บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 221 เสพติดความรุนแรงแล้วกระมัง
บทที่ 221 เสพติดความรุนแรงแล้วกระมัง
คำพูดชิงหยู่ ไม่ว่าฟังดูยังไงก็รู้สึกคลุมเครือ
ชิงหยู่เองก็เหมือนจะเพิ่งได้สติ เขาไอแห้งๆแล้วหันหน้าไปอีกทาง “ศิษย์น้องข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เอ่อ เจ้าขึ้นมาก่อนเถอะ”พูดพลาง ชิงหยู่ก็ถอดเสื้อนอกของตนให้จูนจิ่วไปพลาง
พลางถอด สายตาดุดันของชิงหยู่ก็มองไปยังลูกศิษย์รอบๆ ปากก็พูดว่า “ไม่อนุญาตให้ใครลืมตาทั้งนั้น”
ลูกศิษย์ทั้งหลาย“……”
เดิมทีก็ปิดตาฝึกฝนอยู่แล้ว ได้ฟังดังนี้แล้ว กลับยิ่งอยากลืมตาขึ้นดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ทุกๆคนยืนอยู่บนเสาหินแบกรับแรงน้ำหนักอึ้ง อยากลืมตาก็ฝืนเกินทน
จูนจิ่วลุกขึ้นจากน้ำ มองไปที่เสื้อของชิงหยู่แล้วส่ายหัว “ไม่ต้องแล้ว”
“แต่ศิษย์น้องเจ้าสวมเสื้อผ้าเปียกจะไม่สบายเอาได้นะ”
“ไม่ต้อง เสื้อผ้าแห้งแล้ว ”เคล็ดลับนี้ก็ฝึกมาจากโม่อู๋เยว่ โคจรพลังทิพย์ไปทั่วร่างกายให้ไอน้ำระเหย เสื้อผ้าก็แห้งได้ไว ชิงหยู่หันกลับมามอง เห็นเสื้อผ้าแห้งแล้วจริงๆ ยังยืนอึ้ง
เขากล่าวว่า “นี่คือการปล่อยพลังทิพย์”
หลังจากที่เขาบรรลุนักจิตชั้นหก ถึงจะสามารถปล่อยพลังทิพย์แบบชำนาญได้ แต่จูนจิ่วกลับทำได้ตั้งแต่ตอนนี้ หรือนี่จะเป็นจุดมหัศจรรย์ของชั้นเจ็ดสีม่วง
จูนจิ่วพยักหน้า นางหันหน้ากลับไปมองน้ำตกหินและเสาหิน สายตาฉายแววไม่เต็มใจ เพิ่งยืนขึ้นไปก็ถูกน้ำซัดลงมาแล้ว นี่ก็ช่าง……ขายหน้าซะจริง ดีร้ายยังไงนางก็เคยผ่านการฝึกฝนย้ายเอ็นล้างกระดูกมาก่อน อีกทั้งยังเคยดื่มน้ำหยกทิพย์ ยังอ่อนแอเพียงนี้
“อะแฮ่ม ศิษย์น้องเจ้าอย่างกังวลไปเลย มันไม่มีอะไร ปกติมาก น้ำตกหินไม่ใช่สถานที่ธรรมดา เจ้าอยากยืนขึ้นไปก็จำเป็นต้องต้องวางจุดศูนย์ถ่วงให้เท่ากันทั่วร่าง เหมือนเมื่อสักครู่นี้เจ้าวางจุดศูนย์ถ่วงไว้ที่เท้าถูกหรือไม่ ”
ชิงหยู่อธิบาย “ดูจากภายนอกแบบนี้ไม่มีปัญหา แต่แท้จริงแล้วนี่คือความผิดพลาด หัวเบาเท้าหนัก จะถูกแรงน้ำซัดตกลงมาในน้ำ แบบนี้ยืนได้ไม่มั่นคง”
ชิงหยู่ไม่ได้สวมเสื้อคลุม เขาถอดรองเท้าเดินตรงไป เดินทีละก้าวอย่างมั่นคงไปยังน้ำตกหิน จูนจิ่วหรี่ตาเล็กน้อย สายตาเพ่งมองไปที่ชิงหยู่อย่างตั้งใจ เห็นเขาเดินตรงไปยังแกนกลางของน้ำตกหินอย่างมั่นคงผ่อนคลาย แล้วก็หมุนตัวเดินกลับมา
เหมือนจูนจิ่ว ปล่องพลังทิพย์ทำให้เสื้อผ้าที่เปียกปอนแห้ง ชิงหยู่กล่าว “ศิษย์น้องเจ้าดูอย่างละเอียดแล้วหรือไม่ พลังทั่วร่างต้องเสมอกัน ไม่มากไปไม่น้อยไป”
“เข้าใจแล้ว”
ชิงหยู่“ครั้งแรกสุดเจ้าไม่ใช่ต่อต้านแรงน้ำ แต่ต้องนำตัวเองหลอมรวมเข้ากับน้ำ จากข้างนอกสู่ข้างใน ยิ่งเดินเข้าไปข้างในแรงดันน้ำยิ่งแรงมากขึ้น เจ้าต้องคุ้นชินก่อน จึงจะเข้าไป ไม่เช่นนั้นการถูกซัดลงน้ำก็ยังถือว่าเบา หนักหน่อยกระดูกเจ้าอาจหักได้ จะได้รับบาดเจ็บภายในด้วย”
