บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 172 นี่คือลูกพายุฝน
บทที่ 172 นี่คือลูกพายุฝน
สถานที่ที่ซั่งกวนอี่หรงซ่อนของมีค่าไว้นั้น ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจูนเลย ที่นั่นคือบ้านพักท่ามกลางภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งของบ้านแม่ของนางพระตำหนักเฉิงเสี้ยง ซึ่งใต้ดินถูกขุดให้เป็นห้องลับที่มีความลึกมาก ของมีค่าถูกซ่อนไว้ข้างในนั้น จูนหยูนเสวี่ยรู้สถานที่ก็จริง แต่นางไม่มีกุญแจเข้าไป
ดังนั้นตอนที่จูนหยูนเสวี่ยถูกขับไล่ออกจากสำนักเทียนโจ้ง จึงทำได้เพียงไปรอที่จวนอ๋องฉี่ เพราะนางก็ไม่กล้าหาคนไปช่วยเปิด เพราะอัญมณีที่นั่นนางเฝ้าคนเดียวไม่ได้
เมื่อยืนอยู่หน้าประตู จูนหยูนเสวี่ยมองไปทางเหอซ่านแล้วพูดว่า “แม่เลี้ยงยังไม่ทันได้เอากุญแจให้ข้าก็ถูกจูนจิ่วสังหารเสียแล้ว”
“กุญแจอยู่ในมือเจ้าตลอด ”
“หา? ว่ากระไร?” จูนหยูนเสวี่ยตกตะลึง กุญแจอยู่ในมือนางตลอด มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เหอซ่านมองไปที่นางด้วยท่าทีอึมครึม แล้วเอ่ยปากพูดว่า “เอาป้ายคำสั่งของเจ้าออกมา แล้วนำไปเสียบที่ตรงช่องว่างกลางประตู” พอพูดจบ เหอซ่านใช้มือเตะที่ประตูห้องลับ มองดูอย่างละเอียด และสังเหตเห็นว่าระหว่างวงแหวนสิงโตบนบานประตูใหญ่มีช่องว่างที่ยากจะพบเห็นซ่อนอยู่
จูนหยูนเสวี่ยลองเอาป้ายคำสั่งเสียบเข้าไป พอเหมาะลงตัว เสียงกร๊อบแกร๊บ ดังขึ้นมา ประตูห้องลับถูกเปิดออก จูนหยูนเสวี่ยดีอกดีใจ “เปิดได้แล้ว”
เหอซ่านเดินนำเข้าไปในห้องลับก่อน จูนหยูนเสวี่ยรีบเดินตามไปติดๆ คอยประเมินสถานการณ์ ภายในห้องลับมีชั้นวางของวางชิดผนัง ของมีค่าที่วางอยู่บนชั้นวางของบางส่วนจูนหยูนหสวี่ยพอจะเรียกชื่อออกมาได้บ้าง แต่บางส่วนก็ไม่รู้จัก ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้นางไม่รู้ว่า ทรัพย์สมบัติเหล่านี้แค่ชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็มีราคาสูงริบหรี่ มิน่าล่ะซั่งกวนอี่หรงถึงได้พูดว่าหินทิพย์ชั้นห้าเป็นเพียงระดับที่ต่ำสุดในนี้
ดวงตาที่สุกสกาว จูนหยูนเสวี่ยรู้สึกตื่นเต้นดีใจ นางไม่อิจฉาจูนจิ่วหรอก เพราะตอนนี้นางคือลูกสาวของจูนหมิงเย่ แม่นายของกองทัพสิงเย่ ทรัพย์สมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นของนาง ฮ่าๆๆ เป็นของนางเท่านั้น
เหอซ่านตรวจสอบรายการสมบัติที่ส่งมาให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาในใจ เขาขมวดคิ้วแน่น “แม่นาย ท่านไม่ได้ใช้ของเหล่านี้บ้างเลยหรือ?”
