บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 270 ห้องสมบัติลับ
บทที่ 270 ห้องสมบัติลับ
จูนจิ่วพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “โจ๋วชิวเป็นอย่างไรบ้าง”
ได้ยินจูนจิ่วถามเขา ซึ่งหมายความว่าเชื่อเขาแล้ว เหยียนไห่ใบหน้าแสดงออกถึงความดีใจ แต่ในไม่ช้าก็เก็บดาบตอบอย่างจริงจัง: “รองเจ้าสำนักโจ่ตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก เพราะเขาเป็นหนึ่งในผู้นำของการกองทัพเย่สิง เจ้าสำนักและผู้อาวุโสต่างกีดกันและสงสัยในตัวเขา ทั่วทั้งเจี้ยนจง มีเพียงคนส่วนน้อยที่ยังยืนอยู่เคียงข้างรองเจ้าสำนักโจ่”
“ออ?” จูนจิ่วเลิกคิ้ว พูดหยอกล้อเล็กน้อย: “ยังมีคนยืนเคียงข้างโจ๋วชิวอีกด้วย ต้องการให้เขาส่งตัวข้าไปเพื่อทำความดีลบล้างความผิดสินะ?”
“จูนจิ่วเจ้ารู้ได้อย่างไร?” เหยียนไห่ค่อนข้างตกใจ
จูนจิ่วไม่ได้ตอบ นี่มองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ? การกดดันลแะคำสั่งของหงยิง ทำให้เจี้ยนจงและสำนักอื่นต้องการจับนาง สาวกที่ยังคงติดตามโจ๋วชิวก็ต้องหวังว่าเขาจะสามารถจับนางได้ทั้งนั้น เพื่อทำความดีลบล้างความผิด! มิเช่นนั้น ทำไมโจ๋วชิวไม่ส่งคนของตนเองไป กลับให้เหยียนไห่มานำทาง
ดวงตามองไปที่เหยียนไห่อย่างจืดจาง จูนจิ่วถามเขา: “โจ๋วชิวได้บอกหรือไม่ว่าหลังจากขึ้นเขาเจอกันที่ใด?”
“บอก ไปที่จูนหยูนเสวี่ยเคยอาศัย ข้ารู้ตำแหน่งของที่นี่”
เป็นเวลากลางคืน พวกเขาขึ้นไปบนเขาท่ามกลางความมืดมิด
เจี้ยนจงเต็มไปด้วยภัยอันตรายจากธรรมชาติ ต่อให้มีเหยียนไห่นำทางก็ต้องระมัดระวัง เดินก้าวทีละก้าวอย่างมั่นคง มิฉะนั้นเมื่อตกลงมาจากภูเขาสูงชัน ตัวจะแหลกละเอียดเก็บกระดูกกลับมาไม่ได้ด้วยซ้ำ
แม่ว่าตลอดทางจะเดินช้า เดินอย่างอันตราย แต่อย่างน้อยก็สงบไม่พบเจอกับสาวกของเจี้ยนจง หลังจากเข้าสำนักของสำนักเจี้ยนจง เหยียนไห่เลือกสถานที่ที่เงียบสงบไม่มีคนพาพวกจูนจิ่วไป เช่นนี้ถึงจะสามารถหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะพบผู้คนได้มากที่สุด
เหยียนไห่ไม่กังวลเกี่ยวกับพวกจูนจิ่ว สิ่งที่เขากังวลคือสาวกของเจี้ยนจง เมื่อพบเข้าแล้ว คนที่ตายจะต้องเป็นพวกเขา!
ทันได้นั้นก็ได้ยินเสียงกู่ฉินดังมาแต่ไกล จูนจิ่วหยุดขณะและเงยหน้าขึ้นมอง นางถาม: “คืนนี้ที่เจี้ยนจงมีเรื่องอะไรหรือ?”
“คนของชางไห่จงมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของสำนักเทียนอู่จงของพวกเจ้า แล้วก็เจ้าจูนจิ่ว” ขณะที่เหยียนไห่พูด น้ำเสียงและท่าทางกระอักกระอ่วนมาก สำนักของเขากำลังหารือเกี่ยวกับการร่วมมือกับชางไห่จง บังคับให้สำนักเทียนอู่จงส่งมอบจูนจิ่วด้วยกัน และตอนนี้กลับพาจูนจิ่วเข้าไปในเจี้ยนจงด้วยตนเอง
จูนเสี่ยวเหล่ยพูดอย่างโมโห: “หน้าด้านจริงๆ! พวกเขาจะมาก็ให้พวกเขาเลย คอยดูสิสำนักเทียนอู่จงยังมีพี่จิ่วมีหรือจะไม่สั่งสอนพวกเขา!”
