บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 259 จูนหยูนเสวี่ยสมควรตาย
บทที่ 259 จูนหยูนเสวี่ยสมควรตาย
จูนหยูนเสวี่ยทนไม่ได้กับการกรีดแทงนี้ นางใช้ท้ายทอยกระแทกเสาด้านหลังอย่างบ้าคลั่ง จ้องจูนจิ่วอย่างเอาตาย ดวงตาสองข้างของนางแทบถลนออกมาจากเบ้า
นางไม่เชื่อ! แต่นี่คือความจริง นางเป็นเป้าล่อของจูนจิ่วมากว่าค่อนครึ่งปี นางคิดไปเองว่าตนแย่งชิงฐานะของจูนจิ่วและจะสง่างามราบรื่นนับแต่นี้ไป กลับไม่รู้เลยว่านางถูกเปิดเผยมานานแล้ว เมื่อก่อนคนพวกนี้มองนาง คงมองเหมือนเป็นคนโง่สินะ
จูนหยูนเสวี่ยที่เจ็บปวดไปทั่วร่างทุบหัวเลือดอาบคงไม่นับว่าเป็นอะไร นางทรมานเจียนบ้าแล้ว! คนไม่เหมือนคน น่าเวทนายิ่งกว่าผี อึกๆ! ส่งเสียงร้องในลำคอ จูนหยูนเสวี่ยดูเหมือนจะร้องตะโกนใส่จูนจิ่ว
จูนจิ่วหัวเราะหยัน มองนางอย่างเย็นชา “ทำไม รับไม่ได้หรือ?”
“อึกๆ!”
“จูนหยูนเสวี่ยเข้าไม่รู้สึกเชียวหรือว่าตัวเองไร้ยางอายน่าขยะแขยง ไม่สิ ครอบครัวไร้ยางอายกันหมด จิตใจต่ำช้า น่าขยะแขยง! กองทัพเย่สิงส่งสมบัตินับไม่ถ้วนมาให้ทุกปี ก็เพียงเพื่อให้ข้าใช้ชีวิตในตระกูลจูนอย่างปลอดภัย แต่พวกเจ้าทำอย่างไรเล่า?” น้ำเสียงของจูนจิ่วเย็นเยียบกระหายเลือด
นางเอ่ยต่อไป “ทุบตี อัปยศอดสู ลงมือเหี้ยมเกรียม ยึดครองสมบัติล้ำค่าไม่จบสิ้น คิดอยากแย่งชิงฐานะสวมรอยเป็นนายน้อยกองทัพเย่สิงแทน ข้าแค่อยากขึ้นฟ้าด้วยก้าวเดียว กลับไม่คิดอยากจ่ายค่างวด เจ็บหรือไม่? นี่เรียกว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นตามสนอง”
คนชั่วมักจะชั่วไปตลอดกาล ชั่วมาจากแกนกระดูกจากจิตวิญญาณ จิตใจต่ำช้าอำมหิต ตายไปก็ไม่นึกเสียดาย
กลับจ้องนางด้วยความเคียดแค้ยสุดขีด จูนหยูนเสวี่ยยิ่งโลกเสาดังปึงๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้เลือดท่วมหัวก็ไม่หยุด นางอยากใช้วิธีนี้ทำให้ทหารหน่วยกล้าเทียนฉิวที่อยู่ข้างนอกค้นพบ จากนั้นก็เข้ามาจับตัวจูนจิ่วไป!
ครั้นมองทะลุถึงความคิดของนาง จูนจิ่วก้ส่ายหน้าเย้ยหยัน “อย่าขัดขืนเสียแรงเปล่าเลย ที่นี่ได้ถูกฉากกันของอู่เยว่ปิดล้อมเอาไว้แล้ว ไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใดๆ จากด้านนอก
การเคลื่อนไหวกระแทกศีรษะของจูนหยูนเสวี่ยชะงักกึก นางเบิกตากว้าง จ้องจูนจิ่วอย่างอย่างเกลียดชังสุดชีวิต เสียงร้องอึกๆ ในปากแสดงถึงความสิ้นหวังและบ้าคลั่ง จูนจิ่วไม่มองนางแม้แต่น้อย หมุนกายมองไปทางพวกของชิงหยู่ จูนจิ่วเอ่ยว่า “ข้าจะช่วยพวกท่านก่อน”
“ไม่นะ! ศิษย์น้องเจ้าอย่าสนใจพวกเรา เจ้ารีบหนีไป! หงยิงเป็นนักจิตใหญ่ กระดูกสะบักของพวกเขาถูกทำร้ายไม่สามารถใช้งานลมปราณได้ เจ้าพาพวกเราไปด้วยคงหนีได้ไม่ไกล! ศิษย์น้อง คนที่หงิยงต้องการจับคือเจ้า เจ้าหนีเร็ว!” ชิงหยู่ร้อนรน
เขาเห็นเองกับตา การทรมานทุกอย่างที่หงยิงกระทำต่อจูนหยูนเสวี่ย โหดเหี้ยมจนผู้คนขนลุกขนตั้ง! เขากลัวว่าจูนจิ่วจะถูกจับ พวกเหอซ่านไหนเลยจะไม่เคยแบบนี้ ทุกคนต่างเอ่ยปากให้จูนจิ่วหนีไป อย่าช่วยพวกเขา! “นายน้อยท่านรีบหนีเร็ว ขอเพียงนายน้อยปลอดภัยพวกเราตายก็ไม่เสียใจ! นายน้อยหนีไปเร็วสิ!”
