บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 243 ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า
บทที่ 243 ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า
“จะนิ่งอึ้งอยู่ทำไม?ไม่ได้ยินที่อาเจ็กเสี่ยวช่วยพูดหรือไง นำหยกทิพย์ออกมา” หวางฉี่อ๋างพูดจาต่อว่าและจ้องเขม็งยู่ซินอย่างเหลือทน
ใบหน้ายู่ซินบวมเหมือนหัวหมู ดวงตาที่เล็กเหมือนถั่วเขียวฉายแววความไม่พอใจ แต่ก็ต้องจำยอมส่งมอบหยกทิพย์ออกไป เพราะนางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การข่มขู่ หากไม่ส่งมอบหยกทิพย์ออกไป จูนจิ่วจะฆ่านางจริงๆ
จูนจิ่วกางมือออกไปคว้าเอาหยกทิพย์ของยู่ซินลอยผ่านอากาศมา หยกทิพย์ทั้งสองชิ้นแนบชิดติดกัน มีแสงสว่างประกายทอแสง เห็นเพียงหยกทิพย์ชิ้นที่เป็นของยู่ซินค่อยๆเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีแดง สุดท้ายแสงที่ฉายแวววับดับแสงลงเหลือเพียงสีแดงอ่อนๆ
ความพยายามที่ทุ่มเทไปสูญเปล่าทั้งสิ้น ยู่ซินกัดฟันเสียงกรอด
สายตาที่โกรธแค้นของนาง เพิ่งจะถลึงตาใส่จูนจิ่วไปแวบเดียว จูนจิ่วกวาดสายตามองไปที่นาง ยู่ซินรีบก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าสบตาโดยตรง นางสู้จูนจิ่วไม่ไหว จึงต้องยอมจำนน ทว่านางยังคงไม่พอใจ
การแย่งชิงผลคะแนนหยกทิพย์ของยู่ซินไป ทำให้หยกทิพย์ของจูนจิ่วเพิ่มระดับเป็นสีเขียวชั้นสี่ สีเขียวมรกตเป็นสีที่งดงามมาก นางโยนหยกทิพย์คืนให้กับยู่ซิน จูนจิ่วพูดว่า “หยกทิพย์ที่เหลือพวกเจ้าแบ่งกันเอง”
“ได้เลย ขอบคุณอาเจ็กเสี่ยวช่วย”
“ขอบคุณอาเจ็กเสี่ยวช่วย” เหล่าศิษย์สำนักเทียนอู่จงพูดขอบคุณพร้อมเพรียงกัน ทว่าเมื่อพวกเขาแย่งหยกทิพย์จากศิษย์ตันจงมาได้ แต่ละชิ้นมีสีแดงอ่อนๆพอถูไถไปได้
หวางฉี่อ๋างถลึงตาใส่ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “นี่มันหยกทิพย์ของปลอมหรือเปล่า? พวกเจ้าเข้ามาในเขตลับเทียนอู่สองวันแล้ว เพิ่งจะทะลุชั้นหนึ่งไม่นานเอง? ไอ้อ่อนหัด ล้อเล่นอะไรกัน? นี่มันเศษขยะชัดๆ พวกเจ้าแอบซ่อนหยกทิพย์แท้ไว้หรือเปล่า”
“ไม่ไม่ใช่” ศิษย์ตันจงที่ถูกหวางฉี่อ๋างหิ้วตัวลอยขึ้นมาเป็นคนที่จูนจิ่วรู้จักดีเสียด้วย นั่นก็คือมู่หรงหนันจินที่เคยเห็นหน้าที่เวทีอู๋อจง ตอนที่เขาเห็นหน้าจูนจิ่ว บนใบหน้าแสดงอาการหวาดกลัว
มู่หรงหนันจินหวาดผวารีบยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วตะโกนว่า “เป็นเพราะศิษย์พี่ยู่ซิน สัตว์ทิพย์ที่พวกข้าฆ่าตาย ผลคะแนนล้วนเป็นของศิษย์พี่ยู่ซินแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเหล่าศิษย์สำนักเทียนอู่จงแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องสนุก สายตาที่มองไปทางยู่ซินเต็มไปด้วยความดูแคลนและรังเกียจ กลับแย่งชิงคะแนนของศิษย์สำนักเดียวกัน เพื่อดันตัวเองให้ถึงสีส้ม น่าเกลียดที่สุด
ยู่ซินที่ถูกสายตาของเหล่าลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จงจ้องมองกลับไม่รู้สึกอับอายเลย นางรีบชิงพูดก่อน “ข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งตันจง พวกเขาสมควรที่จะต้องเคารพข้าอยู่แล้ว และพวกเขาก็ยินยอมเอง”
มู่หรงหนันจินขยับริมฝีปากเหมือนจะโต้กลับ ทว่าตอนที่กำลังจะเอ่ยปากพูดเกิดความลังเลใจจึงยอมเงียบปากไว้
จูนจิ่วไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา ของที่ต้องการแย่งมาได้แล้ว ก็ควรไปได้แล้ว จูนจิ่วหมุนตัวกลับแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”
“อาเจ็กเสี่ยวช่วยไม่จัดการพวกเขาแล้วหรือ?”
