บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 178 ไอ้บ้ากามที่ยอมเสียเงินเพื่อเกี้ยวนาง
บทที่ 178 ไอ้บ้ากามที่ยอมเสียเงินเพื่อเกี้ยวนาง
คำว่าเหมาที่พูดจากปากของจูนจิ่ว ไม่ได้หมายถึงการเหมาสถานที่ ในฐานะที่เป็นโรงตัดหิน และตั้งอยู่ในชานเมือง ทุกวันคงมีคนจำนวนไม่น้อยมาซื้อหินดั้งเดิมที่นี่ ด้วยเหตุนี้จึงอยากจะมาเสี่ยงโชคของตัวเองดูบ้าง ถ้ามีหินทิพย์ปรากฏได้ยิ่งดี หากไม่ปรากฏก็เพียงแค่ลอบถอนหายใจว่าโชคยังไม่ถึง
คนที่อยู่ในโรงตัดหินวันนี้ทั้งหมดล้วนถูกตั้งค่านิยมสามด้านใหม่ ตกตะลึงกันถ้วนหน้า แต่ละคนลืมตากว้างงงงัน โดยมองดูโรงตัดหินที่ใหญ่มโหฬารอย่างไม่อยากจะเชื่อ ที่ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ถูกคนโยกย้ายจนว่างเปล่าทั้งตรงจุดนี้ จุดนั้น และตรงนี้บริเวณนี้ยังมีช่องโหว่ขนาดใหญ่
คนที่มาที่โรงตัดหินไม่มีใครที่ไม่ใช่คนใหญ่คนโตหรือคนร่ำรวย คนใหญ่คนโตที่ในมือกุมอำนาจ เมื่อเขาเห็น สภาพเหตุการณ์ในวันนี้ก็มิอาจอยู่นิ่งเฉยได้
ท่ามกลางพวกเขามีคนหนึ่งที่เรียกข้ารับใช้เด็กหนุ่ม “โรงตัดหินของพวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน? หินดั้งเดิมพวกนี้ไม่ดี? ต้องเปลี่ยนชุดใหม่หรือ?”
“ใช่ๆ หินดั้งเดิมมากมายขนาดนี้ถูกย้ายไป พวกข้าจะซื้อหินดั้งเดิมยังไง หรือต่อให้จะเปลี่ยนก็ไม่ควรเปลี่ยนในขณะที่กำลังทำการค้าขาย โรงตัดหินของพวกเจ้าเห็นพวกข้าเป็นลิงเล่นตลกหรือไง? ”
คนมาถึงแล้ว แต่ผลปรากฏว่าหินดั้งเดิมถูกขนย้ายออกไปหลายชุดใหญ่ หมายความว่าอย่างไร?
ข้ารับใช้เด็กหนุ่มไม่กล้าล่วงเกินแขกคนสำคัญเหล่านี้ เขาจึงกล่าวขอโทษไป แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกท่านเข้าใจผิดแล้วนี่ไม่ใช่การเปลี่ยนหินดั้งเดิม แต่เป็นเพราะว่ามีแขกคนสำคัญซื้อหินดั้งเดิมพวกนี้แล้ว”
“ว่ากระไร?”
“มีคนซื้อหินดั้งเดิมพวกนี้แล้ว? ทั้งหมด” เมื่อได้ยินคำพูดของข้ารับใช้เด็กหนุ่ม ทุกคนยิ่งงงกันไปใหญ่และตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ไม่ใช่การเปลี่ยนหินดั้งเดิม แต่มีคนซื้อหินดั้งเดิมไปแล้ว
มีคนตกใจ “คุณพระ นี่ต้องมีเงินมากขนาดไหนถึงจะสามารถซื้อหินดั้งเดิมมากมายขนาดนี้ได้?”
“นี่ นี่คงไม่ใช่ซื้อคนเดียวหรอกนะ ต่อให้คุณชายหยูนจะซื้อเอง ก็ไม่สามารถซื้อทีเดียวมากมายขนาดนี้ได้ ราคาจะสูงลิบลิ่วขนาดไหนเชียว?” มีคนสงสัยไม่เชื่อ เพราะหินดั้งเดิมมีราคาแพงมาก ต่อให้เคยเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ ตอนนี้ตระกูลหยูนเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ก็คงไม่มีผู้ใดสามารถซื้อหินดั้งเดิมมากขนาดนี้ทีเดียวรวดได้
ข้ารับใช้เด็กหนุ่มยิ้มให้ ชี้ไปทางโน้นด้วยท่าทีถ่อมตัว “พวกท่านดูสิ แขกคนสำคัญคือคุณหนูท่านนั้นแหละที่เป็นคนคัดเลือกเอง คุณชายหยูนและคุณชายหยูนรองให้การต้อนรับเองเชียวนะ”
ความหมายแฝงคือ ต้องการเน้นว่าหยูนจ้งจิ่นและหยูนเฉียวให้การต้อนรับเอง ยังจะหาว่าโกหกพวกเจ้าอีกหรือ?
