บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 199 นางเป็นปีศาจหรือไง
บทที่ 199 นางเป็นปีศาจรึ
“ยาปรุงจิต? พี่สาวเก้านี่มันสูตรยาของพี่ไม่ใช่หรือ? ข้าจำได้ว่าหลังจากเรื่องจ้าวเห้อแล้ว สูตรยาถูกเปิดเผย ทุกคนล้วนสามารถได้รับฟรี ทำไมยังต้องไปซื้อที่งานประมูลล่ะ?” น้ำเสียงจูนเสี่ยวเหล่ยไม่เข้าใจ ตอนนี้เหมือนมีมีดนับร้อยนับพันแทงเข้าที่ตัวมู่หรงหนันจีน
ใบหน้าของเขาบวมเหมือนหมู มองสีหน้าไม่ออก น้ำเสียงเศร้าสลดสามารถบ่งบอกว่าเขารู้สึกแหลกสลายมาก “ว่ากระไร? นี่เป็นสูตรยาของเจ้า? นี่ข้าใช้ทองสามหมื่นตำลึงในการซื้อมาเชียว”
จูนจิ่วยกคิ้วขึ้นสูง นางรู้สึกว่ามู่หรงหนันจีนช่างโง่เขลายิ่งนัก เห็นอยู่ตำตาว่าหลังจากสูตรยาแพร่มาถึงแคว้นของพวกเขา ถูกคนมือดีใช้ประโยชน์หากินโกงเงินก้อนโตจากเจ้าโง่นี้ไป เมื่อเห็นว่ามู่หรงหนันจีนโง่เขลาถึงเพียงนี้ สายตาอาฆาตของจูนจิ่วค่อยๆจางหายไป
นางเงยหน้ามองไปทางจูนหยูนเสวี่ย คนที่ถูกมองตกตะลึงจนถึงตอนนี้ยังดึงสติกลับมาไม่ได้ เมื่อเห็นว่านางมองมา ร่างกายสั่นกระดิกทีหนึ่ง จูนจิ่วหัวเราะแล้วพูดว่า “มู่หรงหนันจีนเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่?”
ปล่อยสูตรยาลอยปลิวไปจากนั้นค่อยๆตกลงบนพื้น
สูตรยาของนาง แน่นอนว่าไม่มีค่าพอจนสามารถแลกชีวิตของมู่หรงหนันจีนได้ ตอนนี้มู่หรงหนันจีนยังไม่รู้ว่าจูนจิ่วไม่ได้จะฆ่าเขาแล้ว เขาเก็บหัวใจอันเบาะช้ำไว้ แล้วรีบตอบกลับว่า “แน่นอนว่าอยาก”
“เพียงแค่เจ้าตบหน้าจูนหยูนเสวี่ยสองที ข้าจะปล่อยเจ้าไป ไม่ได้หลอกเจ้าหรอก ”
“จูนจิ่ว” จูนหยูนเสวี่ยโกรธจนกรีดร้องเสียงดัง นางดูสายตาที่ดูหมิ่นเหยียดหยามของจูนจิ่วออก นางดูหมิ่นที่จะลงมือกับนาง ทำเหมือนนางเป็นแค่ตัวตลกไร้คุณค่า ต่อให้จะกระโดดโลดเต้นมากแค่ไหนก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของจูนจิ่วได้
มันเป็นการเหยียดหยาม
จูนหยูนเสวี่ยรักเกียรติรักศักดิ์ศรี ให้ความสำคัญมากกว่าชีวิต ตอนงานเลี้ยงวันเกิดของเฟิ่งเทียนฉี่ในตอนนั้นที่ทำให้นางต้องขายหน้า จากรักต้องกลานเป็นเกลียดและนางยังจงเกลียดจงชังมาจนถึงทุกวันนี้ แรงกระตุ้นของจูนจิ่วเด็ดยิ่งกว่า มันทำให้จูนหยูนเสวี่ยทุกข์ทรมานและบ้าคลั่ง ยิ่งกว่าการที่เอานางไปสับเป็นหมื่นชิ้นพันชิ้นเสียอีก
ดวงตาของนางแดงก่ำ ใบหน้าน่ากลัว “จูนจิ่ว ข้าจะฆ่าเจ้า”
“มู่หรงหนันจีนเจ้าจะรอกระไรอีก?” น้ำเสียงของจูนจิ่วเฉื่อยชาๆ มู่หรงหนันจีนรีบดึงสติกลับมา กำหมัดแน่น พรุ่งตัวไปทางจูนหยูนเสวี่ย ทั้งสองคนต่อสู้ชุลมุนกันทันที ตลบกลมเกลียว พูดง่ายๆก็คือเหมือนชะนีตบกัน
จูนจิ่วกอดแขนไว้ จูนจิ่วมองดูอย่างเฉยเมย และถามจูนเสี่ยวเหล่ยไปด้วย “เมื่อครู่เรียนรู้กระไรไปบ้าง?”