“ถูกต้อง พวกข้ากับอาจารย์อาเอาชนะเขาด้วยกัน!” หวางฉี่อ๋างถือกำปั้นโบกไปมา ดวงตาโกรธ
เหยียนไห่ได้ยินดังนั้นจึงมองไปที่จูนเสี่ยวเหล่ยด้วยความประหลาดใจ เขาตะลึงและงงงวย “จูนเสี่ยวเหล่ยเจ้าก็เป็นสาวกของชางไห่จงไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ใช่แล้ว! จูนเสี่ยวเหล่ยเป็นคนของพี่จิ่ว ใครก็ตามที่เป็นศัตรูของพี่จิ่วก็คือศัตรูของจูนเสี่ยวเหล่ย! ตอนนี้ข้าจะเข้าร่วมสำนักเทียนอู่จง เมื่อข้ากลับไปก็จะสมัครเข้าร่วมสำนักเทียนอู่จง” จูนเสี่ยวเหล่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ! หวางฉี่อ๋างฟังแล้วดีใจเป็นที่สุด ตบหน้าอกเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะผลักดันให้จูนเสี่ยวเหล่ยเข้าร่วมแน่นอน
มองไปที่พวกเขาด้วยรอยยิ้ม จูนจิ่วยกริมฝีปาก: “เอาล่ะ ไปกันเถิด”
ถึงที่พักอาศัยของจูนเสว่เอ๋อร์อย่างราบรื่นแล้ว นางในฐานะสาวกโดยตรงของเจ้าสำนักเจี้ยนจง ต่อให้เป็นเพียงแค่การรับไว้เพราะความเมตตาของเจ้าสำนักเจี้ยนจงก็ตาม อยู่ที่เจี้ยนจงก็ได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ เพียงแค่ดูที่อยู่อาศัยที่หรูหรางดงามก็ดูออกแล้ว
ตั้งแต่จูนหยูนเสวี่ยตาย ที่แห่งนี้ก็ว่างไม่มีผู้ใดมาอีก พวกจูนจิ่วเดินเข้าไปทางประตูหลัง โจ๋วชิวรออยู่ที่นี่นานแล้ว
เมื่อเห็นจูนจิ่ว โจ๋วชิวรีบเดินมา กำลังจะเอ่ยเรียกแม่นายขึ้น แต่เมื่อเห็นเหยียนไห่ก็กลืนคำพูดกลับไป เขามองไปที่เหยียนไห่อย่างจริงจัง พูดขึ้น: “เหยียนไห่เจ้าออกไปเฝ้าไว้ พวกเจ้าสองคนด้วย มีผู้ใดมาก็ตามรีบแจ้งพวกข้า!”
และโจ๋วชิวก็มองไปที่หวางฉี่อ๋างและจูนเสี่ยวเหล่ยพูดขึ้น พวกเขาสองคนรู้ว่าจูนจิ่วคือแม่นายแห่งกองทัพเย่สิง จึงไม่น่าแปลกใจเลย รีบพยักหน้า ยังอยู่ซ้ายหนึ่งขวาหนึ่งพาเหยียนไห่ข้ามกำแพงออกไปเฝ้ายาม
รอรอบด้านเหลือเพียงเขาและจูนจิ่ว โจ๋วชิวรีบแสดงความเคารพทันที “โจ๋วชิวไหว้เคารพแม่นาย”
“ของของจูนหยูนเสวี่ยเก็บไว้ที่นี่หรือ?”
“ขอรับ แน่นายเชิญมากับข้า” โจ๋วชิวสะบัดแขนเสื้อหันไป เดินนำทางอยู่ข้างหน้า จูนหยูนเสวี่ยเหมือนได้รับทรัพย์สินโดยมิชอบ หลังจากได้สมบัติแล้วก็เก็บมันไว้ไม่ให้คลาดสายตาทุกวัน อย่างไรก็อยู่ในสถานะที่ขโมยมา กลัวว่าจะต้องรู้ทันตัวตนสูญเสียทุกอย่าง
แผนการเล็กน้อยของนาง ทุกอย่างในสายตาของโจ๋วชิว ที่ซ่อนของของจูนหยูนเสวี่ย เขาไม่เพียงรู้อย่างชัดเจน ยังแอบซ่อนกุญแจดอกหนึ่งอีกด้วย
โจ๋วชิวเปิดห้องลับ พูดขึ้น: “แม่นาย ของทุกอย่างที่จูนหยูนเสวี่ยเอาไปอยู่ที่นี่ นอกจากหินทิพย์บางชิ้นที่ใช้แล้ว อย่างอื่นยังอยู่”
จูนจิ่วเดินเข้าไปในห้องลับ เงยหน้ามองของในห้องลับ เสี่ยวอู่ก้าวเดินไปรอบๆ ในห้องลับ เงยหน้ามองไปที่จูนจิ่วถามในใจ: “เจ้านาย ที่นี่มีสมบัติหรือไม่?”
