บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 285 ยั่วยวนให้ติดใจ
บทที่ 285 ยั่วยวนให้ติดใจ
ทางนั้น ตันจงยังคงกังวลรอให้จูนจิ่วยอมรับรับคำท้าต่อสู้ รออยู่ทุกๆ วัน จูนจิ่วไม่ตอบพวกเขาตื่นเต้นและอิ่มเอมใจมากคิดว่าจูนจิ่วกลัวเสียแล้ว ประโคมข่าวกอบกู้ชื่อเสียงของตันจงในทันที
ผลสุดท้ายไม่รู้เลยว่า จูนจิ่วกำลังนำคนไปฆ่าพันธมิตรคนสุดท้ายของพวกเขา!
กูซูหยิงรายงานสถานการณ์ของชางไห่จงตั้งแต่ต้นจนจบ ชิงหยู่พูดต่อ: “ชางไห่จงถูกกักขังอยู่บนภูเขาเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่าแล้ว เสบียงอาหารของพวกเขาไม่เพียงพอ เราบุกโจมตีขึ้นเขา พวกเขาคงกลัวและจะหนีลงทะเล”
“แม่นาย พวกเราไม่มีใครเชี่ยวชาญในการเดินเรือในทะเล เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะไล่ตามชางไห่จง” เหอซ่านพูดขึ้น
ชางไห่จงหันหน้าไปทางแผ่นดินใหญ่ เป็นสำนักที่ด้านหลังติดกับทะเล แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะปิดกั้นทางทะเลแล้วก็ตาม แต่เมื่อมีความเสี่ยงในการทำลายล้างสำนัก ชางไห่จงพยายามอย่างเต็มที่ก็จะต้องถอยห่างจากทะเล พวกเขาไม่มีคนใดเชี่ยวชาญการเดินเรือ ถ้าตามไม่ทันก็จัดการชางไห่จงไม่ได้
จูนจิ่ว: “เรื่องนี้ง่าย ก่อนอื่นให้เผาเรือทั้งหมดของชางไห่จงก่อน”
“จากนั้นล่ะ?” ทุกคนมองมาที่นาง
จูนจิ่วยกมือขึ้น วางขวดทีละขวดทั้งหมดสิบขวดบนโต๊ะทุกคนพยักหน้าและเงยหน้าตามการเคลื่อนไหวของนาง ดูเหมือนจะสนุกมากทีเดียว
ชิงหยู่สงสัย “ศิษย์น้อง สิ่งนี้คืออะไร?”
“น้ำดอกโล๋ห้าขวด ละอองเกสรดอกโล๋ห้าขวด”
“เหมียวๆ!” เสี่ยวอู่มีสิทธิ์มากที่สุดที่จะตอบคำถามนี้
ในตอนแรกเป็นมันที่ถือละอองเกสรดอกโล๋ และปฏิบัติภารกิจสำเร็จสมบูรณ์ จัดการกลุ่มคนตระกูลจูนที่แตกแยกในเมืองเฟิงหลัวสำเร็จ! เสี่ยวอู่ดวงตาแมวที่ประกายสดใสมองจูนจิ่ว อ้อนเหมียวๆ ครั้งนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่มันเถิด!
ดวงตาที่เย็นชาและโหดร้าย มองไปที่เสี่ยวอู่อย่างนุ่มนวลและเหลือเชื่อ
จูนจิ่วลูบหัวเสี่ยวอู่ ยกมุมปากพูดขึ้น: “ช่างไห่จงกว้างใหญ่ขนาดนั้น รอเจ้าโรยยาหมดประสิทธิภาพก็หายหมดแล้ว”
“เหมียวQAQ”
“เด็กดี~คราวนี้เจ้าสามารถกำกับดูแลพวกเขาทำได้” ได้ยินจูนจิ่วพูดเช่นนี้ เสี่ยวอู่เต็มไปด้วยพลังทันที หันหน้าไปมองไปที่ทุกคนด้วยความเย่อหยิ่ง เต็มไปด้วยความทรงพลัง
มันถือเป็นหัวหน้าคุมงาน พวกเจ้าต้องทำให้ดี!
จูนจิ่วบอกพวกเขาถึงผลกระทบของน้ำดอกโล๋และละอองเกสรดอกโล๋ แบ่งเป็นห้ากลุ่มจากทุกคน แอบเข้าไปในชางไห่จงและเทน้ำดอกโล๋ลงในน้ำดื่มน้ำใช้ของพวกเขา ทำแผนที่ขอบเขตที่สาวกของชางไห่จงออกไปในระหว่างนี้
ชุดที่สองจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก็คือนำละอองเกสรดอกโล๋ปูทางเดิน เมื่อกองทัพใหญ่เคลื่อนไหว!