ขณะที่ชิงหยู่พูด ยกมือขึ้นกอดอกค่อยๆเข้าใกล้จูนจิ่ว มุมปากเผยรอยยิ้ม หัวเราะขึ้นอย่างไม่สำรวมท่าที ยังมีกลิ่นเหล้าจางๆในลมหายใจ
เขากล่าวต่อว่า“เพราะฉะนั้นศิษย์น้อง แม้เจ้าจะเป็นปีศาจน้อยชั้นเจ็ดสีม่วง ก็ควรวางรากฐานให้มั่นคงซะดีๆ เรียนจากชั้นแรกให้ดี จากนั่นเมื่อมั่นใจแล้วค่อยมาทดสอบน้ำตกหิน”
ได้ยินเช่นนี้ จูนจิ่วหรี่ตาประกายตาเย็นวาบผ่านไป
นางเงยหน้าขึ้นมองชิงหยู่ เปิดปากเอ่ยว่า “ท่านจงใจพาข้ามาที่นี่”
“จงใจอะไรกัน”ชิงหยู่หัวเราะฮ่าฮ่าอย่างชั่วร้าย ไม่ยอมรับ
เขาย่อมต้องจงใจอยู่แล้ว เพียงสามครั้งก็ฝึกชั้นที่หนึ่งได้แล้ว ยังไม่ต้องมีผู้ใดคอยชี้แนะ เปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงถูกจูนจิ่วทำให้ปวดใจ
เขาพาจูนจิ่วมาที่ห้องมวยป่าหิน และน้ำตกหินไม่ได้อยากทำให้นางขายหน้า แต่อยากบอกจูนจิ่วว่า แม้จะมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเท่าไหร่ ก็ต้องค่อยๆวางรากฐานทีละก้าวทีละก้าว ไม่มีความสำเร็จแบบก้าวกระโดด แต่ว่าวิธีการของเขาก็ออกจะรุนแรงไปบ้าง ยังมีความแกล้งจูนจิ่วเล็กน้อย
เสี่ยวอู่รู้สึกตัว โมโหจนกระโดดขึ้นมาจะข่วนชิงหยู่
จูนจิ่วยื่นมือไปคว้าหลังคอของเสี่ยวอู่ไว้ดึงกลับมา จูนจิ่วกลับไม่ได้รู้สึกโกรธ นางเข้าใจเจตนาของชิงหยู่
ก็แค่การวางพื้นฐาน ปากของจูนจิ่วยกขึ้น รอยยิ้กแฝงแววคลั่งไคล้ดื้อรั้น นางกล่าว “ท่านให้เวลาข้าหนึ่งวัน ข้าเข้าใจ
วิชาฝึกร่างกายชั้นที่หนึ่งอย่างถ่องแท้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยสู้กับน้ำตกหิน”
“หนึ่งวัน ศิษย์น้องเจ้าเสพติดความรุนแรงแล้วกระมัง”
วันเดียวจะสามารถเข้าใจวิชาฝึกร่างกายอย่างถ่องแท้ได้อย่างไร แม้จะเข้าใจถ่องแท้ก็คงไม่สามารถจะท้าทายกับน้ำตกหินได้รวดเร็วขนาดนี้ หากรู้ว่ามีลูกศิษย์มากเท่าไหร่ที่ใช้เวลาในการฝึกฝนชั้นแรกนานสามปีห้าปี จึงจะกล้ามาฝึกฝนชั้นที่สองน้ำตกหิน หรือเมื่อสักครู่ยังไม่ทำให้จูนจิ่วรู้สึกยากลำบาก
เผชิญความตะลึงงันของชิงหยู่ กิริยาหรี่ตาของจูนจิ่วก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยน
ผ่านการย้ายเอ็นล้างกระดูก ฝึกฝนน้ำหยกทิพย์ วิชาฝึกร่างกายชั้นที่หนึ่งสำหรับนางถือว่าเสียเวลา น้ำตกหินนั้นยาก แต่พอดีนางชื่นชอบความท้าทาย
จูนจิ่วหันไปโบกมือให้กับชิงหยู่ “ศิษย์พี่ลาก่อน ข้าจะกลับไปฝึกฝนชั้นที่หนึ่งแล้ว”
“รอประเดี๋ยว ศิษย์น้องเจ้าไม่เปลี่ยนใจแน่หรือ”
“ไม่เปลี่ยนแล้ว”เสียงเย็นใสของจูนจิ่วส่งมาจากไกลๆ ยังมีเสียงเหมียวเหมียวของเสี่ยวอู่รวมอยู่ด้วย เหมือนแมวเองก็กำลังบอกว่า ไม่เปลี่ยนแล้ว
