็นการแกล้งทำ ความรู้สึกที่มีต่อจูนสงเทียนและซั่งกวนอี่หรงเป็นเรื่องจริง ทว่าจูนยูนเสวี่ยนำมาปรับใช้กับสถานการณ์จนเปลี่ยนคุณค่าไปเสีย
นางพูดต่อว่า “ข้าถูกเจ้าบ้านของตระกูลจูนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กและนั่นก็คือบิดามมารดาที่เลี้ยงดูข้าเยี่ยงลูกสาวแท้ๆ ท่านแม่กลัวว่าข้าจะถูกจูนจิ่วให้ร้าย ดังนั้นจึงส่งข้าไปที่นักเทียนโจ้งรอท่านมาช่วยข้า”
“แต่ใครจะไปคิดว่าจูนจิ่ว นางจะโหดเหี้ยมอำมหิตปานนั้น ไม่เพียงแต่ฆ่าล้างโครตตระกูลจูน ทั้งยังขับไล่ฆ่าออกจากสำนักเทียนโจ้ว การที่ข้าต้องแต่งงานกับเฟิ่งเทียนฉี่ก็คือแผนการของนางเช่นกัน เฟิ่งเทียนฉี่เป็นบุคคลทุพพลภาพ เขาไม่สามารถสืบพันธุ์เหมือนคนทั่วไปได้ ท่าน……ท่านว่านางสมควรฆ่าไหมล่ะ”
อารมณ์ความรู้สึกของจูนหยูนเสวี่ยถึงพริกถึงขิง ตอนที่นางจะเรียกชื่อผู้เฒ่า แต่นางไม่ทราบชื่อจึงเปลี่ยนข้ามประเด็นไป ผู้เฒ่ามองดูจูนหยูนเสวี่ยอย่างเงียบๆ จึงเอ่ยปากพูดว่า “ข้าชื่อเหอซ่านเป็นหนึ่งในห้าหัวหน้าใหญ่ภายใต้การดูแลของแม่ทัพ แม่นายเรียกข้าว่าท่านเหอก็พอ”
“ท่านเหอ ท่านจะต้องฆ่าจูนจิ่วให้ได้ เพื่อล้างแค้นให้กับตระกูลจูน บุญคุณที่ตระกูลจูนเลี้ยงดูข้า ข้ามิอาจลืมได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของจูนหยูนเสวี่ย เหอซ่านเลิกคิ้วขึ้นสูง แม่นายท่านนี้ดูเหมือนจะถูกเลี้ยงดูจากตระกูลได้ค่อนข้างดี รู้จักสำนึกตอบแทนบุญคุณ เขาในฐานะกองทัพเย่สิง ถึงแม้แม่ทัพจูนหมิงเย่จะเกิดจากตระกูลจูน แต่ตอนนั้นก็แบ่งแยกตัวออกมาแล้ว ดังนั้นเมื่อตระกูลจูนถูกฆ่าล้างโครต สำหรับกองทัพเย่สิงแล้วไม่ได้มี ความเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย สิ่งเดียวที่เป็นห่วงคือลูกสาวของจูนหมิงเย่ที่ยังมีชีวิตอยู่
อีกอย่างเป็นเพราะซั่งกวนอี่หรงที่หาข้ออ้างตลอดไม่ให้พวกเขาพบหน้ากัน พวกเขาก็เป็นกังวลว่าสถานะของแม่นายจะถูกเปิดโปงและนำมาซึ่งภัยอันตราย ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ได้พบหน้าลูกสาวของท่านแม่ทัพ และรู้ว่านางชื่อจูนหยูนเสวี่ย เหอซ่านรู้สึกว่ายังพอไปได้ เพียงแค่สงสัยว่าทำไมจูนหยูนเสวี่ยไม่ได้รูปลักษณ์ของท่านแม่ทัพกับฮูหยินเลย?
อันที่จริงจูนหยูนเสวี่ยก็เป็นคนงามคนหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับท่านแม่ทัพกับฮูหยินแล้ว ช่างห่างไกลยิ่งนัก อีกอย่างเค้าโครงใบหน้ารู้สึกว่าเหมือนท่านแม่ทัพเพียงนิดเดียว แต่ไม่เหมือนฮูหยินเลยแม้แต่น้อย จึงคิดสงสัยในใจ ทว่าพอเหอซ่านได้เห็นป้ายคำสั่งที่อยู่ในมือของจูนหยูนเสวี่ย ความคิดนั้นจึงได้มลายหายไป
ยืดป้ายคำสั่งเป็นประจักษ์พยานหลัก และยอมรับว่านั่นคือแม่นาย
เหอซ่านจึงเอ่ยปากพูด “แม่นายจะฆ่าจูนจิ่วเพื่อแก้แค้น ข้าจะจำไว้ ทว่าเจ้าต้องการสิทธิลูกศิษย์ดีเด่นของอู๋อจงทำไม?”