ในรายการสมบัติ ตัดของรางวัลที่ส่งมอบให้ตระกูลจูนออกไป ของที่ให้แม่นาย ถูกใช้ไปเพียงแค่นิดเดียว ล้วนเป็นของที่ธรรมดา เหอซ่านมองไปที่จูนหยูนเสวี่ย สายตาดูเฉียบคม ภายใต้ดวงตาของเขา จูนหยูนเสวี่ยดูไม่รีบไม่ร้อนใดๆเลย
นางพูดว่า “พ่อแม่บุญธรรมต้องการฝึกฝนข้า และเพื่อปกป้องข้าด้วย จึงไม่ได้นำสมบัติเหล่านี้ออกมา ท่านเหอท่านน่าจะรู้ดี ในแคว้นเทียนโจ้งทรัพย์สมบัติเหล่านี้จะนำมาซึ่งภยันอันตรายได้ ไม่แน่ จูนจิ่วอาจจะพุ่งมาที่ทรัพย์สมบัติเหล่านี้ก็เป็นได้ ถึงได้ฆ่าล้างโครตตระกูลจูน ”
จูนหยูนเสวี่ยกัดฟันแน่ นางไม่ยอมปล่อยผ่านทุกโอกาสที่สามารถใส่ร้ายป้ายสีจูนจิ่วได้
เหอซ่านไม่ได้พูดต่อ เขาเก็บสายตาไว้ มองดูทรัพย์สมบัติในห้องลับอย่างเงียบสงบ เขากำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่าง ส่วนจูนหยูนเสวี่ยกลับถูกทรัพย์สมบัติล่อลวงตา เดินเล่นไปทั่วห้องลับพร้อมทั้งเลือกสรรของมีค่า เมื่อเจออันที่ไม่รู้จักชื่อ นางจะถามเหอซ่าน ส่วนเหอซ่านก็จะตอบนาง
จูนหยูนเสวี่ยถือลูกกลมๆกะทัดรัดอันหนึ่งไว้ “นี่คืออะไรรึ?”
“ลูกพายุฝน สามารถยิงอาวุธลับนับร้อยแท่งภายในพริบตาเดียว ปลิดชีพศัตรูอย่างไร้ร่องรอย”
“ลูกพายุฝน” จูนหยูนเสวี่ยแววตาเป็นประกายขึ้นมา สามารถยิงอาวุธลับนับร้อยแท่งภายในพริบตาเดียว หากนำไปใช้ในการแอบลอบสังหาร คงต้านไม่อยู่แน่ ในหัวนางกำลังจินตนาการภาพที่นางใช้ลูกพายุฝนบนเวทีประลอง ไม่ว่าศัตรูนางเป็นใคร จะต้องแพ้แน่นอน
หากเป็นจูนจิ่ว งั้นก็ดียิ่งนัก ลูกพายุฝนจะต้องทำให้นางได้รับความทนทุกข์ทรมานอย่างสาสม จูนหยูนเสวี่ยคิดได้เช่นนั้นจึงเงยหน้าถามเหอซ่าน “ท่านเหอ อาวุธลับข้างในนี้สามารถเอาออกมาได้ไหม?”
นางอยากวางยาพิษไว้ข้างใน
อาวุธลับย่อมเอาออกมาได้ ทว่าท่านเหอชำนาญ มองแค่แวบเดียวก็อ่านความคิดของจูนหยูนเสวี่ยออก เขาพูดเสียงเย็นชา “ไม่ได้”
“เอาล่ะ ลูกพายุฝนอันนี้ข้าจะเอาไปด้วย” จูนหยูนเสวี่ยรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง ไม่สามารถอาบยาพิษได้ ก็จะไม่สามารถฆ่าจูนจิ่วได้ในครั้งเดียว ทว่าหากสามารถทำให้นางได้รับบาดเจ็บ นางก็ดีใจและซะใจมากเหมือนกัน คิดได้เช่นนั้น จูนหยูนเสวี่ยหัวเราะเย้ยหยัน
เหอซ่านไม่มองไปที่นางอีก แล้วพูดว่า “แม่นาย ท่านควรจะกลับไปได้แล้ว”
“ได้”
……
หนึ่งคืนผ่านไป เวลาฟ้ารุ่งสาง
จูนจิ่วพักผ่อนจนเต็มอิ่มหนำใจถึงยอมตื่นนอน สองชั่วโมงก่อนจูนเสี่ยวเหล่ยมาเรียกนาง จึงให้พวกเขาไปที่สนามฝึกซ้อมกันก่อนเลย ในเมื่อก่อนการแข่งขันจะเริ่ม นางถึงที่นั่นแน่นอน นางลูบคลำหางแมว พร้อมตบเบาๆที่ก้นเสี่ยวอู่ให้มันลงไป
ยืดเส้นยืดสายด้วยความขี้เกียจ จูนจิ่วหรี่ตา “ไปเถอะ”
“เหมียวๆ” เสี่ยวอู่แสดงท่าทีขี้อ้อน เพื่อไม่ให้เจ้านายต้องเหนื่อย มันจึงไม่ให้จูนจิ่วอุ้ม ถึงแม้มันจะตั้งใจปรับเปลี่ยนรูปร่างแล้ว ซึ่งความจริงไม่ได้หนักอะไรมากมาย เสี่ยวอู่ร้องเหมียวๆ สะสมพลังกำลังไว้สำคัญกว่า เมื่อเห็นจูนหยูนเสวี่ย จะได้ซ้อมนางให้ตาย
ก่อนที่จะถึงสนามฝึกซ้อม จูนจิ่วเจอบุคคลหนึ่งโดยบังเอิญ เป็นคนที่นางไม่รู้จัก
เสี่ยวอู่พูด เหมียว เขาเป็นใคร?
จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมาพินิจพิจารณาคนที่มา หน้าตาธรรมดาทั่วไปลักษณะหลังค่อม ดูแล้วก็เหมือนกับคนชราที่พบตามท้องถนนไม่ได้มีอะไรแตกต่าง ทว่าจูนจิ่วไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะมาด้วยเจตนาร้ายแต่อย่างใด
ชายชราเดินก้าวมาข้างหน้าสองก้าวยืนอยู่ตรงหน้าจูนจิ่ว เขายื่นมือมาหนึ่งข้าง “อันนี้ให้เจ้า”
จูนจิ่วเลิกคิ้วขึ้นสูง สายตาตกไปที่ร่างกายของชายชรา นั่นคือลูกสีดำอันหนึ่ง ประหลาดมาก นางไม่ได้รู้จักเขา ทำไมชายชราคนนี้ต้องให้สิ่งของแก่นางด้วย? จำผิดคน?
ชายชราคนนั้นคือเหอซ่าน เมื่อเขาเห็นว่าจูนจิ่วไม่รับ จึงพูดไปตามตรงว่า “นี่คือโรคพายุฝน สามารถยิงอาวุธลับนับพันภายในพริบตาเดียว เป็นลูกพายุฝนที่ข้าได้แก้ไขใหม่ ตอนนี้ข้ามอบให้เจ้า”
“ทำไมต้องให้ข้า?” จูนจิ่วถามเขาด้วยเสียงเย็นชา
สีหน้าเย็นชานิ่งสงบ ความจริงในหัวของจูนจิ่วกับเสี่ยวอู่คิดเหมือนกัน ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม สิ่งของที่สามารถยิงอาวุธลับนับพันชิ้นได้ภายในพริบตาเดียว สิ่งของที่รุนแรงเช่นนี้ ทำไมเขาต้องให้นางด้วย?
เหอซ่านพูด “จูนหยูนเสวี่ยได้พายุฝนไปหนึ่งชิ้น เพื่อความยุติธรรมของการแข่งขัน เจ้าก็ควรมีหนึ่งชิ้นไว้ต่อสู้”
“……” ว่าเช่นใดรึ?
เป็นเพราะนางไม่เข้าใจคำพูดของชายชราหรือชายชราเป็นคนประหลาดกันแน่ ต่อให้จูนหยูนเสวี่ยจะได้รับลูกพายุฝนไปหนึ่งชิ้นก็จริง ทว่ากลับให้นางโรคพายุฝนอันที่แก้ไขใหม่ ซึ่งมันไม่ยุติธรรมอยู่แล้วหรือเปล่า? ยังจะมาพูดความยุติธรรมของการแข่งขันอีก? ทว่าหากชายชราพูดเช่นนี้
จูนจิ่วหรี่ตานิดๆ ถามเขาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “หากเป็นเช่นนี้แสดงว่า คนที่เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่น เจ้าก็ให้คนละหนึ่งชิ้นงั้นหรือ?”
เหอซ่านตะลึงงัน โรคพายุฝนเป็นอาวุธลับที่ล้ำค่ามาก หากไม่ใช่เป็นเพราะเห็นแก่หน้าแม่นายในอนาคตล่ะก็ เขาจะไม่ยอมส่งมอบลูกพายุฝนออกไปเด็ดขาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโรคพายุฝน จะเป็นไปได้อย่างไรเห็นใครก็ให้อันหนึ่ง?
เมื่อเห็นการตอบสนองของเหอซ่าน จูนจิ่วก็รู้คำตอบแล้ว นางโบกมือเรียกแล้วดึงเอาโรคพายุฝนลอยผ่านอากาศมาอยู่ในมือ นางไม่คิดจะถามต่อ จูนจิ่วสะบัดมือ “เอาล่ะ งั้นข้าขอรับเอาไว้ ขอบคุณความหวังดีของเจ้ามากนะ”
“ไม่เป็นไร” เหอซ่านพูดเสียงแข็งๆออกไปหนึ่งประโยค
เขาหันหลังกลับไปมอง จูนจิ่วจากไปโดยที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา มีเพียงแมวข้างลำตัวนางตัวนั้น หันหน้ากลับมามองหลายครั้ง บนใบหน้าแมวตัวนั้น เขากลับดูออกว่า มันกำลังสงสัยว่าเขาว่ามาขายของหรือมาประชาสัมพันธ์สินค้าอะไร
เหอซ่านหรี่ตานิดๆ “นิสัยยิ่งเหมือน!