บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 236 ยังจะมีอะไรอีก
บทที่ 236 ยังจะมีอะไรอีก
เมื่อได้ยินประโยคนั้นของชิงหยู่ จากที่โจวเตี๋ยกำลังตกใจก็กลายเป็นอกจะแตกตายในทันที ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะกลับมามีสติ จากนั้นก็รีบถามว่า: “เจ้าสำนัก เหตุใดเจ้าต้องกระทำถึงเพียงนี้? ไม่เกรงว่าพวกเขาจักจับได้รึ?”
“ท่านเจ้าสำนักไปทำการใดมารึ?” ผู้อาวุโสเฉียนได้ยินแว่วๆ จึงหันมาถาม
โจวเตี๋ยรีบหันไป ทำเป็นไอและพูดเบาๆว่าไม่มีอะไร ทำเอาพวกผู้อาวุโสเฉียนต่างรอคำอธิบาย โจวเตี๋ยจึงรีบหันไปจ้องชิงหยู่ “พูดเร็วเข้า!”
“พวกเขาว่าร้ายศิษย์น้อง มีสาวกบางคนจับได้ว่าพวกเขาหมิ่นเกียรติศิษย์น้องตอนไปที่โรงประมูล อีกทั้งเจี้ยนจงยังส่งคนไปติดตามศิษย์น้อง ข้ารู้ข้าเห็นมาหมดแล้ว!” หากชิงหยู่ไม่ลงจากเขาไปในวันนั้นเพื่อการบางอย่าง ก็คงจะไม่ได้เห็นว่าโม่อู่เยว่ได้ทำเรื่องที่อำมหิตแก่พวกเขา ไม่แน่เขาอาจจะไปทำเรื่องอะไรไว้อีก
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากกลับมาที่สำนักเทียนอู่จง ชิงอยู่ก็สั่งการกับสาวกในสำนักทันที ว่าหลังจากนี้ไป หากจับตัวสาวกของเจี้ยนจงและตันจงได้ ก็เล่นงานมันซะ!
ถึงแม้ว่าในหนึ่งเดือนนี้พวกเขาต่างเก็บตัวฝึกซ้อมกันอย่างเข้มงวด แต่ก็เพิ่งจะเห็นโอกาสเมื่อเช้านี้ขณะที่มาลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุน
ชิงหยู่มองไปยังเหล่าสาวกที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดนั่น พลางพยักหน้าอย่างพอใจ ดูเหมือนว่าสาวกแห่งสำนักเทียนอู่จงของเขานั้นก็ยังรู้งานอยู่ วันนี้จะตีคนแบบไว้หน้า ในที่ที่ต้องต่อสู้กันอย่างผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ พวกเขาคงไม่พาลเอาไปฟ้องร้องกระมัง
อีกทั้งก็ไม่ได้สู้กันถึงกับกระดูกกระเดี้ยวหักหรือฆ่าให้ตาย ถึงเจี้ยนจงและตันจงจะโกรธมากมายเพียงใด ก็ไม่สามารถหาข้อฟ้องร้องสำนักเทียนอู่จงเพราะเหตุนั้นในช่วงเวลาแบบนี้ได้อยู่ดี
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ชิงหยู่ก็เผยยิ้มร่า “ผู้อาวุโสโจว ข้าเองก็ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดไปกระมัง”
“ไม่ผิด! ไอ้พวกนี้มันสมควรโดนแล้ว” เมื่อได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับจูนจิ่ว มุมมองของโจวเตี๋ยก็เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือทันที บังอาจนักมารังแกดาวเจ้าสำนักของเรา โดนแค่นี้หาได้สาสมไม่ การแข่งขันทั้งห้าสำนักสิ้นสุดลงเมื่อใด เมื่อนั้นจักต้องหาคนไปเล่นงานมันอีกให้จงได้
เมื่อหันมองสถานการณ์ของเจี้ยงจงและตันจงนั้น แววตาของโจวเตี๋ยก็ดูสะใจขึ้นมา
“ฮัดชิ่ว!”ผู้อาวุโสแห่งเจี้ยนจงจามไปหนึ่งทีด้วยสีหน้าที่กริ้วโกรธ เขาเห็นว่าโจ่ฉีมาถึงแล้ว ก็รีบไปพูดใส่ไข่ใส่นมทันที อย่างไรก็ตามแต่ โจ่ฉีแค่มองไปยังสาวกที่ถูกตีเพียงเท่านั้น พลางกล่าวเผินๆว่า “การแข่งขันทั้งห้าสำนักสำคัญอย่างยิ่ง เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”
“แต่ท่านรองเจ้าสำนัก พวกเขาได้รับบาดเจ็บ มันก็จักส่งผลต่อการแข่งขัน!” ผู้อาวุโสกล่าว
“จริงที่สุด!” จูนหยูนเสวี่ยรีบเข้ามาเสนอหน้าด้วยความมุ่งมั่นอันโอหัง นางเอ่ยว่า: “รองเจ้าสำนัก พวกเราต้องจัดบทเรียนแก่สำนักเทียนอู่จงเสียหน่อยแล้ว! ไม่เช่นนั้นสาวกเจี้ยนจงของข้าอาจจะถูกทุบตี ซึ่งก็จะเป็นฝีมือจูนจิ่วที่สั่งคนมาทำ จักปล่อยนางไปไม่ได้เป็นอันขาด!”