“เดิมทีข้าเป็นผู้มีความสามารถของสำนักเทียนโจ้ง สิทธิลูกศิษย์ดีเด่นเดิมควรมีหนึ่งสิทธิที่เป็นของข้า ทว่าจูนจิ่วกลับแย่งสิทธิของข้าไป ท่านแม่ที่เป็นแม่บุญธรรมของข้าบอกว่าเจ้าสามารถให้ข้าเข้าอู๋อจงได้” จูนหยูนเสวี่ยพูดออกมาอย่างรีบร้อนใจ สายตาเพ็งเล็งไปที่เหอซ่าน
เมื่อเห็นเหอซ่านพยักหน้า “สามารถทำได้”
จูนหยูนเสวี่ยรู้สึกโล่งอกทันที ขอเพียงแค่นางสามารถเข้าอู๋อจงได้ นางก็จะมีโอกาสลุกขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่าคำพูดกลับมีจุดพลิกผัน “ข้าสามารถทำให้แม่นายเข้าอู๋อจงได้ แต่ข้ากองทัพเย่สิงยืดหลักแห่งความยุติธรรมมาโดยตลอด จะไม่ใช้เหตุผลส่วนตัวเด็ดขาด หากแม่นายอยากเข้าอู๋อจง จะต้องเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ดีเด่นเท่านั้น”
จูนหยูนเสวี่ยพูด “แต่ว่าข้าถูกสำนักเทียนโจ้งขับไล่ออกมาแล้วจะเข้าร่วมอย่างไรล่ะ?”
“แม่นายอย่าเป็นกังวลเลย ข้าจะทำให้เจ้าสามารถเข้าร่วมได้” เมื่อฟังเหอซ่านพูดเช่นนั้น จูนหยูนเสวี่ยก็โล่งใจทันที นางลดมือลงมา เพื่อบดบังนัยน์ตาอันชั่วร้ายบ้าคลั่ง ในที่สุดก็มาถึงแล้ว
นางอดใจรออยู่ที่จวนอ๋องฉี่อย่างยากลำบาก ได้แต่รอคอยเพื่อรอการมาถึงของกองทัพเย่สิง ตอนนี้กองทัพเย่สิงมาถึงแล้ว และนางสวมรอยสถานะของจูนจิ่วได้สำเร็จ หากไม่ใช่เป็นเพราะกังวลว่าจะพูดเยอะเกินไปในครั้งเดียว แล้วทำให้ความแตกและเหอจงสงสัยในตัวนางล่ะก็ จูนหยูนเสวี่ยคงอดไม่ได้ที่อยากจะสั่งเหอซ่านบุกไปฆ่าที่ตระกูลหยูน ฆ่าพระราชวงศ์ ฆ่าคนเหล่านั้นที่เคยช่วยเหลือจูนจิ่วทั้งหมด
นางกัดฟันแน่น จูนหยูนเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รออีกนิด รอให้นางได้สิทธิลูกศิษย์ดีเด่นก่อน พร้อมมีการยืนยันแน่ชัดแล้วจะลงมือเลย
……
อีกฝั่งหนึ่ง ทูตจากอู๋อจงมาถึงที่สำนักเทียนโจ้งแล้ว
“พวกเขาเป็นทูตอู๋อจงในครั้งนี้หรือ?” จูนเสี่ยวเหล่ยยืนมองอยู่ตรงริมระเบียง จ้องมองคนทั้งสามที่อยู่ไม่ไกลออกไป ซึ่งได้รับการต้อนรับจากโล่ชิวเห้อและลูกศิษย์ติดตาม พวกเขากำลังเดินมาทางนี้ยิ่งเดินเข้าใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเห็นชัดเจนมากขึ้น
กู่ซงพิงแผ่นหลังที่ริมระเบียง เขาเหลือบตาไปมองแวบหนึ่ง แล้วโบกมือพูดว่า “ข้าแนะนำให้เจ้าเอง หญิงสาวชายหนุ่มสองคนนั้นที่สวมใส่เสื้อผ้าสีขาวเป็นคนของเจี้ยนจง พวกเจี้ยนจงน่ะชอบวางมาดอำนาจ โปรดปรานชุดนักดาบสีขาวยิ่ง หลังจากที่ไปอู๋อจง ขอเพียงเห็นชุดสีขาวข้างหลังมีดาบหนึ่งเล่ม ให้เดาได้เลยว่าต้องเป็นคนของสำนักเจี้ยนจงไม่ผิดแน่”
จูนเสี่ยวเหล่ยไล่ถามกู่ซง “แล้วผู้ชายที่อยู่ด้านข้างคนนั้นล่ะ?”