“สำหรับห้าสำนักสิบประเทศ ของเหล่านี้ถือเป็นสมบัติทั้งหมด แต่ไม่มีของแบบที่เทียงฉิวต้องการ ไม่มีผู้ใดรู้ ทำได้เพียงค่อยๆ หา” จูนจิ่วตอบ
สิ่งที่เทียงฉิวต้องการคือของที่จูนหมิงเย่สองสามีภรรยา ทิ้งเอาไว้ แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าคืออะไร ทำได้เพียงคาดเดาว่าอาจจะอยู่ในสิ่งเหล่านี้?
……
ข้างนอกห้องลับ เหยียนไห่และจูนเสี่ยวเหล่ย หวางฉี่อ๋างยืนเฝ้าอยู่ด้วยกัน เขาต้องการจะถาม แต่รู้ว่าจูนเสี่ยวเหล่ยและหวางฉี่อ๋างไม่เชื่อเขา ถามไปก็ไม่ความอะไร จึงทำได้เพียงกอดดาบปิดปากพิงกำแพงไว้ เหยียนไห่ไม่รู้ ขณะนี้กำลังมีคนมาหาเขา
กูซูหยิงมาที่เจี้ยนจงพร้อมกับชางไห่จง นางไม่เห็นเหยียนไห่ในงานเลี้ยง ตั้งใจหาข้ออ้าง แอบถามทางตลอดทางเพื่อหาที่อยู่ของเหยียนไห่
เงยหน้ามองไป ห้องมืดสนิทและเงียบเสียงสามารถได้ยินเสียงเข็มตก ไม่มีใครเลย กูซูหยิงรู้สึกประหลาดใจ “ไหนบอกว่าเหยียนไห่ไม่สบาย กลับไปพักผ่อนที่เรือนไม่ใช่หรือ?”
นางกลอกตาไปมา หลังจากออกไปดักสาวกคนหนึ่งที่เดินผ่านมาถาม นางถาม: “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหยียนไห่ไปที่ใดแล้ว? ไม่สิ เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้ทั้งวันเหยียนไห่ไปที่ใดมาบ้าง?”
“ศิษย์พี่เหยียนไห่? ศิษย์พี่เหยียนไห่เขาลงเข้าแล้ว”
“ลงเขา!” กูซูหยิงประหลาดใจ เหยียนไห่ไม่มีอะไรลงเขาทำไม? ขณะที่สงสัยฉันได้ยินสาวกผู้นั้นพูดต่อไป: “แต่ก่อนที่ศิษย์พี่เหยียนไห่จะลงเขาได้ไปพบกับรองเจ้าสำนัก ศิษย์พี่ชางไห่จงผู้นี้ ท่านหาศิษย์พี่เหยียนไห่มีเรื่องอะไรหรือ?”
กูซูหยิงตะลึง เงียบไม่ตอบอยู่เป็นเวลานาน
สายตาของนางเหม่อลอย แสดงออกบนใบหน้าก็งงงวยเช่นกัน ก่อนเหยียนไห่ลงเขาได้พบกับรองเจ้าสำนักโจ๋วชิว เขาเป็นผู้นำของกองทัพเย่สิงไม่ใช่หรือ? หรือว่า! การคาดเดาแวบขึ้นในใจ กูซูหยิงตกใจมากจนตนเองหายใจเข้า หันจากไปทันที
เหลือเพียงสาวกผู้นั้นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความงงงวย ศิษย์พี่ชางไห่จงผู้นี้เป็นอะไร?
กลับไปที่งานเลี้ยง กูซูหยิงซึ่งจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวถูกผู้อาวุโสของชางไห่จงพบว่าไม่ปกติในทันที รีบถามนาง “กูซูหยิงเจ้าเป็นอะไร?”
“ไม่ ไม่เป็นอะไร! ข้าก็แค่เพิ่งไปหาเหยียนไห่มา” กูซูหยิงตอบกลับ จากนั้นตระหนักว่าปฏิกิริยาของตนเองชัดเจนเกินไปจึงรีบกระตุกมุมปาก อธิบาย
แต่นางไม่รู้ว่าคำอธิบายของนางนี้ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร สุดท้ายมันก็กลายเป็นปัญหาใหญ่!