เพราะด้านหลังชางไห่จงติดกับทะเล พายุลมแรง เพราะเหตุนี้ละอองเกสรดอกโล๋จะต้องติดอยู่ที่จุดสำคัญ ลงมือทีเดียวก็ต้องถูกจุด มิฉะนั้นชางไห่จงจะตื่นตัว ใช้ครั้งที่สองก็ไม่เป็นผลแล้ว
หลังจากฟังแผนของจูนจิ่ว เหอซ่านพูดขึ้น: “แม่นาย เชิญท่านมากับข้า แผนการนี้ ข้ามีตัวเลือกที่ดีที่สุด!”
“ผู้ใด?”
“กองทัพเย่สิง”
ก่อนหน้านี้จูนจิ่วเคยเห็นกองทัพเย่สิง แต่ครั้งนี้เป็นการรวมตัวของกองทัพเย่สิงอย่างแท้จริง สิ่งนี้เคยเป็นของแม่ทัพของเทพแห่งสงคราม ณ แคว้นเทียนโจ้ง เป็นกองกำลังทหารที่มีพลังสู้รบเกรียงไกรอย่างปาฏิหาริย์ของจูนหมิงเย่พ่อของจูนจิ่ว แม้ว่าเวลานี้จำนวนจะน้อยกว่าหนึ่งร้อย แต่ทุกคนคือผู้มีฝีมือชั้นสุดยอด!
พวกเขาอกผายไหล่พึ่ง มองจูนจิ่วด้วยสายตาที่แผดเผา จูนจิ่วเห็นถึงความเชื่อและการเข่นฆ่าในดวงตาของพวกเขา
ศรัทธาคือความเชื่อที่มาต่อตอนติดตามจูนหมิงเย่ ตอนนี้มาอยู่บนตัวนางแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยในความภักดีของพวกเขา การเข่นฆ่าเป็นเครื่องหมายของการต่อสู้ที่ผ่านการทดสอบแล้ว บนร่างกายทิ้งร่องรอยที่เกิดจากการต่อสู้นับร้อยครั้ง จูนจิ่วเคยเห็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดมาก่อน คือฆาตกรของกลุ่มหมาป่าละโมบ แต่เมื่อเทียบกับกองทัพเย่สิง ยังด้อยกว่าเล็กน้อย
เหอซ่านพูดขึ้น: “แม่นาย นี่คือกองทัพเย่สิงชุดสุดท้าย พวกเขาสาบานว่าจะจงรักภักดีจนวันตาย ไม่มีวันทรยศ!”
“สาบานว่าจะจงรักภักดีจนวันตาย ไม่มีวันทรยศ!”
“สาบานว่าจะจงรักภักดีจนวันตาย ไม่มีวันทรยศ!” ทันใดนั้นกองทัพเย่สิงก็กำมือซ้ายและทุบหน้าอก ตะโกนพร้อมกันขณะที่พวกเขาตะโกน แรงพิฆาตที่น่าสะพรึงกลัวก็ล้นทะลักออกมา ราวกับเห็นกลองแห่งสงครามตีขึ้น เสียงสังหารดังก้องไปทั่วฟ้าและทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้านในจิตวิญญาณ
เสี่ยวอู่ได้รับผลกระทบ กรงเล็บแหลมคมโผล่ออกมาจากแผ่นเนื้อ ทิ้งรอยขีดข่วนไว้ที่พื้น เสี่ยวอู่เงยหน้ามองจูนจิ่ว ร้องเหมียวๆ : “เจ้านายจะรับพวกเขาไว้หรือไม่?”
“อืม” จูนจิ่วตอบเสี่ยวอู่ในใจ
มาถึงที่จะไม่รับได้อย่างไร? แต่……จูนจิ่วมองไปที่กองทัพเย่สิง เธอพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มและเย็นชา: “ในเมื่อพวกเจ้าภักดีกับข้า และยังสาบานด้วยชีวิตที่นี่ คนที่พวกเจ้าสาบานว่าจะภักดีคือข้าจูนจิ่ว ไม่ใช่บุตรสาวของจูนหมิงเย่”
“แม่นาย?” เหอซ่านไม่เข้าใจ มันต่างกันด้วยหรือ?
