บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 257 ข้าไม่ใช่นายน้อยกองทัพเย่สิง
บทที่ 257 ข้าไม่ใช่นายน้อยกองทัพเย่สิง
“อู๋เยว่!” จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นด้วยความหงุดหงิด นางเอื้อมมือลูบจมูก ทรวงอกของโม่อู๋เยว่หาใช้ทรวงอกของหญิงสาวไม่ มิได้นุ่มนิ่มเลยสักนิด แข็งโป๊กมีแต่กล้ามเนื้อ
มือข้างหนึ่งยื่นมากุมมือที่ลูบจมูกของจูนจิ่วเอาไว้ อึ้งงันเล็กน้อย ดวงหน้าทรงเสน่ห์ของโม่อู๋เยว่เข้าใกล้อย่างไม่มีลิมิต ริมฝีปากเรียวบางของเขาเป่าลมหวิวๆ พัดบนจมูกงามจองจูนจิ่ว “เจ็บหรือ?”
“ไม่เจ็บ!” ข้าไม่ได้ทำจากกระจกแก้วเสียหน่อย” จูนจิ่วผลักโม่อู๋เยว่ออกด้วยสีหน้านิ่งเรียบ อย่างไรก็ตามนางลืมไปเลยว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่บนพื้น ขาเหยียบบนห้วงอากาศแล้วก็ถูกโม่อู๋เยว่โอบเข้าสู้อ้อมอกอีกครั้ง โอบรอบจูนจิ่วอย่างเผ็ดร้อนและเอาแต่ใจ ช่วงระหว่างลมหายใจล้วนเป็นกลิ่นหายของโม่อู๋เยว่
โม่อู๋เยว่กล่าว “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้มาชมลานฝึกวิทยายุทธ์เฉียนคุนหรอกหรือ? เจ้าดู”
เมื่อได้ยินจูนจิ่วพลันเงยหน้า เห็นเพียงแต่ว่านางยืนบนยอดไม้ที่สูงชัน ก้มหน้าก็มองเห็นสถานการณ์ในลานฝึกวทยายุทธ์เฉียนคุนได้ชัดเจน การมองครั้งนี้ จูนจิ่วขมวดมุ่นหัวคิ้วแน่น
ในลานฝึกวิทยายุทธ์เฉียนคุนทุกหย่อมหญ้าคือเลือดสดและซากศพ ทหารหน่วยกล้าตายเทียนฉิวคร้านจะเก็บกวาดลาน จึงแบ่งคนที่มาชมการแข่งขัน กับคนของสำนักทั้งห้าออกเป็นสองกลุ่ม ผสมปนเปเข้ากับซากศพ ไม่ใช่ว่ายังมีทหารหน่วยกล้าตายเทียนฉิวเข้ามาในกลุ่มฝูงชนแล้วลากถูกตัวคนออกไปตามอัธยาศัย เสียงร้องโหยหวน เสียงร้องขอชีวิตและเสียงร่ำไห้ก็ลอยมาจากที่นี่ด้วย
สถานการณ์ของลานฝึกวิทยายุทธ์เฉียนคุนย่ำแย่ยิ่งนัก!
จูนจิ่วกล่าว “พวกเขาควบคุมลานฝึกวิทยายุทธ์เฉียนคุนตั้งแต่เมื่อไร”
“ตอนที่พวกเจ้าประชันศึกกันที่เขตลับเทียนอู่ เทียนฉิวแฝงเข้ามาปิดล้อมลานฝึก ส่วนกองทัพเย่สองที่แม่นางจูนเหลือทิ้งไว้ก็อ่อนแอเกินไป ขนาดการซุ่มโจมตีของพวกมดยังต้านไม่อยู่” หากไม่ใช่เพราะจูนจิ่วเป็นนายน้อยของกองทัพเย่สิง โม่อู๋เยว่คงไม่อ้อมค้อมเช่นนี้ เขาคงวิจารณ์ตรงๆ ว่าเหมือนพวกไร้ค่าไม่มีผิด!