“เก็บแรงไว้หน่อย เอาไว้ใช้ตอนออกไป ข้าหมอเทวดาจูนจิ่วถึงแม้ไร้ปรานี แต่คงทำเรื่องไร้สัตย์ไร้ใจไม่ได้” นัยน์ตาลุมลึกของจูนจิ่วมองที่พวกเขา ปริปากเอ่ยวาจา
ถ้าหากทิ้งพวกเขาไว้หงยิงกลับมา พวกเขาจักต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ซ้ำยังได้รับการทรมานปางตาย จูนจิ่วไม่อาจไม่สนใจความเป็นตายของพวกเขาหนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว แต่หงยิงเป็นถึงนักจิตใหญ่ นี่มันเป็นปัญหาแล้ว ทอดตาแลสำนักทั้งห้าผู้ที่พลังแข็งแกร่งที่สุดก็มีแต่นักจิตขั้นเก้า ทว่าเห็นความร้ายกาจของนักจิตแล้ว เรียกได้ว่าคงไร้ศัตรู
นางจะช่วยชีวิตพวกเขาออกไปอย่างราบรื่นได้อย่างไร?
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากช่วยพวกเขา? ข้ามีหนึ่งวิธี” เสียงของโม่อู่เยว่ลอยเข้ามาในโสตหูของจูนจิ่ว ทุ้มต่ำมีอำนาจดึงดูด คราวนี้กลุ่มคนจึงมองเห็นว่าโม่อู๋เยว่ก็อยู่ในห้อง เขาไม่พูดก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา!
หมุนกายมองทางโม่อู๋เยว่ จูนจิ่วเลิกคิ้วปริปาก “วิธีอะไร?”
“วิธีนี้ทำให้เจ้าช่วยชีวิตพวกเขา ช่วยชีวิตทุกคนได้ ซ้ำยังสามารถฆ่าเทียนฉิวได้ด้วย แต่เจ้าต้องจ่ายราคาแลกเปลี่ยน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้ายังเต็มใจอยู่หรือไม่?” โม่อู๋เยว่ทอดตามองจูนจิ่ว มุมปากแย้มรอยยิ้มชั่วร้ายแสนอันตราย เขาอดใจรอให้จูนจิ่วทำการตัดสินใจ
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าคำตอบของจูนจิ่วจะเร็วขนาดนี้ นางพยักหน้าแทบจะในทันทีที่เขาเพิ่งกล่าวจบ
“มีวิธีทำไมจะไม่ใช้กันเล่า ว่ามาเถิด เป็นวิธีอะไร” จูนจิ่วกล่าว มือกำโยวยิ่งเดินไปข้างหน้าและตัดโซ่เหล็กที่เฉือนทะลุกระดูกสะบักให้แก่พวกชิงหยู่ กระชากสายตรวนออกทีละโซ่ ร่างกายของพวกชิงหยู่เจ็บจนบิดเกร็งโดยสัญชาตญาณ เหงื่อกาฬท่วมศีรษะ
ยังคิดอยากเตือนจูนจิ่วว่าอย่าสนใจพวกเขา หลังจากสบสายตากับจูนจิ่วก็นิ่งเงียบไป ดวงตาของนางเย็นเยียบแน่วแน่ ไม่ยอมให้ปฏิเสธ และไม่อาจเปลี่ยนความคิดของตัวเองเป็นอันขาด
กลุ่มคนสนสายตากัน ชิงหยู่เอ่ยว่า “ปรับลมปราณ รีบฟื้นพลังกายโดยเร็วที่สุดอย่าเป็นตัวถ่วงให้กับศิษย์น้อง ศิษย์น้องเจ้ายังมียาลูกกลอนของเขตลับเทียนอู่อยู่หรือไม่”
“ยาฟื้นฟูจิต? ยังมี” จูนจิ่วเอายาฟื้นฟูพลังจิตให้คนละขวด สิ่งนี้มีประสิทธิภาพมากกว่ายาฟื้นฟูจิต ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว จูนจิ่วเห็นว่าโม่อู่เยว่ไม่ตอบคำถาม จึงเหลียวไปมองทางโม่อู่เยว่ในบัดดล สงสัยไม่เข้าใจ “อู๋เยว่?”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าหลับตาลง”
โม่อู๋เยว่เงาร่างไหววูบปรากฏตัวอยู่หน้าตน เห็นเขาโน้มกายเข้าใกล้ จูนจิ่วชะงักไปครู่หนึ่งก่อนหลับตาลง นี่โม่อู๋เยว่จะพร่ำสอนความรู้แห่งสติหรือ? เหมือนกับในห้องหนังสือลับของสำนักเทียนโจ้งไม่มีผิด
อย่างไรก็ตามพออยู่ในสายตาของชิงหยู่และคนอื่นๆ ได้เห็นหน้าผากของจูนจิ่วและโม่อู๋เยว่โน้มประสานกัน ทั้งสองต่างหลับตาลง หนุ่มรูปงามทรงเสน่ห์ สาวงามพิลาศลักษณ์ ฉากภาพเช่นนี้สวยงามจนลั่นฟ้าสะเทือนดิน แต่ว่า…การดำรงอยู่ของพวกเขามันเป็นส่วนเกินใช่หรือไม่?