“ปล่อยพวกเขาไปให้หมด แต่ถ้าเจอครั้งต่อไป……” จูนจิ่วหยุดฝีเท้าลง เหลือบตามองยู่ซินด้วยสายตาเย็นชา สายตาที่มองไปมองทะลุผ่านความคิดสกปรกและความอำมหิตภายในจิตใจของยู่ซิน ทำเอายู่ซินสั่นดิกๆ ตัวแข็งทื่อจนไม่กล้าขยับตัว
จูนจิ่วกระตุกยิ้มหยันตรงมุมปาก แล้วพูดว่า “ถ้าครั้งต่อไปได้เจอตัวอีกล่ะก็ มันจะไม่จบแค่แย่งชิงหยกทิพย์เท่านั้น”
จูนจิ่วนำกลุ่มลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จงเดินจากไป รอจนพวกเขาจากไปไกลและมองไม่เห็นแล้ว มู่หรงหนันจินและกลุ่มลูกศิษย์ตันจงล้อมตัวเขามา เรียกชื่อนางตั้งหลายครั้ง ยู่ซินถึงจะดึงสติกลับมาได้ พอนางรู้สึกตัวรีบกุมใบหน้าไว้ โกรธโมโหกรี๊ดเสียงดัง
มู่หรงหนันจินรีบห้ามปราม “ศิษย์พี่ยู่ซินห้ามร้องเสียงดัง จะดึงดูดสัตว์ทิพย์มาได้”
“ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด” ยู่ซินอารมณ์เสียจนพาลใส่ นางรีบเอายาออกมาทาที่ใบหน้า ผ่านไปครู่เดียวใบหน้าที่บวมเหมือนหมูเต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย ทำให้เหล่าลูกศิษย์ตันจงต้องหันหน้าไปทางอื่นๆตามๆกัน พวกเขาเกรงว่าจะหลุดขำออกไป
ยู่ซินหยิบผ้าคลุมออกมาสวมใส่ ฉีกผ้าฝ้ายออกมาปิดใบหน้าไว้ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “จูนจิ่วข้ากับเจ้าไม่จบแค่นี้แน่ ไอ่พวกเศษสวะ รออะไรอยู่? จะยืนอยู่ตรงนี้แล้วรอให้หยกทิพย์เปลี่ยนสีเป็นสีครามเองหรือไง?”
“ศิษย์พี่ยู่ซิน……”
“หุบปาก ไปวางยาพิษให้หมด ฆ่าสัตว์ทิพย์ยิ่งเยอะยิ่งดี จากนั้นเอาหยกทิพย์มาให้ข้า ข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า หรือว่าพวกเจ้าอยากเห็นคะแนนข้าย่ำแย่จนต้องพ่ายแพ้แก่สำนักอื่นหรือไง?” ยู่ซินพูดด้วยบันดาลโทสะ
เหล่าลูกศิษย์ก้มหน้าก้มตาไม่ออกเสียงใดๆ แต่ละคนค่อยๆหันหน้าจากไป
ยู่ซินจ้องเขม็งพวกเขาไว้ ในใจทั้งโกรธทั้งเกลียด จำนวนของศิษย์ตันจงมีน้อยที่สุด และนางต้องพยายามขวนขวายรวบรวมจนได้มาซึ่งสีส้ม แต่สุดท้ายกลับโดนจูนจิ่วแย่งชิงไป ตอนนี้ต้องเริ่มต้นใหม่ ไอ่พวกเศษสวะพวกนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์มากมาย พึ่งแต่การวางยาพิษไม่สามารถทะลุสีครามได้แน่นอน
ไม่ได้ ยู่ซินกำหมัดแน่น นางนึกถึงหยกทิพย์ของจูนจิ่วที่เปลี่ยนสีเป็นสีเขียวแล้ว ถ้าหากสามารถแย่งชิงมาได้……แต่ว่านางกลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจูนจิ่ว ทันใดนั้น ในใจของยู่ซินมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
นางมีแผนการได้แล้ว
ในเมื่อนางทำไม่ได้ก็ต้องร่วมมือกับคนอื่นสิ นางจำได้ว่าจูนหยูนเสวี่ยจากสำนักเจี้ยนจงได้ลั่นวาจาไว้เองว่าจะให้จูนจิ่วได้เห็นดี นางจะต้องยินดีร่วมเป็นพันธมิตรกับนางแน่นอน
……
ตลอดทางที่เดินไปยังศูนย์กลางของเขตลับเทียนอู่ ระหว่างทางจูนจิ่วมักจะหาสถานที่ที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยใช้เครื่องหอมดึงดูดสัตว์หลอกล่อสัตว์ทิพย์มาหลายระลอกๆ การที่เริ่มเดินทางเข้ามาในเขตลับเทียนอู่ลึกมากขึ้นนั้น ปริมาณการใช้เครื่องหอมดึงดูดสัตว์เพิ่มขึ้นไปด้วย และสามารถดึงดูดสัตว์ทิพย์ได้หลายตัว ซึ่งแต่ละตัวล้วนเป็นสัตว์ทิพย์ชั้นสาม
หากไม่ใช่เพราะมีจูนจิ่วอยู่ด้วย เหล่าลูกศิษย์เทียนอู่จงไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลยว่า หากพวกเขาเจอสัตว์ทิพย์พวกนี้ควรจะทำอย่างไรดี?