ถึงรู้ว่าเทียนฉิวแกร่งมาก แต่ได้เห็นกับตาว่าลานฝึกวิทยายุทธ์เฉียนคุนทรุดฮวบลงไปทั้งที่ยังไม่สามารถตอบโต้กลับได้เลย การเปรียบเทียบยิ่งเป็นที่ประจักษ์ง่ายขึ้น
ความต่างเช่นนี้ จูนจิ่วกลับไม่ได้รู้สึกสะพรึงกลัวและกริ่งเกรงแต่อย่างใด กลับกันเส้นเลือดกลับเดือดพล่าน อยากลองประชันกันเสียหน่อย! พวกอ่อนแอไม่มีความรู้สึก มีแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงมีคุณสมบัติกระตุ้นความสนใจของนางได้ PK เทียนฉิว ใครแพ้ใครชนะ?
จูนจิ่วมองรอบๆ ลานฝึกวิทยายุทธ์เฉียนคุนหนึ่งเที่ยว นางหรี่ตาลงอย่างเย็นชา “ศิษย์พี่และพวกท่านเหอเล่า?”
บนลานฝึกวิทยายุทธ์เฉียนคุน คนอื่นๆ ของสี่สำนักอยู่กันหมด แต่สำนักเทียนอู่จงดันเหลือแต่บรรดาศิษย์เท่านั้น ชิงหยู่และพวกท่านอาวุโสไม่เห็นเลยสักคน ส่วนลึกในใจของจูนจิ่วมีลางสังหรณ์ไม่ดีวูบหนึ่ง
“พวกเขาถูกเทียนฉิวนำตัวไปแล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากไปดูหรือไม่ จูนหยูนเสวี่ยก็อยู่ที่นั่น” โม่อู๋เยว่ก้มหน้าทอดมองจูนจิ่ว นัยน์ตามีเพียงเงาสะท้อนของนางคนเดียว
ในสายตาของเขาคนอื่นๆ ก็ไม่พ้นเป็นแค่พวกมดต่ำต้อย เป็นหรือตาย ล้วนไม่มีคุณสมบัติทำให้เขาลดเกียรติชายตาแล หรือแม้แต่เข้าไปสะเออะ เว้นเสียแต่เป็นคำร้องขอของจูนจิ่ว
“ดี” จูนจิ่วพยักหน้า
นางมาก็เพื่อตามหาชิงหยู่และพวกของจูนหยูนเสวี่ย ส่วนลานฝึกวิทยายุทธ์เฉียนคุนนอกจากศิษย์สำนักเทียนอู่จงและหยูนจ้งจิ่นแล้ว ก็ไม่มีใครให้นางต้องสนใจอีกเลย อย่างไรก็ตามยางเพิ่งพยักหน้า แทบเท้าก็มีเสียงร้องเหมียวๆ ประท้วงของเสี่ยวอู่ดังลอยมา
ต้นไม้นี้สูงเกินไป แล้วเสี่ยวอู่ก็ไม่กล้าออกแรงมากจนดึงความสนใจของทหารหน่วยกล้าตายเทียนฉิวด้วย ได้แต่ปีนต้วมเตี้ยมขึ้นมา กว่าจะขึ้นมาได้ก็แสนยากลำบากจูนจิ่วกลับคิดจะไปเสียแล้ว เสี่ยวอู่อยากร้องนัก
กระตุกมุมปากมองไปทางเสี่ยวอู๋ จูนจิ่วเปิดอ้าอ้อมอกโอบกอด “เจ้าขี้เกียจ มาเร็วข้าจะอุ้มเจ้าลงไป”
“เหมียว” นัยน์ตาวิฬารของเสี่ยวอู่วาววับ ถลาขึ้นมาอย่างปลื้มปริ่ม นั่งอยู่ในอ้อมแขนของจูนจิ่ว เสี่ยวอู่ยังทำสายตายั่วยุได้ใจใส่โม่อู่เยว่อีกด้วย
