บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 279 เทิดทูนทั้งดวงใจ
บทที่ 279 เทิดทูนทั้งดวงใจ
“เจ๋งหรือไม่?” ชิงหยู่ทำหน้าเหลอหลา
บัดนั้นจูนจิ่วชะงักงัน ก่อนอธิบายอย่างใจเย็น “ก็หมายความว่าเก่งหรือไม่เก่งนั่นแหละ”
ชิงหยู่ว่า “เก่ง! ศิษย์น้องเจ๋งที่สุดเลย!”
“จูนจิ่วเจ๋งๆๆ พวกเรายอมแล้ว! ทำตามที่เจ้าพูดมาทั้งหมดเถอะ ข้าจะไปคัดศิษย์มุ่งหน้าสู่สำนักชางไห่จง” ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยปริปากเอ่ยวาจา
บัดนั้นทุกผู้คนต่างสรรเสริญว่าจูนจิ่วเจ๋งนัก เดิมทีเผลอโพล่งออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้ได้ยินคำว่าเจ๋งๆ กองอยู่ข้างหู จูนจิ่วลอบกุมหน้าผาก ทำไมตนต้องพูดว่าเจ๋งหรือไม่ด้วย? ปรายตามองผู้อาวุโสโจวเตี๋ย จูนจิ่วเลิกคิ้วเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยท่านขาวขึ้น”
นี่นางไม่ได้กำลังเปลี่ยนประเด็นจริงๆ หากแต่ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยขาวขึ้นแล้วจริงๆ ไม่ได้ดำเมื่อมเห็นแต่ฟันอีกต่อไป ตอนนี้ผิวพรรณเป็นสีข้าวสาลีแลดูสุขภาพดี รูปลักษณ์ดูดีขึ้นเป็นกอง ท่วงท่าอิริยาบถแสนฮึกหาญ!
ครั้นได้ยินจูนจิ่วกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยมีความกระดากอายฉายอยู่บนใบหน้าเล็กน้อย เขากล่าวต่ออย่างมีความสุขว่า “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะน้ำแร่ของเจ้านั่นแหละจูนจิ่ว หลังจากข้าดื่มแล้ว ผิวนี้ก็นับวันยิ่งไม่คล้ำ ไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะขาวขึ้นได้อีกหรือไม่ แต่ว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ดูดี!”
“ไม่เพียงผู้อาวุโสโจวเตี๋ยที่ขาวขึ้นเท่านั้น พวกข้าบริโภคน้ำแร่แล้ว ความแข็งแกร่งมีมากทวีคูณด้วยเช่นกัน” ผู้อาวุโสเฉียนลูบไล้หนวดเครา เขาเป็นผู้อาวุโสที่ร้ายกาจที่สุดในเทียนอู่จงมาโดยตลอด มองทางจูนจิ่วกลับยิ้มตาหยีดูมีความสุขมากกว่าใครทั้งนั้น
พวกผู้อาวุโสไม่กี่คนต่างสบตากันปราดหนึ่ง อดทยอยมองไปทางชิงหยู่ไม่ได้ คุณงามความดียิ่งใหญ่ที่สุดทั้งชีวิตของเจ้าสำนัก นั่นก็คือการชิงตัวจูนจิ่วมาที่สำนักเทียนอู่จง!
ดาวเจ้าสำนักก็คือพรของสำนักเทียนอู่จงของพวกเขา มหาวีรบุรุษ! ใครกล้ารังแกดาวเจ้าสำนัก พวกเขาสำนักเทียนอู่จงจักลงมือกันทั้งสำนัก ไล่หวดมันจนตาย ส่วนความเห็นของจูนจิ่ว พวกเขาก็เห็นด้วยโดยที่แทบจะไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด
หลังจากได้ยินคำติชมของพวกเขาแล้ว จูนจิ่วก็ไปชมน้ำแร่หลังเขาเป็นการเฉพาะ ชิงหยู่คอยเดินอยู่เคียงข้าง เขาเดินไปพลางปริปากเอ่ยไปด้วย “หลังจากดื่มน้ำแร่แล้ว ศิษย์สองในสามทั้งบนล่างทั่วทั้งสำนักต่างก็ทะลวงด่านสำเร็จ ความแข็งแกร่งทวีคูณ ส่วนหนึ่งในสามที่เหลือถึงจะไม่ได้ทะลวงด่าน แต่ร่างกายและพลังล้วนก้าวหน้าขึ้นทั้งนั้น”
“อืม” จูนจิ่วพยักหน้า นางมองไปทางชิงหยู่ “แล้วศิษย์พี่เล่า?”