ต่างพากันล่ำลือว่าการต่อสู้ของสำนักเทียนอู่จงทั้งบ้าบิ่นและโหดเหี้ยมมาก แต่เมื่อเทียบกับอาเจ็กเสี่ยวช่วยจูนจิ่ว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ไม่สามารถเทียบได้ ตลอดทางเดิน สายตาสรรเสริญของเหล่าลูกศิษย์ล้วนสะท้อนประกายทอแสงวิบวับ
ช่วงเวลาพลบค่ำ พวกเขาหยุดการเดินทางต่อ และตั้งค่ายพักแรมในป่า
จูนจิ่วนั่งอยู่ข้างกองไฟ ดวงตาที่ลึกล้ำกำลังคิดพินิจ นี่เป็นวันที่สามของการเข้ามาในเขตลับเทียนอู่ สำหรับนางการเข่นฆ่าสัตว์ทิพย์ชั้นสามไม่ได้มีประโยชน์มากมายอะไร เกรงว่าจะต้องฆ่าสัตว์ทิพย์ชั้นสี่ ถึงจะสามารถทำให้หยกทิพย์ทะลุทะลวงเปลี่ยนแปลงระดับได้
ในระดับชั้นที่เท่าเทียมกัน สัตว์ทิพย์ชั้นสี่จะแข็งแกร่งกว่านักจิตชั้นสี่อยู่มาก แต่ว่าจูนจิ่วมีความเชื่อมั่นว่านางสามารถฆ่าสัตว์ทิพย์ชั้นสี่ได้
ขณะที่กำลังคิด ข้างหูมีเสียงนกร้องดังขึ้นเป็นระลอกๆ จูนจิ่วแหงนหน้ามองไป บนต้นไม้มีเสียงนกร้องดังเจี๊ยวจ๊าว เหมือนกำลังขับร้องบทเพลง คนอื่นที่ได้ยินเสียงคงคิดว่าเป็นแค่เสียงนกร้อง แต่ในหูของจูนจิ่วกลับได้ยินเป็นการส่งข่าวคราว
ในมิติของผู้สืบทอดนกฟีนิกส์แดง สามารถฟังภาษานกได้นับร้อยชนิด และสามารถสั่งการนกนับร้อยส่งข่าวสารให้กับนางได้ โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าบริเวณระยะห้าสิบลี้ล้วนอยู่ในสายตาของจูนจิ่ว
ในครั้งนี้ นกน้อยส่งข่าวสารให้จูนจิ่วทราบอยู่สองเรื่องด้วยกัน
เสี่ยวอู่แหงนหน้าขึ้นมา และถูไถออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของจูนจิ่ว ถามเหมียวๆ “นายท่านเป็นข่าวสารเกี่ยวกับอะไรหรือ?”
“เรื่องที่หนึ่ง กลุ่มตันจงกับเจี้ยนจงที่มีจูนหยูนเสวี่ยเป็นหัวหน้ากลุ่มร่วมมือกันแล้ว ส่วนเรื่องที่สองมีคนเข้ามาเขตลับเทียนอู่จง ตอนนี้พวกเขากำลังสะกดรอยตามจูนหยูนเสวี่ย” จูนจิ่วตอบกลับเสี่ยวอู่จากจิต เสี่ยวอู่ได้ยินเช่นนั้นตกตะลึงจนลุกขึ้นยืน ขนปุยๆของมันตกใจจนตั้งเป็นเส้นๆ มันพูดว่า “ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า?”
จูนจิ่วหรี่ตาลงเยือกเย็น นางไม่ได้ตอบกลับแต่กลับแหงนหน้ามองไปทางเหล่าลูกศิษย์เทียนอู่จง พวกเขาทะลุทะลวงถึงสีเหลืองชั้นสามแล้ว ตลอดการเดินทางภายใต้การสั่งสอนของนาง ทำให้เคมีการทำงานร่วมกันลงตัวกันมากขึ้น ต่อให้ไม่มีนางอยู่ในแขตลับเทียนอู่ เชื่อว่าพวกเขาก็สามารถเปิดทางบุกฆ่าไปถึงที่หมายได้อย่างง่ายดาย
เสี่ยวอู่ ร้องเหมียว นายท่านคิดจะจากไปหรือ?
จูนจิ่วตอบกลับเสี่ยวอู่ ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่ นางจะต้องไปยืนยันด้วยตัวเองถึงจะรู้ได้