โม่อู่เยว่หัวเราะเสียงทุ้ม โอบจูนจิ่วเข้าสู้อ้อมอกเล็กน้อย เหมียว เสี่ยวอู่แนบอยู่ระหว่างโม่อู๋เยว่และจูนจิ่วอย่างเอาตาย นัยน์ตาวิฬารเบิกกว้าง ขัดขืนดิ้นรนวอนขอชีวิต เหมียวๆ ใกล้ถูกหนีบเป็นขนมอบแมวอยู่แล้ว เจ้านายช่วยชีวิตด้วย เหมียว
จนกระทั่งมาถึงห้องลงโทษ เสี่ยวอู่ถึงได้รับอิสระและมีอากาศ มันอ่อนเปลี้ยจนกลายเป็นขนมอบแมวหนึ่งชิ้นทรุดร่วงหอบหายใจลงกับพื้นอย่างกะปวกกะเปียก เสี่ยวอู่ประท้วงกับจูนจิ่วด้วยน้ำตาปริ่มขอบ โม่อู๋เยว่จงใจทำ
“เสี่ยวอู่ ซ่อนตัวไว้” จูนจิ่วทำสัญญาณมือ นางสาวเท้าเข้าใกล้ห้องลงโทษเสียงเบา
พวกเขาเพิ่งมาถึงห้องลงโทษ ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของจูนหยูนเสวี่ย แล้วก็เสียงร้องเตือนให้หยุดของพวกเหอซ่าน จูนจิ่วไม่เคยมาห้องลงโทษมาก่อน แต่การคุ้มกันที่นี่น้อยกว่าในลานฝึกวิทยายุทธ์เฉียนคุนอยู่มาก เสียเวลาสักพัก จูนจิ่วก็เข้าไปในห้องลงโทษได้สำเร็จ
นางหาพวกของเหอซ่านพบแล้ว และได้เห็นหญิงสาวชุดแดงสวยงามที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนั่งอยู่ในห้องลงโทษด้วย
นางไขว้ขานั่งบนเก้าอี้ ผ้ามุ้งโปร่งสีแดงบดบังส่วนสงวรอันเย่ายวนไว้ เพียงพอทำให้ชายหญิงคนแก่และเด็กเล็กเลือดเดือดพล่านได้ นางเป็นสามงามเลิศล้ำ และก็เป็นอสรพิษ จูนจิ่วหรี่ตาอย่างเย็นเยียบ ลางสังหรณ์บอกนางว่าผู้หญิงคนนี้อันตรายยิ่งนัก
“ไม่ต้องตีแล้ว หยุดก่อน”
“ถ้าเจ้าทำร้ายนายน้อยจนตาย พวกเรายิ่งไม่บอกเจ้าเด็ดขาด”
ได้ยินเสียงตะโกนของโจ๋วชิวและเหอซ่าน สายตาของจูนจิ่วเปลี่ยนทิศ ชิงหยู่และผู้อาวุโสสำนักเทียนอู่จงอยู่ที่นี่กันหมด พวกเขาถูกมัดติดกันเสา โซ่ตรวนหนาเตอะเส้นแล้วเส้นอีกกรีดผ่านกระดูกสะบัก เลือดสดๆ อาบย้อมครึ่งร่างท่อนบน บ่อเลือดที่รวมตัวกันตรงแทบเท้าก็แห้งเหือดไปตั้งนานแล้ว
จูนจิ่วเห็นดังนี้นัยน์ตาพลันหม่นแสง ไอสังหารกลั่นหลวม เสี่ยวอู่ร้องอุทานอยู่ในหัวของจูนจิ่วว่า เจ้านาย นี่นางทำให้พวกเขาพิการชัดๆ ช่างโหดร้ายนัก
ตรึงกระดูกสะบักเอาไว้ ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนพลังทิพย์ได้ ต่อให้ปลดสายโซ่ในภายหน้า จากทักษะการแพทย์ในโลกใบนี้คงไม่มีใครสามารถรักษาหายขาดได้ ท้ายที่สุดความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ปะทุลดทอนลงไม่ต่างจากคนพิการเลย เป็นวิธีการที่อำมหิตโหดเหี้ยมนัก