คนกลุ่มนั้นมองตามทิศทางที่เด็กหนุ่มชี้นิ้วไป ดวงตาเหมือนจะถลักออกมา ให้ตายเถอะ จริงด้วย สิ่งที่ดูอลังการยิ่งกว่าคำพูดของเด็กหนุ่มข้ารับใช้นั่นคือ คุณชายตระกูลใหญ่ทั้งสองหยูนจ้งจิ่นและหยูนเฉียวที่มีสถานะสูงส่ง ตอนนี้มาให้การต้อนรับด้วยตัวเองไม่พอ แม้แต่จะพูดยังไม่มีสิทธิ์เลย
เพราะว่าข้างกายของหญิงสาวชุดกระโปรงม่วง ยังมีผู้ชายอีกคนที่แลดูสูงส่งไม่แพ้กันอยู่เป็นเพื่อนด้วย แค่มองแวบเดียวก็รู้สึกว่าเขาเก่งกาจมาก มีพลังออร่าข่มคนได้ แค่มองนานหน่อยขาทั้งสองข้างอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา รู้สึกหายใจลำบาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขายิ่งไม่กล้าคาดเดารูปลักษณ์ของหญิงสาวในชุดกระโปรงม่วง
แต่เหมือนจะเห็นแวบๆ หญิงสาวในชุดกระโปรงม่วงเหมือนกำลังอุ้มแมวสีขาวตัวหนึ่งไว้ เอ๊ะ คนที่อุ้มแมวคือใครกันนะ?
จูนจิ่วสังเกตได้ว่าผู้คนกำลังจับจ้องนาง ทว่ากลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความบ้าบิ่นในการซื้อของนาง โดยกวาดสายตาไปที่แหล่งหินดั้งเดิม จูนจิ่วพูดเสียงเย็นเยือก “กองนี้ กองนี้ แล้วก็กองนั้น ยังมีกองด้านข้างนั้นด้วย ขนย้ายไปด้วย”
“ขอรับ” ข้างหลังของหยูนจ้งจิ่นและหยูนเฉียวมีข้ารับใช้หนุ่มเดินตามเป็นแถว เมื่อได้ยินแล้วก็รีบโค้งคำนับพร้อมเดินไปข้างหน้าทำเครื่องหมายบนหินดั้งเดิมไว้จากนั้นจึงขนย้ายไป
หยูนจ้งจิ่นและหยูนเฉียวเหมือนอยากพูดอะไร แต่เมื่อเห็นมารบางตนที่อยู่ข้างกายจูนจิ่ว สุดท้าย สองพี่น้องได้แต่สบตาเข้าหากัน แล้วสงบปากสงบคำ พูดแทรกไม่ได้ ตึงเครียดจริง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่กล้าล่วงเกิน
จูนจิ่วเลือกหินดั้งเดิมตรงส่วนนี้จนหมด โรงตัดหินแบ่งออกเป็นยี่สิบโซน นางคัดเลือกไปแล้วสิบแปดโซน ยังมีอีกสองโซนก็ดูครบแล้ว จากนั้นจึงจะไปตัดหินได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จูนจิ่วเหลือบมองโม่อู๋เยว่เป็นพักๆ นางเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้าไม่ลองเล่นพนันหินดูหน่อยหรือ?”
โม่อู๋เยว่พูด “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เลือกหินดั้งเดิมดีๆไปจนหมดแล้ว หินที่ไม่ดีข้าไม่เอาหรอก”
“เออ งั้นที่เหลือสองโซนข้าให้เจ้าเลือก?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาโม่อู๋เยว่ฉายแววประกาย เขามองตาต่ำไปที่จูนจิ่ว ริมฝีปากบางฉีกยิ้มเย้ายวนคน โม่อู๋เยว่พูดว่า “ข้าไม่สนใจหินดั้งเดิม แต่ว่าข้าให้เหลิ่งยวนเหมาซื้อหินดั้งเดิมที่นี่ทั้งหมดแล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คัดเลือกได้ตามสบาย”
จูนจิ่ว “……”
เสี่ยวอู่ “มีเงินจริงๆ เหมียวๆ นายท่านพวกเราไปปล้นเขาเถอะ”
ใช่ คนที่เหมาทั้งหมดไม่ใช่จูนจิ่ว แต่เป็นโม่อู๋เยว่ จูนจิ่วมีเงิน นางไม่ได้โง่ถึงขั้นเอาเงินมากมายขนาดนี้มาเหมาซื้อทั้งหมด นางเลือกเอาแค่หินดั้งเดิมที่เป็นหินทิพย์ชั้นดี ทว่าหลังจากที่โม่อู๋เยว่รู้จุดประสงค์ของจูนจิ่วแล้ว จึงสั่งให้เหลิ่งยวนไปชำระเงินโดยตรง สุดท้ายในส่วนที่ไม่เอา ราคาจะตัดออกหรือไม่ก็ไม่เป็นไร
แบบนี้เขาเรียกว่าคนมีเงินเจอคนที่มีเงินยิ่งกว่า?