เมื่อจูนหยูนเสวี่ยนึกถึงจูนจิ่วขึ้นมา ก็คันไม้คันมือ
พวกคนที่ตามจูนจิ่วในวันนั้น เป็นกลุ่มฝีมือดีที่อารักขาข้างกายนางทั้งนั้น แต่ดันได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกกระเดี้ยวหัก ในตอนนี้ต้องนอนรักษาตัวลุกไปไหนไม่ได้ด้วยซ้ำ
นังจูนจิ่ว!!
โจ่ฉีมองมาทางจูนหยูนเสวี่ย ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “เรื่องนี้สามารถจัดการได้ ยังไงก็ตามแต่ การแข่งขันทั้งห้าสำนักก็กำลังจะเริ่มขึ้น หาได้มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการแข่งขันนี้ไม่”
“เอาล่ะ ยังไงข้าก็สามารถสั่งสอนจูนจิ่วเองได้ เอาให้นางอับอายขายขี้หน้าไปเสีย!” จูนหยูนเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก พลางวางมาดโอหังเดินกลับไปนั่งที่ตัวเอง ที่นั่งของนางนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้อาวุโสแห่งเจี้ยนจง
พวกเขาต่างตกใจอย่างไร้ข้อกังขา ข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง! จูนหยูนเสวี่ยมีสถานะที่สูงส่งในเจี้ยนจง แค่รองลงมาจากเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักเพียงเท่านั้น นางจะเป็นถึงเจ้าสำนักเจี้ยนจงในอนาคตอันใกล้จริงๆ! และแน่นอนว่า ผู้คนต่างมีข้อสงสัยตามๆกันมา จูนหยูนเสวี่ยก็เป็นเพียงหญิงสาวจากครอบครัวอันต่ำต้อย เหตุใดจึงได้โชคดีถึงเพียงนี้? แค่ก้าวขาก็ถึงฟ้าแล้ว
“ได้ยินมาว่านางมาจากตระกูลจูนแห่งแคว้นเทียนโจ้ง เป็นตระกูลของจูนหมิงเย่ ผู้ที่ริเริ่มกลยุทธ์สงครามในการเดินทัพช่วงเวลากลางคืน!”
เมื่อได้ยินความเห็นนี้ เงามืดใต้เสื้อคลุมเหลือบไปด้านข้างที่ฝูงชนกำลังพูดคุยกัน เขาเงยหน้าจ้องมองที่จูนหยูนเสวี่ยอยู่ชั่วครู่ และถอยไปอย่างเงียบงัน เฉกเช่นจิตวิญญาณที่เลือนหายไปท่ามกลางฝูงชน
ณ ที่นั่งของทั้งห้าสำนัก กู่ซงนั่งอยู่ด้านหน้าทัพของสำนักหุ้นหยวน โดยมีหยูนเฉียวนั่งอยู่ข้างๆ กู่ซงกวาดสายตาไปโดยรอบ “อีกประเดี๋ยวก็เที่ยงตรงแล้ว เหตุใดจูนจิ่วยังไม่มาอีก?”
“เดี๋ยวก็คงมาขอรับ!” หยูนเฉียวเองก็เป็นกังวลเช่นกัน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นแววตาของจูนเสี่ยวเหล่ยที่จ้องมองไปยังทางเข้าของลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุนอย่างกังวลใจ
เหตุใดถึงยังไม่มาอีกนะ?
นอกจากสำนักเทียนอู่จงและสำนักอื่นๆทั้งสี่สำนักแล้ว ทุกคนต่างก็อยากจะมาเห็นหมอเทวดาจูนจิ่วในตำนานเสียหน่อย เมื่อจูนหยูนเสวี่ยเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงส่งซิกแก่สาวกข้างกาย ทันใดนั้นก็มีคนเอ่ยขึ้นว่า: “หึ! จูนจิ่วคงไม่กลัวที่จะโผล่หัวมาหรอกกระมัง!”
