บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 250 ไม่เรียกจูนหยูนเสวี่ยแล้วจะเรียกหมาหรือ
บทที่ 250 ไม่เรียกจูนหยูนเสวี่ยแล้วจะเรียกหมาหรือ
จูนจิ่วที่บันทึกคะแนนโดยตรง เป็นเพราะว่าข่าวสารใหม่ที่นกน้อยได้ส่งมา บอกว่าคนของเทียงฉิวทั้งหมดได้เข้ามาในเขตลับเทียนอู่แล้ว และกำลังไล่ตามมาที่ศูนย์กลางเขตลับเทียนอู่
จูนจิ่วสามารถเดาแผนการของพวกเขาออก สายลับที่ส่งมาสอดส่องก่อนหน้านั้นตายไปแล้ว ทำให้พวกเขาไม่รู้ความเคลื่อนไหวของจูนหยูนเสวี่ย แทนที่จะตามหาจูนหยูนเสวี่ยไปทั่วเขตลับเทียนอู่ สู้มาเฝ้าโคนไม้รอกระต่ายที่ศูนย์กลางเขตลับเทียนอู่จะดีกว่า เมื่อเทียงฉิวมาถึงที่นี่จะต้องเกิดการโกลาหลแน่นอน พอถึงตอนนั้นค่อยบันทึกผลคะแนนเห็นทีไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่
หลังจากที่จูนจิ่วบันทึกคะแนนแล้ว พวกกู่ซง หยูนเฉียว หวางฉี่อ๋างก็ตามมาบันทึกคะแนนของตัวเอง อิงตามระดับและความเข้มอ่อนของสีหยกทิพย์ในการจัดลำดับ
พวกลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จงก็เดินตามจูนจิ่วไป เมื่อเห็นอาเจ็กเสี่ยวช่วยบันทึกคะแนน พวกเขาก็ไม่รอช้าเช่นกัน ในเมื่อเป้าหมาของพวกเขาคือ เป็นที่สองของการแข่งขันและอาเจ็กเสี่ยวช่วยเป็นที่หนึ่ง ตัดภาพมาที่สำนักหุ้นหยวน มีแต่คนที่พอใจกับคะแนนของตัวเองแล้วเข้ามาบันทึก ส่วนคนอื่นๆยังลังเลใจอยู่
หลังจากที่บันทึกคะแนนแล้ว จูนจิ่วแหงนหน้ามองไปทางพวกกู่ซง นางเอ่ยปากพูดว่า “พวกเจ้าบันทึกคะแนนแล้ว สามารถออกจากเขตลับเทียนอู่ไปก่อนได้”
“แม่นางจูนล่ะ?” หยูนเฉียวถาม
จากไปก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเทียงฉิว จูนจิ่วไม่อยากให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ทว่าเห็นหยูนเฉียวถามนาง จูนจิ่วจึงตอบกลับแบบส่งๆ “ข้าอยากดูว่า พวกจูนหยูนเสวี่ยจะได้คะแนนเท่าไหร่เชียว”
“อย่างนั้นข้าก็จะอยู่เพื่อรอดูเหมือนกัน จูนหยูนเสวี่ยที่ยโสโอหังขนาดนั้น ข้าจะดูว่าหยกทิพย์ของนางจะถึงสีอะไร? ถึงได้ริอาจเทียบเคียงแม่นางจูน จูนหยูนเสวี่ยไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวเสียจริง ”
หยูนเฉียวพูดจบ กู่ซงก็พยักหน้าหัวเราะ แล้วพูดว่า “ข้าเห็นด้วย พวกข้าล้วนอยู่ต่อเพื่อรอดูละครฉากเด็ดกันเถอะ”