เสี่ยวอู่ตบเล็บเท้า ส่ายหน้าร้องเหมียวๆ“เหมียว นี่มันเป็นเจ้านายคนที่มีเงินชัดๆ ไอ้บ้ากามที่ยอมเสียเงินเพื่อจีบนาง”
อีกสองโซนสุดท้ายถูกคัดเลือกเสร็จอย่างรวดเร็ว รวมหินดั้งเดิมที่คัดเลือกแล้วทั้งหมดสองร้อยยี่สิบหกก้อน ขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน และได้เหมาคนงานตัดหินทั้งหมดแล้วด้วย วันนี้ให้บริการจูนจิ่วเพียงคนเดียว
หยูนจ้งจิ่นเดินนำอยู่ข้างหน้า หันหน้าไปก็ถึงสถานที่ที่ตัดหินแล้ว ทุกคนในโรงตัดหินตอนนี้ล้วนมารวมตัวกันที่นี่แล้ว
เมื่อเห็นจูนจิ่วเดินมา ทุกคนสะท้อนสายตาเป็นประกาย ทว่ายังไม่ทันได้มองนานกว่านี้หน่อย ดวงตาเผด็จการและเยือกเย็นของโม่อู๋เยว่กวาดสายตาผ่าน ทุกคนก้มหน้าลงพร้อมสั่นเทาๆกัน น่ากลัว มีความรู้สึกว่าขืนยังมองดูอีกเหมือนดวงตาจะถูกควักออกมาอย่างนั้น
โรงตัดหินมีคนงานตัดหินทั้งหมดสิบแปดท่าน ทั้งหมดกำลังลงมือตัดหิน สายตานับไม่ถ้วนเพ็งมองดู ประหลาดใจว่าหินดั้งเดิมมากมายเช่นนี้ จะมีหินทิพย์กี่ชิ้น? ในใจของผู้คนมากมายอดไม่ได้ที่จะทั้งอิจฉาทั้งชื่นชม จนสุดท้ายก่อเกิดเป็นเสียงเหน็บแนมว่า “ถ้าหากสุดท้ายแล้วมีหินทิพย์เพียงแค่ไม่กี่อัน นั่นเขาเรียกว่าสิ้นเนื้อประดาตัวเลยล่ะ ต้องขาดทุนยับเยิน ฮ่าๆๆๆ ”
ทว่าพวกเขากลับต้องหน้าชาเหมือนโดนตบอย่างรวดเร็ว เหมือนโดนตบจนบวม ชนิดที่ว่าพ่อแม่ยังจำหน้าไม่ได้
“หินดั้งเดิมก้อนที่หนึ่งถูกตัดออกแล้ว ว้าว เป็นหินทิพย์ชั้นสอง ก้อนใหญ่เชียว”
“หินดั้งเดิมก้อนที่หนึ่งถูกตัดออกแล้วเช่นกัน เป็นหินทิพย์ชั้นสองเหมือนกัน ใหญ่ยิ่งกว่า หินดั้งเดิมมีเพียงเนื้อบางๆ ข้างในเป็นหินทิพย์ทั้งหมด โอ้พระเจ้า โชคดีจริงๆเลย”
ก้อนที่สาม ก้อนที่สี่ ก้อนที่ห้า ก้อนที่ฯลฯ……
ไม่มีใครพูดอะไร
พวกเขามองตะลึงตาค้าง ดวงตาเหมือนจะถลักออกมาเสียให้ได้ หินดั้งเดิมแต่ละก้อนที่มีรูปลักษณ์ประหลาดถูกตัดออก ข้างในไม่ได้มีเป็นอื่นล้วนเป็นหินทิพย์ อีกทั้งยังไม่มีก้อนไหนที่เป็นหินทิพย์ชั้นหนึ่ง ทุกก้อนล้วนเป็นหินทิพย์ชั้นสองที่ทั้งใหญ่ทั้งสว่างสดใส
อีกทั้งยังตัดเจอหินทิพย์ชั้นสามอีกสามก้อนที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
“โรงตัดหินที่เปิดทำการมาตั้งหลายร้อยปี เท่าที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ รวมๆแล้วเคยตัดเจอหินทิพย์ชั้นสามเพียงแค่สองก้อนเอง เฮือก โอ้พระเจ้า”
เมื่อได้ยินเสียงลอบถอนหายใจและอาการสั่นเทาของผู้คน หยูนเฉียวสะกิดหยูนจ้งจิ่น “พี่ดูสิ ข้าเคยพูดแล้วว่าแม่นางจูนผิดธรรมชาติสุดๆ พี่ชายทำไมพี่ไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”
“เฉียวเฉียวอย่าเพิ่งรบกวนข้า ข้ากำลังคำนวณในใจว่าจะต้องขายยาของแม่นางจูนเท่าไหร่ถึงจะสามารถหากำไรคืนมาได้ ” หยูนจ้งจิ่นกุมที่หน้าอก รู้สึกว่าตัวเองปวดที่หัวใจจนหายใจไม่ออก ที่แท้ที่จูนจิ่วพูดว่าสิ้นเนื้อประดาตัวนางไม่ได้พูดล้อเล่น
โชคดีที่เป็นจูนจิ่ว มิเช่นนั่นเขาคงยิ่งปวดหัวใจจนต้องส่งไปกู้ชีพแล้วล่ะ