“พวกเจ้าพูดสิ่งใด!” สาวกของสำนักเทียนอู่จงอารมณ์ขึ้น โจ่ฉียืนขึ้นพร้อมจ้องตาเขม็ง จนคนที่ถูกจ้องขาอ่อนยวบ แต่ด้วยการที่กำลังอยู่ภายใต้สายตาของจูนหยูนเสวี่ยจึงต้องพูดต่อ: “หรือว่าไม่ใช่? ได้ยินมาว่าจูนจิ่วนั้นท้าทายศิษย์พี่จูนหยูนเสวี่ยของเรา เกรงว่าจะไม่กล้าโผล่หัวมาแล้วกระมัง มิเช่นนั้นเหตุใดจึงยังมาไม่ถึงอีกเล่า นางก็อยู่แค่ที่สำนักเทียนอู่จงนี้เอง จะห่างไกลมากมายแค่ไหนกันเชียว”
“พูดอีกก็ถูกอีก สำนักเทียนอู่จงของพวกเจ้าไม่ใช่กล่าวว่าพรสวรรค์ของจูนจิ่วนั้นอยู่ถึงชั้นที่เจ็ดสีม่วงหรอกรึ? นางมีพรสวรรค์สูงส่งปานนี้ จะมาโทษว่าพวกเราคิดมากไปหาได้ไม่” ยู่ซินเอ่ยขึ้น
ในใจของนางมีแต่ความแค้นเคือง ถึงแม้นางเองจะรู้ว่าโล๋เฉียงแกว่งเท้าหาเสี้ยนเองก็ตาม แต่อู๋ซานก็เอ่ยปากปรามพวกนางไว้ ไม่อนุญาตให้ไปร้องเรียนสิ่งใดต่อสำนักเทียนอู่จง
เงยหน้าขึ้นไปยังอู๋ซาน แน่นอนว่าอู๋ซานจักต้องตอบโต้นาง “จูนจิ่วหาใช่คนขี้ขลาดไม่ นางจักมาแน่!”
ความเกลียดชังของยู่ซินทวีความรุนแรงขึ้น! พลางเย้ยหยันว่า: “ท่านอู๋ซานกล่าวเยี่ยงนี้ ก็คงจะเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของแม่จูนจิ่วที่อยู่ถึงชั้นที่เจ็ดสีม่วงอย่างนั้นสิ?
“หาเป็นไปได้ไม่! ชั้นที่เจ็ดสีม่วงบ้าบออะไรกันโกหกทั้งเพ อีกทั้งสำนักเทียนอู่จงยังเคยกล่าวขานว่ามีผู้อาวุโสชายผู้สง่างามที่มิอาจมีผู้ใดเทียบเคียงได้ แต่ข้านั้นเฝ้าดูมานานสองนานแล้ว มีผู้อาวุโสผู้สง่างามนั้นเสียที่ไหนกัน ผู้ใดยังจะเชื่อคำของสำนักเทียนอู่จงได้อีกไม่!” จู่ๆก็มีสาวกเหน็บแหนมตามยู่ซินมาอย่างรวดเร็ว
แต่แล้วผลของการกล่าวกันเช่นนี้ พวกสาวกแห่งสำนักเทียนอู่จงกลับนิ่งเฉย หวางฉี่อ๋างโบกไม้โบกมือ “นั่งลงเถิด”
แต่ละคนพากันนั่งลง แววตาของพวกเขานั้นเหมือนกำลังมองกลุ่มคนโง่เง่าพลางรอดูว่าจะมีของดีอะไร ยู่ซินโมโหใจจะขาด พลางกำมือแน่น นางไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย! ว่าคำของสำนักเทียนอู่จงนั้นยังเชื่อถือได้ ไอ้พวกผู้อาวุโสไม้ใกล้ฝั่งหน้าไม่อาย
ชายผู้สง่างามอย่างนั้นรึ!! ขายฝันกันอยู่หรือไร! ขณะที่ยู่ซินกำลังหลังครุ่นคิด ก็ได้ยินหวางฉี่อ๋างเอ่ยด้วยความปิติว่า: “ผู้อาวุโสโม่กับอาเจ็กเสี่ยวช่วยมาแล้ว!”
มาแล้วรึ?
ยู่ซินเพิ่งจะตระหนักได้ว่าโดยรอบเงียบสงบผิดปกติ ลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุนที่ครึกครื้นเมื่อกี้นี้ ตอนนี้กลับเงียบสงบจนได้ยินเสียงของสิ่งที่อยู่ห่างไกล จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองตามสายตาของทุกคน เมื่อได้เห็น ยู่ซินก็แข่งทื่อไปทั้งตัว
ยังจะมีห่าไรอีกเนี่ย!
ยู่ซินนั้นไม่อยากจะเชื่อสายตา ฟันกัดกรอกกระทบกันอยู่ในปาก นางกระวนกระวายพลางคว้ามือของอู๋ซาน “พวกเขาเป็นผู้ใดกัน?”
“จูนจิ่วกับผู้อาวุโสโม่แห่งสำนักเทียนอู่จง ว้า! ผู้อาวุโสโม่นี่คือเลยคำว่าชายผู้สง่างามไปแล้ว หล่อเหลาเอาการเหลือเกิน เกินกว่าจะมีอยู่จริงเสียอีก! เขากับจูนจิ่วเดินอยู่ด้วยกัน ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก” อู๋ซานที่ตกอยู่ในภวังค์กล่าวออกมา