บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 302 ริษยาโม่อู๋เยว่
บทที่ 302 ริษยาโม่อู๋เยว่
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คิดว่าเขาทำได้ดี ดีที่ใดหรือ?” โม่อู๋เยว่หรี่ตาลง ก่อนมองจูนจิ่วอย่างสนใจ
จูนจิ่วจึงเอ่ยขึ้น “ประการแรก สยบคนที่ถูกส่งมาได้ จึงจะสามารถทำให้พวกเขาไม่กล้าพูดจาส่งเดช ประการที่สอง คุมอำนาจไว้ในมือของตนก่อน ไม่อ่อนข้อให้กับพวกสำนักศึกสามทั้งสาม ประการที่สาม พวกเขาต่างพยายามใช้ความสามารถของตนปกป้องข้า นี้ทำให้ข้าดีใจยิ่งนัก”
ชาติที่แล้ว นางเป็นถึงแพทย์อันดับหนึ่งในประเทศจีน วงการการแพทย์ตะวันออกตะวันตกล้วนไม่ยากสำหรับนาง ขึ้นชื่อว่าหมอเทวดาจูนจิ่วผู้ใดกล้ารังแกนาง? คนที่ปองร้ายนางถูกฝังกลบในป่าช้าลึกสามนิ้ว นานเข้าคนอื่นมีแต่หวาดกลัวนาง อิจฉานาง ไร้ผู้คนปกป้องนาง
จูนจิ่วเท้าคาง คิ้วและตาแฝงด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้นางเพิ่งพบว่าความรู้สึกถูกคนปกป้องยอดเยี่ยมยิ่งนัก! ไม่ว่านางจะต้องการหรือไม่ ล้วนทำให้นางรับรู้ถึงความสุขที่ไม่เคยพบพานมาก่อนหน้านี้ มีความสุขยิ่งกว่าให้นางทานของอร่อยทั่วใต้หล้า
สองนิ้วเกาะกุมคางของจูนจิ่ว ทำให้นางหันสบตาโม่อู๋เยว่ ผสมความมืดมัวและแวววาวอย่างขัดแย้งกัน คล้ายดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ทำให้คนยากที่จะปฏิเสธ
โม่อู๋เยว่เอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์คล้ายสุรารสเลิศ ทำให้คนฟังมัวเมา “พวกเขาปกป้องเจ้าเพียงชั่วคราว แต่ข้าสามารถปกป้องเจ้าชั่วชีวิต”
“เมี้ยว” เสี่ยวอู่ร้องเมี้ยวเบาๆ ขึ้น มุดหน้าลงบนเบาะ จีบกันอีกแล้ว ทนดูไม่ได้จริงๆ!
จากนั้นมันถูกโม่อู๋เยว่ชี้ ถูกม้วนจนกลมโยนออกไปจากห้องด้วยพลังสายหนึ่ง เมื่อทนดูไม่ได้ เช่นนั้นไม่ควรเป็นก้างขวางคออยู่ที่นี่
เสี่ยวอู่ที่ถูกโยนออกตกลงบนพื้นหญ้าพร้อมตีลังกาสองรอบลุกขึ้นมา มันหันศีรษะมองห้องที่พุ่งออกมาเมื่อครู่และหยุดนิ่ง ระหว่างกลับไปเผชิญหน้ากับโม่อู๋เยว่และไม่ได้ทานอาหารแมว เสี่ยวอู่เลือกอย่างที่สอง หัวหน้าสละโสดถือเป็นเรื่องดี! มันยังคงเป็นแมวงามสงบสุขตัวหนึ่ง ไม่ต้องเป็นก้างขวางคอ แต่เหตุผลหลักคือสู้โม่อู๋เยว่ไม่ได้
เมื่อเห็นแมวนั้นไปแล้วไม่กลับมา จูนจิ่วสะบัดมือโม่อู๋เยว่ออก “อาจารย์ย่อมควรปกป้องศิษย์ไปตลอดชีวิต นี้แปลกอันใดกัน ท่านว่าถูกหรือไม่เจ้าคะ อาจารย์?”
“ถูกต้อง” โม่อู๋เยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
อาจารย์ปกป้องศิษย์ถือว่าสมควร ทำสิ่งใดจะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน เขาสั่งสอนลูกศิษย์คนหนึ่ง หลายปีผ่านไปสุกงอมจนสามารถเก็บเกี่ยวเป็นภรรยาได้ นั่นถือว่าไม่ได้มีปัญหามิใช่หรือ?