“พี่สาวเก้าออกตัวรวดเร็วมาก เหมือนอยู่เหนือพวกเขา ฉะนั้นจึงสามารถเอาชนะศัตรูได้ วิชาดาบของพี่สาวเก้าก็เก่งกาจมากเช่นกัน ท่าฆ่าปาดคอหล่อและเท่ห์มาก ข้าเทิดทูนพี่สาวเก้าจริงๆเลย อีกหน่อยข้าอยากจะเก่งเหมือนพี่สาวเก้า”
จูนจิ่วมองดูจูนเสี่ยวเหล่ยอย่างเอือมๆ เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย เป็นแฟนคลับตัวยงของนางโดยแท้ แค่เอ่ยปากพูดก็เต็มไปด้วยคำที่เชยชมนาง
เพียะ
เสียงตบอันที่หนึ่งดังขึ้น จูนจิ่วหันหน้ามองไป เพื่อการมีชีวิตรอดแรงตบครั้งนี้มู่หรงหนันจีนฟาดแรงเกินระดับสิบ ใบหน้าข้างขวาของจูนหยูนเสวี่ยบวมเป่งขึ้นมา มุมปากมีเลือดซึมออกมาหน่อยๆ นางกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งพุ่งตัวไปทางมู่หรงหนันจีน ใช้เล็บนิ้วตวัดเข้าที่ใบหน้าของมู่หรงหนานจีน
ใบหน้าของมู่หรงหนันจีนเดิมทีก็ปวดอยู่แล้ว ตอนนี้มีเลือดไหลออกมา เจ็บจนร้องโหยหวน “นางสารเลว เจ้ากล้าข่วนหน้าข้าหรือ อ้าก ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของชะนีตบตีกันก็คือเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่สิ่งที่ดูแปลกใหม่คือพวกเขาไม่ได้ตบตีกันเพราะความรัก
จูนหยูนเสวี่ยกับมู่หรงหนันจีนที่ตบตีจนถึงสุดท้าย ทั้งสองคนเหมือนบ้าไปแล้ว เสื้อผ้าฉีกขาดหลุดลุ่ยจนบังเรือนร่างไว้ไม่หมด บนเรือนร่างเต็มไปด้วยรอยขวนและรอยดาบ เขาฉวยโอกาสตอนที่จูนหยูนเสวี่ยพลาด มู่หรงหนันจีนถีบเข้าที่ท้องของนาง จากนั้นยกมือขึ้นมาแล้วตบหน้าดัง เพียะ
การตบสองครั้งทำเสร็จแล้ว มู่หรงหนันจีนรีบถอยห่างออกมา เขาเดินชูหัวหมูเดินมาหาจูนจิ่ว “ตบสองทีข้าทำได้แล้ว จูนจิ่วเจ้าพูดเองว่าจะปล่อยข้าไป”
จูนจิ่วโบกมือไล่มู่หรงหนันจีนให้ไป มู่หรงหนันจีนหมุนตัววิ่งหนีไปทันที ตอนนี้ไม่หนีเดี๋ยวจูนจิ่วเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาจะทำยังไง?
ถูกมู่หรงหนันจีนตบไปสองทีจนกลายเป็นคนหัวหมูคนที่สอง จูนหยูนเสวี่ยเหมือนถูกแรงกระตุ้นหนักไป เหมือนบ้าไปแล้วที่จะไล่ตามเขาไป จูนจิ่วเคลื่อนตัวเข้าไป กระชากผมของจูนหยูนเสวี่ยไว้อย่างแรง ตูบ หัวของจูนหยูนเสวี่ยฟาดลงที่พื้นอย่างแรง จนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อยู่สักพัก
มองจากบนลงล่าง จูนจิ่วเหลือบมองจูนหยูนเสวี่ยด้วยสายตาเย้ยหยัน นางยกมุมปากแล้วพูดพร้อมรอบยิ้มที่กระหายเลือด “ข้าคิดว่า พวกข้าควรจะต้องพูดกันดีๆสักหน่อย”
“จูนจิ่ว นางสารเลว……โอ๊ย”
เท้าเหยียบลงไปที่หลังมือของจูนหยูนเสวี่ย คำพูดหยาบคายของจูนหยูนเสวี่ยเหลือเพียงเสียงร้องเจ็บปวด
จูนจิ่วยกมือขึ้นมา บนฝ่ามือมีพลังทิพย์ก่อตัวขึ้นมา พลังของนางอยู่ที่นักจิตชั้นสามระดับกลาง ระยะห่างจากระดับสูงอยู่ใกล้แค่เอื้อม เมื่อเห็นพลังทิพย์ที่ก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือของจูนจิ่ว ทุกคนต่างคิดว่านางจะฆ่าจูนหยูนเสวี่ย
และในเวลานั่นเอง เรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
จูนจิ่วลงมืออย่างหนักหน่วง แรงจู่โจมไม่ได้พุ่งไปที่จูนหยูนเสวี่ย แต่พุ่งไปในอากาศที่อยู่เหนือศรีษะ แรงมหาศาลที่ยิ่งใหญ่น่ากลัวของนางห่อหุ้มโยวหยิ่งไว้ เพี้ยง ทั้งๆที่โยวหยิ่งจู่โจมเข้าใส่อากาศที่ไม่มีกระไร พวกเขากลับได้ยินเสียงแตกสลาย เหมือนเสียงกระจกแตก
จูนหเสี่ยวเหล่ยมึนงง แล้วมองเห็นโยวหยิ่งบินกลับมาที่มือของจูนจิ่ว หมุนไปมาหนึ่งรอบจากนั้นนางเก็บมันเข้าไปในแขนเสื้ออย่างง่ายดาย จูนเสี่ยวเหล่ย ยังไม่ทันได้รู้ว่าสิ่งที่แตกสลายเมื่อครู่คือกระไร?