จูนจิ่วขมวดคิ้วแน่น ไม่คิดว่าสองคนนี้จะมีท่าทีเช่นนี้ แล้วมองไปทางพวกลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จง นำโดยหวางฉี่อ๋างตอบกลับมาว่า “อาเจ็กเสี่ยวช่วยอยู่ที่ใด พวกข้าก็อยู่ที่นั่นด้วย หากจูนหยูนเสวี่ยเกิดอิจฉาริษยาคิดลงมือกับอาเจ็กเสี่ยวช่วยขึ้นมา พวกข้าจะได้ช่วยอาเจ็กเสี่ยวช่วยต่อยคนได้”
“ใช่ เรื่องต่อยคนมอบให้กับพวกข้า อาเจ็กเสี่ยวช่วยรอดูละครฉากเด็ดได้เลย” ลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จงคนอื่นๆเปิดปากพูดตามๆกัน
“เหมียว พวกเข้าล้วนมีจิตใจที่ยอมศิโรราบต่อนายท่าน” เสี่ยวอู่นั่งอยู่ข้างจูนจิ่ว แหงนหน้าร้องเหมียวๆ
จูนจิ่วไม่ได้ตอบกลับ สายตาของนางเยือกเย็นไร้ความปราณี คำพูดของนางพูดชัดแจ้งไม่ได้ ทว่านางได้เตือนพวกเขาแล้ว ในเมื่อพวกเขาไม่ไปก็แล้วแต่พวกเขา
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน ลูกศิษย์สำนักชางไห่จงได้มาถึงศูนย์กลางเขตลับเทียนอู่ พวกนางเห็นพวกจูนจิ่ว จึงรีบหยุดฝีเท้าลง พร้อมระมัดระวังปกป้องหยกทิพย์ของตนเอง ใบหน้าแสดงอาการสงสัยและพินิจพิจารณา เหมือนกลัวว่าพวกเขาจะมาแย่งชิงหยกทิพย์ของพวกนางไป
จูนเสี่ยวเหล่ยที่อยู่ท่ามกลางนั้นตื่นเต้นดีใจจนอยากจะเดินเข้าไปหาจูนจิ่ว แต่ว่าถูกศิษย์พี่ฉุดรั้งเอาไว้ พร้อมจ้องเขม็งตาใส่นาง ไม่อนุญาตให้นางไป
ยังไม่ทันได้กล่าวเยาะเย้ยศิษย์สำนักชางไห่จงที่สำคัญตัวเองผิดไป ก็เหลือบไปเห็นเหยียนไห่และฟู๋หลิงนำกลุ่มลูกศิษย์สำนักเจี้ยนจงเข้ามา หลังจากนั้นตามมาด้วย กลุ่มของจูนหยูนเสวี่ยและศิษย์ตันจง ณ เวลานี้ทั้งอู๋อจงมากันครบแล้ว พลังอำนาจที่อบอวลแลดูตึงเครียดมาก
สำนักชางไห่จงเลือกเป็นกลาง ไม่ยอมเข้าข้างฝ่ายไหน
อีกฝั่งหนึ่ง จูนหยูนเสวี่ยเพ่งมองแต่จูนจิ่ว นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จูนจิ่วกลับไม่ได้โดนยาพิษเล่นงานจนตาย นั้นมันยาพิษของนักวางยาพิษเชียวนะ นางกลับยังมีชีวิตอยู่ดี สีหน้าแดงอมชมพูไม่มีอาการบาดเจ็บเลยสักนิด
ทันใดนั้น จูนหยูนเสวี่ยกลับยิ้มหยัน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้ฆ่าจูนจิ่วด้วยมือของนางเอง
ครั้งนี้ นางจะไม่ยอมให้จูนจิ่วหนีไปจากเงื้อมมือของนางได้ จูนหยูนเสวี่ยจ้องมองจูนจิ่วแล้วเอ่ยปากพูด “คนที่ไม่อยากตายไสหัวไปให้หมด มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าจูนหยูนเสวี่ยไม่เกรงใจ”