ชิงหยู่นิ่งงัน ศิษย์น้องกับผู้อาวุโสโม่ถึงขั้นมีความสัมพันธ์กันระดับนี้หรือ?
สามวินาทีให้หลังก็แยกจากกัน บนเรียวปากบางของโม่อู๋เยว่แย้มรอยยิ้มชั่วร้าย “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จำได้หรือไม่”
นี่คือค่ายกลอย่างหนึ่ง มหาค่ายกลกบฏสวรรค์! นึกถึงความรู้แห่งสติที่โม่อู๋เยว่ได้ถ่ายทอดให้แก่นางเมื่อครู่ด้วยความเร็วไร้ลิมิต นัยน์ตาจูนจิ่วฉายประกายระยับ ขอเพียงวางค่ายกลนี้ออกไป อย่าว่าแต่อันตรายของสำนักเทียนอู่จงจะคลี่คลายไปเลย ถึงตอนนั้นก็คงเป็นจุดจบของเทียนฉิว
การพลิกผันสถานการณ์ สิ่งนี้ทำได้รวดเร็วง่ายดายกว่าวิธีอื่นใด อีกอย่างนางยังเรียนรู้ถึงค่ายกลใหญ่กบฏสวรรค์อีกด้วย กำไรแล้ว
จูนจิ่วยิ้มมุมปากพยักหน้า “ข้าออกไปลองดู พวกเจ้าพักผ่อนพอหรือยัง? พวกเราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้ ข้าส่งพวกเจ้าไปรวมกันพวกกู่ซงก่อน จากนั้นมอบเทียนฉิวให้ข้า”
“แล้วสินค้าปลอมแปลงอันนี้จะจัดการอย่างไร” เหอซ่านกับโจ๋วชิวพยุงกันขึ้นมา สายตาเย็นชาขยะแขยงโปรยตกที่ร่างของจูนหยูนเสวี่ย โจ๋วชิวกล่าวเดือดดาล “ฆ่านางเสีย!”
ความหยิ่งผยองของจูนหยูนเสวี่ยในช่วงครึ่งปีนี้ไม่เพียงแต่บีบเขาจวนเจียนคลุ้มคลั่ง อีกอย่างจูนหยูนเสวียและพ่อของนางทำเรื่องชั่วช้านับไม่ถ้วน ยึดเอาสมบัติซ้ำยังลบหลู่นายน้อย หากไม่ใช่เพราะพ่อของจูนหยูนเสวี่ยถูกนายน้อยฆ่าไปตั้งแต่ต้น พวกเขากองทัพเย่สิงแทบอดใจรอไม่ไหวอยากแล่เนื้อเถือหนังพวกเขาเสีย
หากไม่เพราะเหอซ่านจุดประกาย เขายังคิดจริงๆ ว่าจูนหยูนเสวี่ยเป็นนายน้อย คนไร้ยางอาจใจต่ำช้าเยี่ยงนี้ สมควรฆ่าสมควรตาย!
“นางตายไม่ได้ พวกเรายังต้องการนางไปทำเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่ง” จูนจิ่วดีดนิ้ว เข็มเงินหลายเล่มจมเข้าไปในร่างของจูนหยูนเสวี่ย จูนจิ่วยืนอยู่เบื้องหน้าของจูนหยูนเสวี่ย นัยน์ตาเปล่งประกาย ส่งพลังจิตเจ้าเข้าไปในสมองของจูนหยูนเสวี่ย
นางเอ่ยปาก “เจ้าอยากรอดชีวิต หลังจากที่ข้าปล่อยเจ้า ให้เปิดประตูบานนี้พุ่งออกไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“อื้อ” จูนหยูนเสวี่ยพยักหน้าอย่างอึนๆ
จูนจิ่วยกมือขึ้นโบกโยวยิ่ง ตัดโซ่เหล็กบนร่างของจูนหยูเสวี่ยออก นางถูกทรมานคนไม่เหลือสภาพมนุษย์ ขาสองข้างผิดรูปตั้งแต่ต้น ทว่าหลังจากเหยียบลงบนพื้นกลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ผลักเปิดประตูพุ่งออกไปด้วยความไวปานลม..