พอเห็นจูนหยูนเสวี่ย วิธีการยิ่งเหี้ยมเกรียมเข้าไปใหญ่ ถูกไล่ฆ่าจากเขตลับเทียนอู่จนออกมาอีกครั้งก็เป็นเวลาหนึ่งวัน จูนหยูนเสวี่ยกลับถูกทรมานคนไม่เหลือสภาพของคน บนร่างกายไม่มีผิวหนังที่สมบูรณ์เลยสักชิ้น
เสียงโม่อู๋เยว่ลอยมาบอกจูนจิ่ว “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เทียนฉิวกำลังหาของบางอย่าง”
“ข้ารู้ แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากหาอะไร อู่เยว่ ท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครหรือไม่” จูนจิ่วถามเขา
เมื่อได้ยิน โม่อู่เยว่ยืนอยู่เบื้องหลังจูนจิ่วก็เงยหน้าขึ้นมองหงยิง เขาหรี่ตาลงไม่ได้เอ่ยอะไร ท้ายที่สุดก็เป็นเหลิ่งยวนที่ค่อยๆ โผล่หน้าออกมาเอ่ยว่า “นางชื่อหงยิง ดูเหมือนมีตำแหน่งสูงในเทียนฉิว”
เหลิ่งยวนยืนในความมืด ดวงหน้าจืดเจื่อน เจ้านายของเขาไม่เคยชำเลืองมองหงยิงเลยสักแวบ นี่ก็เป็นเพราะจูนจิ่วเอ่ยขึ้นมาถึงได้เหลือบมอง แน่นอนว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ชื่อของหงยิง หญิงสาวงดงามเรือนร่างร้อนแรงคนนี้ ในสายตาโม่อู๋เยว่ไม่ต่างจากอากาศธาตุเลย
มองที่จูนจิ่ว เหลิ่งยวนคิดอยู่แวบๆ ว่าในสายตาของเจ้านาย ยังไม่งดงามเท่านิ้วมือเดียวของแม่นางจูนเลยด้วยซ้ำ
หงยิง?
จูนจิ่วเอ่ยในใจหนึ่งประโยค นางเงยหน้าขึ้นเห็นเพียงแต่หงยิงทำสัญญาณมือ มีทหารหน่วยกล้าตายเทียนฉิวถือเครื่องทรมานที่ลุกโชนสีแดงเพลิงเดินเข้าใกล้จูนหยูนเสวี่ยทันที จูนหยูนเสวี่ยกลัวจนร่างสั่นงั่ก ลำคอกรีดร้องโหยโหนตะโกนร้องหอชีวิตเสียงแหบพร่า “อย่านะ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย จ้าเป็นถึงเจ้านายของพวกเจ้าเชียวนะ”
ตรงหน้าเหอซ่านกับโจ๋วชิวได้แต่ทำหน้าร้อนรนกังวลใจ หวั่นวิตกเป็นอย่างมาก ทั้งโกรธจนลมแทบจับ แต่ก็มีท่าทางกีดฟันไม่ยอมเปิดปาก จูนหยูนเสวี่ยมองไปที่เครื่องทรมานอันร้อนลวกที่มันจวนใกล้หน้าของนางเข้ามาแล้ว
นางแหกปากร้องลั่น “อย่าเข้ามา ข้าไม่ใช่นายน้อยของกองทัพเย่สิง พวกเจ้าจับผิดตัวแล้ว ข้าเปล่านะ จูนจิ่วนังแพศยาคนนั้นต่างหาก!