“ข้าไม่มีผลอะไรเลย ผู้อาวุโสเฉียน ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยและคนอื่นๆ ติดอยู่ในดินแดนแห่งนั้นมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นผลลัพธ์จึงชัดเจน แต่ศิษย์พี่ของเจ้าอย่างข้าก้าวหน้าไวมาก ไม่พร่องพรสวรรค์ไม่ขาดความแข็งแกร่ง ดังนั้นน้ำแร่นี้จึงไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อข้าเด่นชัดนัก”
น้ำเสียงของชิงหยู่ยังคงอิสระเสรีและผ่อนคลาย ไม่ได้พัฒนาก้าวหน้าทั่วทั้งสำนักแต่อย่างใด มีเพียงเขาที่แน่นิ่งอยู่กับที่หัวเสียและไม่ยินยอม เขาระหกระเหิน ราวกับลมพระพายร่ำน้ำจัณฑ์เมามายระลอกหนึ่ง
มุมปากโค้งเล็กน้อย จูนจิ่วยื่นมือออกไปวางต่อหน้าของชิงหยู่ “สิ่งนี้มอบให้แก่ศิษย์พี่”
“คืออะไร”
“น้ำหยกทิพย์ น้ำจากบ่อน้ำแร่ เป็นน้ำหยกทิพย์ที่หล่อหลอมบีบอัดแล้วค่อยๆ ถูกน้ำแร่แกว่งสลายอย่างช้าๆ สามารถเก็บไว้ดื่มได้หลายปี ในเมื่อสิ่งนั้นไม่มีผลต่อศิษย์พี่ ศิษย์พี่ก็ลองดื่มน้ำหยกทิพย์นี่ดูเสียเลย” เยว่เชียนฮวน มอบน้ำหยกทิพย์หนึ่งหยดให้แก่ชิงหยู่
ไม่รอให้ชิงหยู่ตอบกลับ จูนจิ่วก็เดินไปย่อตัวลงที่บ่อน้ำแร่และปลดกระเป๋าผ้าฝ้ายออกจากช่วงเอว
ชิงหยู่เดินเข้าไปมองด้วยความสงสัย ในถุงผ้าฝ้ายบรรจุพืชประหลาดใบอ่อนสองใบ มันดูเหมือนมีชีวิต และหดตัวอยู่ในฝ่ามือของจูนจิ่วด้วยความหวาดกลัว เห็นเพียงแต่จูนจิ่วแบมือออก แล้ววางพืชขนาดเล็กลงไปในน้ำที่ปากบ่อน้ำแร่
ชิงหยู่เลิ่กลั่ก “ศิษย์น้อง นี่คืออะไร”
“เมล็ดหยก น้ำหยกทิพย์ในมือของท่านก็หลั่นหลอมออกมาจากมันนี่แหละ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชิงหยู่ก็ประหลาดใจเป็นที่สุด เมล็ดหยก…การกลายพันธุ์ของหยกทิพย์ในตำนาน ก็คือสิ่งนี้เองหรือ? เมื่อมองไปที่เมล็ดหยกที่คลี่แผ่ร่างสั่นระริกอยู่ในน้ำแร่ หยาดน้ำแตกฉานซ่านเซ็น สิ่งที่มหัศจรรย์มากที่สุดคือหยาดน้ำที่กลิ้งหล่นลงมาจากใบเมล็ดหยกนั้นต่างทอประกายแสงจางๆ
“นี่มันกำลังทำอะไร” ชิงหยู่ถาม
จูนจิ่วว่า “อาบน้ำ ทั่วตัวของเมล็ดหยกล้วนเปี่ยมด้วยสมบัติ น้ำที่ไหลผ่านมันก็สามารถกลายเป็นน้ำทิพย์ที่มีพลังทิพย์บรรจุอยู่ ทั้งบนล่างสำนักเทียนอู่จงล้วนมีพัฒนาการและทะลวงด่าน หากให้เมล็ดหยกควบกลั่นพลังงานในน้ำอีกสักหน่อย สิ่งนี้ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าน้ำหยกทิพย์”
ได้ยินคำตอบของจูนจิ่ว ชิงหยู่เหมือนจะพูดแต่ก็ชะงักไป นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องดื่มน้ำอาบน้ำของเมล็ดหยกกันหมดหรอกหรือ
ก่อนก้มหน้ามองน้ำหยกทิพย์กลางฝ่ามือของตนอีกครั้ง ชิงหยู่เงยหน้ามองจูนจิ่วด้วยความรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก ศิษย์น้องของเขาจะต้องรักใคร่เขาเป็นแน่ ดังนั้นจึงมอบน้ำหยกทิพย์ให้เขา ไม่ต้องดื่มน้ำอาบน้ำ! ยิ่งคิดก็ยิ่งมั่นใจ ชิงหยู่เอ่ยปาก “ศิษย์น้อง มื้ออาหารของพวกเราใช้น้ำแร่ภูเขาจากที่อื่นทั้งหมด ส่วนที่นี่ก็ยกให้ศิษย์สำนักและพวกผู้อาวุโส!”