ชิงหยู่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม สีหน้ามึนงง ในใจคิดว่า จบกัน แค่อยากให้ศิษย์น้องได้ประสบพบเจอกับความโหดร้ายที่แท้จริงเท่านั้น เพื่อให้นางตั้งใจฝึกฝนดีๆ แต่ทำไมกลับเสพติดความรุนแรงเพียงชั่วครู่ คนอื่นต่างก็กลัวน้ำตกหิน ไม่กล้าท้าทายง่ายๆ ทำไมนางไม่ออกไพ่ตามแนวที่วางไว้นะ
หลังจากที่เหอซ่าน โจวเตี๋ยพวกเขาได้รับรู้ข่าวนี้แล้ว รีบหาชิงหยู่เพื่อพูดคุยอย่าง “เป็นมิตร” เมื่อวนจนครบทุกคน ก็ล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงวันของอีกวันแล้ว ชิงหยู่มองด้วยตาหมีแพนด้า เสียใจที่ทำแบบนั้นตั้งแต่แรก
เจตนาของเหล่าผู้อาวุโสนั้นชัดเจน หากดาวเจ้าสำนักได้รับบาดเจ็บ ก็จะถลกหนังของชิงหยู่ ดูแลศิษย์น้อง มีใครซุกซนเท่าเจ้าบ้าง วันแรกก็พาไปยังที่ๆอันตรายที่สุดแล้ว
ดังนั้นเมื่อจูนจิ่วไปยังน้ำตกหินในวันที่สอง รับรู้ได้ถึงสายตาแต่ละคู่ที่มองมายังนางอย่างเป็นห่วงอยู่อย่างลับๆ มุมปากยกขึ้น หน้าผากของจูนจิ่วแขวนเส้นตรงไว้ พวกเขาจะทำอะไรกัน
เสี่ยวอู่ก้าวเท้าตามจูนจิ่ว พูดอย่างเป็นห่วง “เจ้านาย ท่านจะท้าทายน้ำตกหินจริงหรือ”
“น้ำตกหินเป็นสถานที่ฝึกฝนที่ดี ”จูนจิ่วตอบ เธอกระตือรือร้นอยากลอง ประกายตาวิบวับ วันนี้จะไม่ถูกแรงน้ำซัดตกลงมาเหมือนวันนั้นอย่างแน่นอน อย่างน้อยนางจะต้องยืนอย่างมั่นคงสักสิบวินาที
เห็นจูนจิ่วเดินไปยังน้ำตกหิน ลูกศิษย์รอบข้างที่ยังไม่เริ่มการฝึกฝนก็พร้อมใจกันมองนางเป็นตาเดียว อีกทั้งยังมีเหล่าผู้อาวุโสที่ซ่อนอยู่ในทที่ลับกับชิงหยู่ผู้นอนหลับไม่เพียงพอ
โจวเตี๋ยสูดลมหายใจ“จูนจิ่วจะไปจริงๆ พวกเราจะออกไปห้ามนางหรือไม่”
“เพิ่งเริ่มฝึกร่างกาย ก็ท้าทายน้ำตกหิน เหลวไหลจริงๆ ”ผู้อาวุโสผู้อาวุโสเฉียนผู้เคร่งครัดขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น
ผู้อาวุโสซั่งกวนกล่าว “ไป ขวางจูนจิ่วไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นหากได้รับบาดเจ็บจะทำเช่นไร นางเป็นนักกลั่นยา บอบบางอ่อนแอ ไหนเลยจะสามารถทนแรงดันของน้ำตกหินได้”
ขณะพูด เหล่าผู้อาวุโสต่างก็มองไปทางชิงหยู่เป็นตาเดียว จูนจิ่วอายุน้อยแรงมาก แล้วยังมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม ยังไงก็ไม่ยอมแพ้ นางจึงมาท้าท้ายน้ำตกหินอีกครั้ง ทั้งหมดเป็นเพราะความผิดของชิงหยู่ ไม่เช่นนั้นดาวเจ้าสำนักจะมาเสี่ยงอันตรายหรือ
ชิงหยู่สีหน้าไร้ความรู้สึก เปิดปาก “ตอนข้าสิบขวบ พวกท่านถึงกับถีบข้าเข้าไปในน้ำตกหินด้วยตัวเอง เฝ้ามองข้าฝึกฝนด้วย”
“เจ้ามันหนังหนา เทียบกับจูนจิ่วได้หรือ”โจวเตี๋ยตอบกลับเขา
แทงใจเหลือเกิน ชิงหยู่เอามือกุมอกตัวสั่นเบาๆ เขาเป็นเจ้าสำนักนะ ทำไมช่องว่างในการปฏิบัติต่อกันระหว่างคนมันช่างแตกต่างกันลิบลับ