“ยังมีตันจงของข้าด้วย ใครที่อยู่ข้างจูนจิ่วก็นับเป็นศัตรูของตันจงด้วย และหลังจากนี้ไปไม่ต้องมาเอายาจากนักกลั่นยาของตันจงอีก” ยู่ซินห่อหุ้มตัวเองไว้เหมือนขนนมบ๊ะจ่าง น้ำเสียงของนางแหบแห้งอำมหิตและจ้องมองแต่จูนจิ่ว
ความจริงที่นางต้องเสียโฉม ทำให้ยู่ซินสิ้นหวังจนบ้าไปแล้ว บวกกับจูนหยูนเสวี่ยยุยงนาง และร่วมเดินทางมายังศูนย์กลางเขตลับเทียนอู่เพื่อแก้แค้นจูนจิ่ว
เมื่อได้ยินคำพูดของจูนหยูนเสวี่ยและยู่ซิน ทุกคนตกตะลึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นี่มันคือการประกาศลงมือกับจูนจิ่วอย่างโจ่งแจ้ง ยังไม่ต้องพูดถึงจูนหยูนเสวี่ยสำนักเจี้ยนจง แค่คำพูดนี้ของยู่ซินที่ว่านับจากนี้ไปจะไม่ให้ยา แล้วใครยังจะกล้าอยู่ข้างจูนจิ่ว?
ศิษย์สำนักเทียนอู่จงเปิดปากพูดก่อน พูดเยาะเย้ยว่า “แค่พวกอ่อนหัดอย่างพวกเจ้าเนี้ยนะ ยังกล้าหาเรื่องอาเจ็กเสี่ยวช่วย ถ้าแน่จริงพวกเจ้าก็บันทึกคะแนนก่อนสิ ให้พวกข้าดูสิว่าพวกเจ้าจะเก่งกาจสักแค่ไหนเชียว ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงแหงนหน้ามองไป เห็นบนหินทิพย์ปรากฏชื่อของจูนจิ่วเปล่งประกายทอแสงสีคราม อีกอย่างถูกจัดลำดับเป็นที่หนึ่ง ทันใดนั้น ที่นั่นเงียบสงัดจนสามารถได้ยินเสียงเข็มตกที่พื้นได้เลย
จูนหยูนเสวี่ยอิจฉาจนแทบบ้าคลั่ง จูนจิ่วไม่เพียงแต่ไม่ตายเพราะยาพิษ กลับสามารถทะลุทะลวงถึงสีครามชั้นห้า นางเสียกำลังไปตั้งมากมายเพิ่งจะถึงระดับสีเขียวชั้นสี จะไปเทียบกับจูนจิ่วได้อย่างไร?
หยูนเฉียวยิ้มหยัน แล้วพูดว่า “มีคนบางคนเคยพูดว่าอยากจะเหยียบแม่นางจูนให้จมดินแทบเท้าไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ข้าว่า แม่นางจูนไม่ต้องกระทำการอันใดเลย แม่นางจูนก็สามารถเหยียบย่ำนางจมแทบเท้าได้เลย ”
“หุบปาก” จูนหยูนเสวี่ยโกรธจนตะโกนเสียงดัง “หยูนเฉียวเจ้าคิดว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปอย่างนั้นเหรอ? เจ้ากับจูนจิ่วมันพวกเดียวกัน ตระกูลหยูนของเจ้าก็เป็นคนบาปที่ฆ่าตระกูลจูนของข้าด้วย รอข้าฆ่าจูนจิ่วก่อน จะตามไปฆ่าเจ้าแน่ พวกเจ้าจะนิ่งอึ้งอยู่ทำไม? คนที่ยืนอยู่ข้างจูนจิ่ว นับเป็นศัตรูกับข้า”
สำนักชางไห่จงรีบถอยห่างไปไกล กูซูหยิงลากตัวจูนหยูนเสวี่ยไป แหงนหน้าสบตากับเหยียนไห่ทีหนึ่ง