กู่ซงพูด “ด้านข้าง? เจ้าตันจงนั่นรึ ศิษย์สำนักตันจงล้วนใส่เสื้อผ้าที่หรูหราดูดี ตรงคอเสื้อจะมีลายปักรูปหม้อต้ม ส่วนบริเวณแขนเสื้อล้วนเป็นอักษรหมิงและอักษรตัน ศิษย์ของสำนักตันจงที่มารอบนี้ไม่ใช่ศิษย์ธรรมดาทั่วไป เขาชื่อว่าอู๋ซาน เป็นศิษย์สายหลักของเจ้าสำนักตันจง สถานะที่อยู่ในตันจงไม่ธรรมดา แต่เอ๊ะ แปลกดีเหะ ก็แค่การคัดเลือกศิษย์ดีเด่น อู๋ซานมาทำไม? ”
“เจ้ารู้จักหรือ?”
“ข้าต้องรู้จักอยู่แล้ว ข้าเคยเห็นเขาจำหน้าไม่ผิดแน่ เขา…… ” เสียงหยุดกะทันหัน กู่ซงได้สติกลับมาเห็นว่าคนที่พูดไม่ใช่จูนเสี่ยวเหล่ย เขาพลันหันหน้ากลับไป เห็นว่าเป็นจูนจิ่ว โอ้โฮ โป๊ะแตกแล้ว
จูนจิ่วที่ยิ้มก็เหมือนไม่ได้ยิ้ม กู่ซงมิอาจมิห้ามไม่ให้ถอยไปด้านหลังได้ ทว่าข้างหลังคือราวระเบียง หากยังถอยอีกก็จะตกลงไปแล้ว
กู่ซงไอเสียงกระแอมแห้งๆ “แคกๆ คือเรื่องนั้น ข้าเคยเจอเขาโดยบังเอิญครั้งหนึ่งเท่านั้น เจ้าก็รู้ว่าข้ามาจากแคว้นอื่น”
“แต่พวกค่ายังไม่รู้ว่าเจ้ามาจากแคว้นไหน” หยูนเฉียวที่ได้ยิน ไล่ถามเขา
กู่ซงตกตะลึงทันที เขาลูบตรงจมูก พูดอย่างไม่เต็มเสียงว่า “ข้าน่ะหรือ? ข้ามาจากแคว้นคงถง”
“คงถง? อยู่ห่างจากแคว้นเทียนโจ้งมากเลยนะ”
“ใช่ ไกลมาก พวกข้าไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว พูดเรื่องทูตอู๋อจงดีกว่านะ การคัดเลือกศิษย์ดีเด่นอีกสักครู่จะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเจ้าเตรียมพร้อมหรือยัง?” กู่ซงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างอดใจรอไม่ไหว มองไปที่จูนจิ่วด้วยสายตาที่เขินอายไม่มั่นใจ กลัวจะโดนถามมาก
จูนจิ่วไม่ได้ถามต่อ นางเห็นว่ากู่ซงมีอาการไม่มั่นใจ เสี่ยวอู่ที่อยู่ในอ้อมอกของจูนจิ่วเผยท้องสีขาวให้เห็น มันร้องเหมียวๆพร้อมสะบัดหาง “นายท่านใจร้ายมากเลย ตั้งใจทำให้กู่ซงกลัว”
จูนจิ่วก้มหน้าตอบเสียงอืม ซ่อนรอยยิ้มร้ายๆตรงมุมปากไว้ นางบีบลำตัวของเสี่ยวอู่เบาๆ เสี่ยวอู่พูดอีกว่า “เหมียว กู่ซงรู้จักศิษย์สำนักตันจง อาจจะเป็นคนจองอู๋อจงด้วยหรือเปล่า?”
“อาจจะใช่” จูนจิ่วตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ นางเงยหน้ามองกลุ่มคนที่เดินมาแต่ไกล ในท่ามกลางนั้นมีลูกศิษย์จากสำนักเจี้ยนสองคน ซึ่งนางรู้จักพอดี นามว่าซูเหินและชิวหยุนหยุน ในเวลานั้นเอง ฝีเท้ารีบร้อนดังมาจากปากทางบันได ต่อด้วยหรูมั่นที่เดินโผล่หัวขึ้นมา นางโบกมือเรียกไปทางจูนจิ่ว
หรูมั่นพูดว่า “ท่านหมอเทวดา ไท่ซ่างฮ่องเชิญทางไปหา”
“เรื่องอะไร?”
“มีคนเห็นจูนหยูนเสวี่ยมาร่วมด้วย