“ได้”
เหลิ่งยวนลอบสังเกตฉากทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เขากระตุกมุมปากจนคำพูด ศิษย์พี่ของแม่นางจูน ไม่ได้อยากขุดหลุมพรางสำนักเทียนอู่จงทั้งบนล่างจริงๆ หรอกหรือ แต่ว่าน้ำอาบน้ำของเมล็ดหยก เป็นของดีจริงๆ นั่นแหละ
หลังกลับมาจากบ่ำน้ำแร่ จูนจิ่วก็กลับไปที่พำนักตามลำพัง
นางวางแท่นนอนงามตัวหนึ่งไว้ในตำแหน่งรับแสง บนแท่นปูเบาะนุ่มนิ่มเอาไว้ จูนจิ่วยืนอยู่หน้าแท่นนอนงามทำท่าประสานมือเจว๋ กำไลข้อมือเปล่งลำแสงอ่อนละมุนออกมา ลำแสงสายนี้รวมตัวกันอยู่ที่ปลายนิ้วของจูนจิ่ว และค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น
สุดท้ายร่วงลงบนเบาะนุ่ม กลุ่มแสงกลายเป็นแมวสีขาวหิมะตัวหนึ่ง เป็นเสี่ยวอู่นั่นเอง!
ตัวใหญ่กว่าเสี่ยวอู่ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ขนก็ดูขาวผ่องเป็นยองใยขึ้น ซ้ำยังส่องประกายภายใต้แสงแดด จูนจิ่วนั่งลงบนตัวเสี่ยวอู่ ยกมือขึ้นลูบไล้เส้นขนของเสี่ยวอู่แผ่วเบา นางสะสมพลังทิพย์สิบวัน ทำให้เสี่ยวอู่กลายร่างออกมาอีกครั้ง แต่เสี่ยวอู่ยังไม่ได้หายดีไม่สามารถลืมตาตื่นขึ้นมาได้
นัยน์ตาอ่อนแสงหลายขนัด จูนจิ่วบีบใบหูของเสี่ยวอู่เอาไว้ นางเอ่ย “ตื่นขึ้นมาเมื่อไร ข้าจะทำปลาย่างให้เจ้ากินด้วยตัวเอง”
เหมียว!
เสี่ยวอู่ได้ยินถ้อยคำของจูนจิ่วในจิตสำนึก โดดผลุงขึ้นมาอย่างดีอดดีใจ มันต้องพากเพียรเสียแล้ว ต้องรีบคืนสภาพฟื้นขึ้นมาให้ไว!
อย่างไรก็ตามเหลิ่งยวนไม่ได้ยินการตอบกลับของเสี่ยวอู่ ในสายตาของเขามีเพียงความคิดของจูนจิ่วที่มีต่อเสี่ยวอู่ สีหน้าโรยแรงเศร้าหมอง เหลิ่งยวนถอนหายใจ เสี่ยวอู่ช่างสำคัญต่อแม่นางจูนมากจริงๆ สินะ
“เจ้าถอนหายใจอะไรกัน” จูนจิ่วได้ยินเสียงถอนหายใจของเหลิ่งยวน ปรายตามองไปเบื้องหน้า
เหลิ่งยวนลังเลสักพัก ก่อนก้มหน้าเดินออกมาจากมุมมืด เขามองจูนจิ่ว และมองไปที่เสี่ยวอู่อดกลั้นสักพักก่อนจะเอ่ยปาก “แม่นางจูน ข้ารู้ว่าเสี่ยวอู่สำคัญต่อท่านมาก แต่ท่านอย่างกังวลไปเลย เจ้านายจะกลับมาในไม่ช้า เขาจะต้องมีวิธีทำให้เสี่ยวอู่ตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน”
“อู๋เยว่รักษาแมวได้ด้วย?”
“ไม่ใช่สิ เจ้านายฝึกเสือขาวได้” พูดโพล่งออกมาโดยจิตใต้สำนึก เหลิ่งยวนตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จูนจิ่วจะเอ่ยปากเขาพลันเปลี่ยนประเด็นอย่างฉับไว เอ่ยต่อไปว่า “เจ้านายฝึกได้แม้กระทั่งเสือขาว อย่าว่าแต่รักษาเลย! เสี่ยวอู่ต้องไม่มีปัญหาแน่ แม่นางจูนท่านทำใจให้สบายก็พอแล้ว”
“เสือขาว?” ในสมองจูนจิ่วมีบางอย่างฉายแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่มันรวดเร็วเกินไป นางจับไว้ไม่ทัน
เงยหน้ามองเหลิ่งยวน บุคคลหลังเหยียดตัวตรงสีหน้าเคร่งขรึม แต่นัยน์ตากลิ้งกลอกนั้นมองเห็นความรู้สึกผิดได้อย่างเด่นชัด เหลิ่งยวนกำลังรู้สึกผิดอะไรอยู่?
เลิกคิ้วกระตุกมุมปาก จูนจิ่วถาม “เหลิ่งยวน เพราะอะไรอู๋เยว่ถึงฝึกเสือขาวได้ เขาไม่ใช่คนหรือ?”
คำถามนี้เหนือมนุษย์มาก หากบอกว่าไม่ใช่ เกิดแม่นางจูนรังเกียจไม่ต้องการเจ้านายขึ้นมาจะทำอย่างไรดี? นัยน์ตาเหลิ่งยวนกลิ้งกลอก ก่อนเอ่ยปากงุบงิบ “ข้ารู้เพียงแต่ว่าเจ้านายเทิดทูนแม่นางจูนทั้งดวงใจเท่านั้น!