ส่วนคนที่อยู่นอกกระจกน้ำ ทุกคนทำหน้างง
ผู้อาวุโสถูฉีไอกระแอม มุมปากมีรอยเลือดซึม กู่ซงเห็นดังนั้นตกตะลึงมาก “ท่าปู่ถูฉี”
“ข้าไม่เป็นไร” ผู้อาวุโสถูส่ายหน้า เขาได้แต่มองดูกระจกน้ำพี่แตกร้าว ข้างในไม่มีภาพของจูนจิ่วอีกต่อไป นัยน์ตาผู้อาวุโสถูฉีฉายแววน่าทึ่งและแปลกใจ เขาเอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ “เป็นเด็กสาวที่เก่งกาจจริง ถึงขั้นทำลายกระจกน้ำของข้าได้”
“นี่คือฝีมือของจูนจิ่วหรือ?” กู่ซงตกใจ
เมื่อครู่เขาเองก็เห็นท่าทางของจูนจิ่วแล้ว โยวหยิ่งเหมือนกำลังพุ่งบินมาทางพวกเขา เห็นแล้วหัวใจเขาเต้นเร็วมากเหมือนจะทะลักออกมา เกือบจะอดใจไม่ไหวลงมือจู่โจม ทว่ากู่ซงยังยากที่จะยอมรับได้ ท่านปู่ถูฉีเป็นถึงนักจิตชั้นแปด และเป็นอาจารย์ที่คุมค่ายเขาวงกต จูนจิ่วทำลายกระจกน้ำได้กระไร?
นางทำได้กระไร? วิปริตยังเปรียบเปรยกับนางไม่ได้เลย นางกลายร่างมาจากปีศาจหรือเปล่า
บนวิหารยอดเขา ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เงียบขรึมไปสักพัก จนกระทั่งชิงหยู่เอ่ยปากพูดทำลายบรรยากาศเงียบสงบลง “จูนจิ่วของข้าช่างเก่งยิ่งนัก”
“จูนจิ่ว กลายเป็นของเจ้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” โจ่ฉีทนไม่ได้จนต้องจ้องถลึงตาใส่ชิงหยู่
ชิงหยู่ฉีกยิ้มกว้าง พูดไปอย่างไม่ไว้หน้า “ตอนที่พวกเจ้าล้วนไม่เอาจูนจิ่วไง นางก็ได้กลายเป็นว่าที่ศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงไงล่ะ? ฮ่าๆๆ เห็นอย่างนี้แล้วข้ายังต้องขอบคุณพวกเจ้าที่ไม่รับจูนจิ่วไว้ มิฉะนั้นคนเก่งกาจขนาดนี้ จะมาเป็นลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จงได้กระไร?”
ทุกคน……
พวกเขารู้สึกเสียใจในภายหลังอย่างที่สุด
พวกเขาไม่ได้ตาบอด ไม่ว่าจูนจิ่วจะทำกระไร แค่เพียงนางสามารถทำลายกระจกน้ำได้ ก็เป็นสิ่งยืนยันแล้วว่านางเป็นปีศาจมาบังเกิดใหม่ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เจอคนที่มีความสามารถเช่นนี้? ก่อนหน้านี้ เรื่องตัวซวยบ้าบอกระไรกัน ไม่ได้เรื่อง ทว่าแต่ละคนก็ไม่กล้าพูดว่าเสียใจในภายหลังออกมา
ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ตั้งคนต่างมองซึ่งกันและกัน จนสุดท้ายถลึงตาใส่ชิงหยู่ “ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ จูนจิ่วอาจจะไม่ใช่ศิษย์สำนักเทียนอู่จงของเจ้าก็เป็นได้”
“เห้ย พวกเจ้าไม่มีใครพูดถึงจูนหยูนเสวี่ยเลยหรือไง? จูนจิ่วดูเหมือนจะลงมือฆ่านาง” ท่านชิงพูด