เมื่อจู่ๆ บทสนทนาออกนอกเรื่องเกินไป จูนจิ่วจึงเบี่ยงประเด็นกลับมาอีกครั้ง “คุยเรื่องพวกที่มาจากสำนักศึกสามทั้งสามต่อเถิด พวกเขามาถึงได้เวลาสมใจข้ายิ่งนัก ความจริงข้าต้องการไปสำนักศึกสามทั้งสาม ตอนนี้ไม่จำเป็นคิดหาเหตุผล สามารถไปอย่างสง่าผ่าเผย”
โม่อู๋เยว่ไม่ได้เอ่ยถามจูนจิ่วถึงเหตุผลในการไปสำนักศึกสามทั้งสาม เขาวิเคราะห์เหตุผลออกมาตรงๆ ว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ทำเพื่อชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตน”
“ใช่เจ้าคะ ชั้นที่สี่ของวิชาฝึกตนเป็นเพียงเหตุผลแรก เหตุผลข้อที่สอง ข้าต้องการสังหารหงยิง!” ดวงตาจูนจิ่วแข็งกร้าว ปกคลุมด้วยความโหดเหี้ยม หงยิงต้องตาย! มิฉะนั้นนางจะสามารถสั่งการให้ตันจง เจี้ยนจง (สำนักที่ฝึกกระบี่) และชางไห่จงร่วมมือกันบีบบังคับสำนักเทียนอู่จง และสามารถคิดแผนร้ายครั้งที่สองออกมาจัดการสำนักเทียนอู่จงอีกครั้ง
สำนักเทียนอู่จงคือสำนักแรกที่นางยอมกราบเพื่อขอเข้าเป็นศิษย์ จงเหมินบนล่าง ทุกคนต่างปกป้องนางด้วยความซื่อสัตย์จริงใจ จูนจิ่วไม่ยอมให้ผู้ใดทำลายมันเด็ดขาด
ต่อจากนั้น ทุกวันชิงหยู่อยู่จับตาพวกคนที่สำนักศึกสามทั้งสามส่งมารวบรวมหลักฐาน ตรวจสอบเหตุผลการกำจัดตันจงพร้อมที่อื่นๆ และความจริงด้วยตนเอง เมื่อชิงหยู่จับตาอยู่ ขยับไม่ขยับกำหมัดแสดงพลังข่มขู่ กลุ่มคนที่มาจากสำนักศึกสามทั้งสามจึงหวาดกลัวกันทั่วหน้า และไม่กล้าอวดเก่งเบ่งอำนาจอีก
จูนจิ่วในเวลานี้ จดจ่อสมาธิอยู่กับการกลั่นยา ค่าตอบแทนที่จ่ายไปในการกำจัดตันจง แทบทำให้จำนวนเม็ดยาที่เก็บไว้ในหยุนฉองจิ่นของจูนจิ่วนั้นว่างเปล่าลงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นนางจำเป็นต้องจัดเตรียมไว้ให้มากขึ้น เพื่อจัดการประมูล
เวลาพริบตาเดียวผ่านไปครึ่งเดือน คนที่มาจากสำนักศึกสามทั้งสามถูกชิงหยู่จับตา แต่ละคนจึงผอมลงกว่าห้ากิโลกรัม เร่งทำงานเพื่อรีบกลับไปแล้ว!
พวกเขาถึงขั้นไม่สนใจว่าชิงหยู่และจูนจิ่วจะไปหรือไม่ หากมิใช่มีผู้อาวุโสโจวเตี๋ยและเหอซ่านจับตาอยู่ทุกฝีก้าว เกรงว่าพวกเขาคงหนีไปกันเองก่อนแล้ว เห็นชัดว่าสำนักเทียนอู่จงได้มอบความทรงจำที่โหดร้ายให้แก่พวกเขา
ตอนนี้ทุกคนต่างรวมตัวกันอยู่ในตำหนัก จึงทำให้ตำหนักเป่าถังเต็มเบียดเสียดไปด้วยผู้คน
ดวงตาคู่สดใสของจูนเสี่ยวเหล่ยมองยังจูนจิ่ว ก่อนเอ่ยอย่างน้อยใจว่า “พี่จิ่วจะไปสำนักศึกสามทั้งสามจริงหรือ พวกเราไม่กลัวอำนาจของสำนักศึกสามทั้งสาม พี่จิ่วไม่ไปได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“ถูกต้องแม่นางจูน ตอนนี้สำนักเทียนอู่จงแข็งแกร่งที่สุด และเป็นมิตรกับสำนักหุ้นหยวนของข้า แม้สำนักศึกสามทั้งสามจะมีอำนาจมากมาย ก็คงจัดการพวกเราสองสำนักสิบแคว้นไม่ได้?” หยูนเฉียวเอ่ยขึ้น ขมวดคิ้วแน่นพร้อมสีหน้าตัดใจไม่ได้
หยูนจ้งจิ่นอ้าปากขึ้น แต่สุดท้ายกลับไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
โจ๋วชิวจึงเอ่ยว่า “แม่นาย ท่านไปแล้วเย่ส้าจะทำเช่นไร?”