เหยียนไห่เหมือนลังเลใจ กลับเห็นหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขาที่มีผ้าคลุมใบหน้าไว้ก้าวเดินไปยังข้างกายจูนจิ่ว ฟู๋หลิงจ้องมองจูนหยูนเสวี่ยแล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้จักจูนจิ่ว แต่ว่าจูนหยูนเสวี่ยเจ้าอย่าทะนงตนมากไป ข้ายังจะต้องคิดบัญชีกับเจ้า”
“หื้ม ก็แค่คนที่หน้าตาอัปลักษณ์ที่ถูกข้าทำลายจนเสียโฉม ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว” จูนหยูนเสวี่ยโอหังยิ่งนัก
กู่ซงพูด “สำนักหุ้นหยวนของข้าต้องยืนอยู่ข้างจูนจิ่วอยู่แล้ว”
กู่ซงที่ยืนอยู่ข้างจูนจิ่วอยู่แล้ว ตอนนี้พอได้ยินเขาเอ่ยปากพูด เหล่าลูกศิษย์หุ้นหยวนเดินตามไปอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยที่ไม่ลังเลเลยสักนิด เมื่อเห็นเช่นนี้ยู่ซินตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าริอ่านตั้งตัวเป็นเป็นศัตรูกับตันจงอย่างนั้นเหรอ? สำนักหุ้นหยวนของพวกเจ้าในแต่ละปีจะต้องมาซื้อยาปริมาณมากจากตันจงเชียวนะ”
“ข่มขู่เหรอ? เชอะ ข้าไม่เคยกลัวการข่มขู่ที่สุด สำหรับยา ยังไม่ต้องพูดถึงการมีหมอเทวดาจูนจิ่วคนนี้อยู่ด้วย ยู่ซินเจ้าเองไม่ใช่เจ้าสำนักตันจง สามารถเป็นตัวแทนสำนักตันจงได้จริงเหรอ? ทำมาเป็นโอ้อวดวางอำนาจบาตรใหญ่ น่าขำสิ้นดี ” กู่ซงพูดด้วยความดูถูก
“ยังมีข้าด้วย” จูนเสี่ยวเหล่ยหลุดออกจากการฉุดรั้งพุ่งตัวออกมา
นางพุ่งตัวมาถึงข้างกายจูนจิ่ว พร้อมเผชิญหน้ากับสีหน้าตกตะลึงและโกรธเคืองของพวกศิษย์พี่ชางไห่จง จนูนเสี่ยวเหล่ยอกผายไหล่ผึ่ง แหงนหน้าพูดว่า “ข้าไม่ได้เป็นตัวแทนของชางไห่จง แค่ข้าจูนเสี่ยวเหล่ยคนเดียว คิดจะรังแกพี่สาวเก้า ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน ”
“ดี ดีเยี่ยมมาก ยังมีใครอีก? ยืนออกมาให้หมด วันนี้ข้าจูนหยูนเสวี่ยไม่ได้ฆ่าพวกเจ้าทิ้ง อย่ามาเรียกข้าว่าจูนหยูนเสวี่ย”
“ไม่เรียกจูนหยูนเสวี่ย เรียกหมาหรือไง?” จูนจิ่วยิ้มหยันแล้วพูดออกมา พร้อมชี้ดาบตรงไปที่จูนหยูนเสวี่ย
นางตกตะลึงตาค้าง ตอนที่รู้สึกตัว จูนหยูนเสวี่ยแทบบ้าคลั่ง นางโกรธจนกระทืบเท้าอยู่กับที่ ชี้ดาบไปหาจูนจิ่วแล้วตะโกนเสียงดังว่า “จูนจิ่วข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้นบดขยี้เจ้าให้แหลกสลาย ไม่สิ ข้าจะทรมานเจ้าด้วยวิธีการโหดเหี้ยมทุกอย่าง ให้เจ้าตายทั้งเป็น”
สิ่งที่ตอบกลับมาหานางคือ รอยยิ้มเย็นชาของจูนจิ่ว พร้อมกระดิกนิ้วใส่นางด้วยความดูถูก…