“ข้าคือจูนจิ่ว บุตรสาวของจูนหมิงเย่ที่ผู้เป็นเจ้านายก่อนหน้าของพวกเจ้า ได้ตายด้วยน้ำมือของตระกูลจูนตั้งนานแล้ว ฉะนั้นก่อนจะภักดีต้องเข้าใจชัดเจน ข้าจูนจิ่วไม่ต้องการความภักดีใดๆ ที่มาด้วยพระคุณของเจ้านายก่อนหน้า”
จูนจิ่วพูดต่อ: “พวกเจ้าภักดีต่อข้า ต้องฟังคำสั่งของข้า และข้าจะนำพวกเจ้าไปสู่การเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด! ไม่เพียงแต่ในห้าสำนักสิบอาณาจักร พวกเจ้าจะต้องเหนือกว่าเทียงฉิว ปีนไปถึงจุดสูงสุดพร้อมกับข้า ผู้ที่ยอมภักดีต่อข้า กินมันซะ ผู้นี่ไม่ยินยอมก็ออกไป ข้าไม่รั้ง”
น้ำเสียงเย็นชาและไร้ความปรานีของหญิงสาว แต่มีความร้อนแรงที่เหมือนไฟที่โหมกระหน่ำ ผลจากการสร้างแรงบันดาลใจให้คน สายตาของผู้คนในกองทัพเย่สิงร้อนแรงขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาเป็นทหาร สาบานว่าจะภักดีจนวันตาย แต่เมื่อเทียบความภักดีที่มีต่อแม่นาย พวกเขาบูชาผู้แข็งแกร่งมากกว่า
ตอนนี้จูนจิ่วมีทั้งสองแล้ว พวกเขายังมีเหตุผลอะไรจะต้องลังเล?
สำหรับที่จูนจิ่วบอกว่านางไม่ใช่บุตรสาวของจูนหมิงเย่ ผู้นำยืนยันแล้วจะผิดได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นรูปลักษณ์จูนจิ่วเหมือนกับแม่ทัพและฮูหยินขนาดนั้น พวกเขาเพียงแค่คิดว่าจูนจิ่วไม่เคยเจอพ่อแม่ จึงไม่ยอมรับ
ทันใดนั้นกองทัพเย่สิงก็เข้าแถวกันเอง รับยาจากจูนจิ่วกลืนกินลงไปอย่างไม่ลังเลสักนิด
มองกองทัพเย่สิงด้วยสายตาเย็นชา มุมปากจนจิ่วโค้งเปิดขึ้นเล็กน้อย เขาไม่สนอดีต สนใจแต่อนาคต พวกเขาภักดีต่อนาง นางก็ต้องทำให้พวกเขาเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอยู่แล้ว! จากนี้ยังมีจูนเสี่ยวเหล่ย หยูนเฉียว กู่ซงพวกเขาเข้าร่วมด้วย นี่คือภาพในแผนของนาง
ยาที่จูนจิ่วให้นั้นมีผลสองอย่าง หนึ่งคือเพื่อให้มั่นใจในความภักดีของพวกเขา สองคือการปรับพลังให้กับร่างกายของพวกเขาให้สูงขึ้นในเวลาอันสั้น
จูนจิ่วออกคำสั่ง “ข้าต้องการห้ากลุ่มย่อยโดยเร็วที่สุด นำน้ำดอกโล๋เข้าไปที่ชางไห่จง”
ในกองทัพเย่สิงแบกออกเป็นห้ากลุ่มย่อย รับน้ำดอกโล๋และจากไป รอพวกเขากลับมาพร้อมความสำเร็จ จูนจิ่วถึงจะนำละอองเกสรดอกโล๋ให้พวกเขา กองทัพเย่สิงเคลื่อนไหวก่อนหนึ่งก้าว หลังจากทุกคนแยกย้าย ที่เดิมเหลือเพียงจูนจิ่วและเสี่ยวอู่ และเสียงอิดออดที่ดังจากด้านหลัง “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บอกพวกเขา ไม่กลัวตัวตนถูกเปิดเผยหรือ?”
“พวกเขามีสิทธิ์ที่จะสงสัย ข้าให้พวกเขาเลือกแล้ว” พวกเขาไม่เชื่อ ไม่สงสัย
โม่อู๋เยว่เลิกคิ้ว มุมปากยิ้มลึกขึ้นเล็กน้อย เขาพูด: “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่แปลกใจเลย ที่ข้ารู้ตัวตนของเจ้า?”
เปลี่ยนเป็นคนอื่น ต้องตกใจ กลัวเสียขวัญอย่างแน่นอน แต่จูนจิ่วยังคงนิ่งและสงบ ลูบแมวของนางอย่างสบายๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทะนงเกรี้ยวกราดบนริมฝีปากสีแดง
จูนจิ่วยิ้มสบตามองกับโม่อู๋เยว่ “ข้าคือจูนจิ่ว แต่ก็ไม่ใช่จูนจิ่ว จุดนี้ ข้าไม่เคยปิดบังผู้ใด และสำหรับปีศาจเช่นเจ้า ปิดบังไม่ได้อยู่แล้ว งั้นให้เจ้าเดาว่าผีเข้าสิงข้า หรือข้าสิงร่างผู้อื่น?”
“ข้าเดาว่าเจ้ามาเพื่อแต่งงานกับข้า” รอยยิ้มที่ชั่วร้าย ยั่วยวนให้ติดใจ