“ศิษย์น้อง ความจริงเจ้าไม่จำเป็นต้องไปสำนักศึกสามทั้งสามกับศิษย์พี่ ให้ศิษย์ไปผู้เดียวเพียงพอแล้ว!” ชิงหยู่มิงจูนจิ่ว พร้อมกล่าวยิ้มๆ
หวางฉี่อ๋างคือบุรุษกำยำล่ำสันผู้หนึ่ง ตอนนี้เอ่ยอย่างน้อยใจว่า “ถูกต้อง อาจารย์อา เจ้าสำนักร้ายกาจยิ่ง คนเดียวสามารถจัดการได้ ท่านอยู่ที่นี่ต่อเถิด สำนักเทียนอู่จงไร้เจ้าสำนักแล้ว จึงไม่สามารถไร้แม้กระทั่งอาจารย์อาได้!”
นอกจากพวกเขา ยังมีคนอีกไม่น้อยที่ไม่กล้าเอ่ยปาก ทว่าความหมายส่วนใหญ่ต่างใกล้เคียงกัน พวกเรากังวล ไม่ต้องการให้จูนจิ่วจากไป
จูนจิ่วกอดเสี่ยวอู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ นางเงยขึ้นกวาดมองทุกคนอย่างเย็นชา “ข้าตัดสินใจแล้ว การไปสำนักศึกสามทั้งสามคือเรื่องที่ต้องทำ”
ชิงหยู่ขึงเอ่ยขึ้น “เพื่อฟื้นฟูวิชาฝึกตนชั้นที่สี่หรือ ศิษย์น้อง เรื่องนี้ศิษย์พี่เช่นข้าก็ทำได้!”
“สังหารหงยิงเล่า สำนักเทียนอู่จงต้องการความสงบสุขเป็นที่สุด ศัตรูไม่ใช่สำนักศึกสามทั้งสาม และหงยิงยังมีคนอยู่เบื้องหลังนางอีก พวกเขาช้าเร็วต้องรู้ว่าข้าคือแม่นายแห่งกองทัพเย่สิง และรออยู่ที่นี่ให้พวกเขาลงมืออีกครั้ง มิสู้พวกเราชิงลงมือก่อนจะได้เปรียบกว่า” จูนจิ่วกล่าว
แต่ไหนแต่ไรนางไม่ใช่คนชอบรอคอย! เป็นฝ่ายลงมือก่อน ขุดหลุมพรางให้ศัตรูกระโดดลงไป นี้ถึงเป็นรูปแบบการลงมือของหมอเทวดาจูนจิ่ว
จูนจิ่วเอ่ยต่อว่า “เย่สิงมีพวกท่าน ปฏิบัติต่อไปไม่ต้องหยุด รอให้ข้ากลับมา ตรวจสอบผลการฝึก หากไม่เหมาะสมข้าจะเอาผิดกับพวกท่าน เม็ดยาที่จะประมูลจัดเตรียมไว้ครบแล้ว เพียงพอให้ประมูลขายไปได้อีกห้าปี”
หลังหยุดชะงัก จูนจิ่วจึงเอ่ยว่า “ภายในห้าปีนี้ ข้าจะต้องกลับมาแน่”
“ไม่ถึงหรอก มีข้าที่เป็นศิษย์พี่ช่วยเหลือเจ้า ใช้เวลาไม่ถึงห้าปีหรอก ไม่แน่พวกเราอาจฟื้นฟูการฝึกตนขั้นสี่กลับมาได้ จากนั้นสังหารหงยิงไปพร้อมกัน ถึงเวลานั้นอาจใช้เวลาไม่ถึงปี พวกเราจะพบหน้ากันอีกครั้งแล้ว!” ชิงหยู่ยิ้มมุมปากอย่างพยศสง่างาม
เขาเปลี่ยนความคิดของศิษย์น้องไม่ได้ เช่นนั้นต้องพยายาม กลับมาให้เร็วที่สุด! สำนักเทียนอู่จงคือบ้านของเขา
ชิงหยูยิ้มพลางมองจูนจิ่ว ก่อนยื่นมือเชื้อเชิญ “ศิษย์น้อง เช่นนั้นพวกเราออกเดินทางเถิด!”
“ได้”
“เอ๊ะ เจ้าไม่ไปอำลาผู้อาวุโสโม่หรือ?” เมื่อเห็นจูนจิ่วตกลงเร็วเช่นนี้ ท่าทางราวอุ้มเสี่ยวอู่เดินไป ชิงหยู่เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
เมื่อได้ยิน จูนจิ่วยิ้มกว้างอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนนางจะเอ่ยขึ้น “บางคนพูดว่า ข้าอยู่ที่ใด เขาจะอยู่ที่นั่น”
กุ้งกิ้ง! กระดิ่งเงินบนข้อมือดังขึ้น ราวขานรับคำพูดของจูนจิ่ว
ชิงหยู่ตะลึงงัน ทุกคนมึนงง น่าอิจฉาริษยา! เหตุใดโม่อู๋เยว่จึงสามารถติดตามไปด้วยได้