บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 308 ปล่อยเขาสิ้นใจไปเอง
บทที่ 308 ปล่อยเขาสิ้นใจไปเอง
เห็นเพียงจูเก่อชิวนำของทั้งหมดยัดเข้าปากอย่างตะกละตะกลาม ผลลัพธ์เกิดขึ้นทันที เขาหน้าแดงตาลาย ใบหน้าแสดงท่าทีทำให้คนขยะแขยง อ้าปากกว้างพะงาบๆ ทั้งติดขัด รีบร้อน และรุนแรง
จูนจิ่วไม่ตกใจเลยสักนิด นางยิ้มมุมปากอย่างดื้อรั้นเย็นชา สำรวจจูเก่อชิวบนล่างหนึ่งรอบ ก่อนเอ่ยปาก “เขาใส่บางอย่างลงไปในสุราและของว่าง มีชื่อว่ายาชุนเซียวหงฤทธิ์รุนแรงอย่างยิ่ง ไม่ว่าชายหรือหญิงทานเข้าไป ต่างจะบ้าคลั่งเลือดร้อน หนึ่งครั้งเทียบเท่ากับลดพลังชีวิตไปครึ่งหนึ่ง”
“เสี่ยวจิ่วเอ่อร์ฉลาดจริงๆ แต่หากไม่มีข้า เจ้าตกหลุมพรางจะทำเช่นไร?” โม่อู๋เยว่แนบริมฝีปากบางที่ใบหูของนาง หยอกเย้าใบหูอย่างกำกวมวาบหวาม เสียงทรงเสน่ห์จับใจ ทำให้จูนจิ่วเข้าใจว่าสิ่งใด สามารถทำให้ใบหูตั้งครรภ์ได้
ใบหูจูนจิ่วค่อยๆ แดงก่ำร้อนผ่าว แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย ก่อนเอียงกายดึงระยะห่างออก ก่อนเลิกคิ้วมองโม่อู๋เยว่พลางเอ่ยขึ้น “ล้วนชื่นชมว่าข้าเฉลียวฉลาด ข้าจะตกหลุมพรางได้หรือ?”
“ไม่แน่นอน” โม่อู๋เยว่ยิ้มอย่างร้ายกาจและเอ็นดู
รู้ชัดว่าจูเก่อชิวเป็นคนเช่นไร จูนจิ่วจะทานของที่เขาถือมาได้อย่างไร?
จูนจิ่วมองจูเก่อชิวอีกครั้ง เห็นยากำลังออกฤทธิ์รุนแรงจนเขาคล้ายใกล้จะเสียสติ แต่ยังทำได้เพียงยืนตรงอยู่ตรงนั้น โดยไม่ขยับ ลมหายใจติดขัดจนทำให้คนฟังรู้สึกยากจะทนรับได้
โม่อู๋เยว่กวาดสายตาอย่างเย็นชาโหดเหี้ยม ก่อนเอ่ยขึ้น “เสี่ยวจิ่วเอ่อร์คิดจัดการเขาเช่นไร?”
“เมี้ยว!” เสี่ยวอู่รีบยื่นอุ้งเท้าขวาออกมา มันเอ่ยว่ามอบให้มันจัดการ รับรองว่าจูเก่อชิวเหมือนตายทั้งเป็น!
สายตาจูนจิ่วเย็นชาไม่แยแส นางกวักมือให้เสี่ยวอู่พร้อมยิ้มมุมปาก “เพียงคนไม่สำคัญผู้หนึ่ง ไม่ต้องให้อุ้งเท้าของเสี่ยวอู่แปดเปื้อนหรอก เขากินยาของตนไปจนหมด ตอนนี้ยากำลังออกฤทธิ์ พวกเราไม่ต้องสนใจเขา”
“ไม่สนใจ?”
“พวกเราไม่ต้องลงมือ เขาจะไร้ลิ้นแล้ว ยาชุนเซียวหง หนึ่งครั้งควรใช้เพียงหยิบมือเท่านั้น เขากลัวข้าไม่หลงกลจึงใส่ลงไปในสุราและของว่างเช่นเดียวกันกับอีกชุด รวมทั้งร่างกายเขาอ้วนท้วนไตทำงานบกพร่อง” จูนจิ่วเอียงศีรษะมองยังนอกหน้าต่าง ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างไร้ความรู้สึก “ดูแล้วเขาคงไม่เห็นพระจันทร์ในคืนนี้แล้ว”
จูเก่อชิวคิดวางยานางเพื่อทำเรื่องผิดประเวณี แต่คิดไม่คิดว่าสุดท้ายยาทั้งหมดล้วนเขาไปอยู่ในปากเขา และยังปลิดชีพเขา การตายของเขาไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า เพราะเมื่อแพร่ออกไปกลับทำให้ผู้คนดีใจมีความสุข!
จูนจิ่วปัดแขนเสื้อหมุนกาย เดินเข้าไปที่ชั้นหนังสือ เดินพลางเอ่ยขึ้นว่า “เปลืองแรงในการเข้ามาในห้องหนังสือแล้ว จะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้”
“เมี้ยว” เสี่ยวอู่ร้องเมี้ยวขึ้น ก่อนเดินสะบัดก้นตามเข้าไป
เหลิ่งยวนปรากฏกายออกมาจากความมืดอย่างนอบน้อมเงียบ ๆ “นายท่าน จะจัดการไอ้โง่ผู้นี้เช่นไรขอรับ?”
สายตาโม่อู๋เยว่มองจูเก่อชิวดุจมองคนตายคนหนึ่งอีกครั้ง ภายในสมองเขานั้นปรากฏวิธีการตายพันหมื่นวิธีขึ้นมา กล้าคิดอกุศลกับเสี่ยวจิ่วเอ่อร์ของเขา ยังกล้าวางยา แทงพันกระบี่ดูถูกเขาเกินไป แต่ยามเอ่ยปาก น้ำเสียงโม่อู๋เยว่แฝงด้วยความเอ็นดู
เขาเอ่ยว่า “ฟังเสี่ยวจิ่วเอ่อร์ ปล่อยเขาให้ตายด้วยตนเอง”
“ขอรับ” เหลิ่งยวนพลันน้อมรับ ชายคนหนึ่งตายไปท่ามกลางความทรมาน หายใจอึดอัดนั้น คือทัณฑ์ทรมานประเภทหนึ่ง แต่เขาคิดดูแล้ว ยังลงมือลากจูเก่อชิวไปที่ด้านนอกของห้องหนังสือ เผื่อไม่ให่รบกวนจูนจิ่วและโม่อู๋เยว่
เดินไปที่ชั้นหนังสือ ภายในสายตาปรากฏเงาร่างของจูนจิ่ว
เสี่ยวอู่หมอบอยู่ข้างขาจูนจิ่ว เห็นตรงหน้าจูนจิ่วมีหนังสือเรียงรายเป็นแถวกว่าร้อยเล่ม จูนจิ่วปิดตาลง ทุกครั้งหนังสือร้อยเล่มพลิกทีละหน้าเองอย่างไร้สายลม ไม่นาน ครบหนึ่งร้อยเล่ม และหลังอ่านหนังสือจบ จูนจิ่วหลับตาสะบัดมือ ก่อนหนังสือจะกลับเข้าไปบนชั้นด้วยตนเอง
หากมีผู้อื่นอยู่ที่นี่ ต้องถูกวิธีการอ่านหนังสือของจูนจิ่ว ทำให้ตกใจจนเป็นลมล้มพับแน่นอน นี่ยังเป็นคนหรือไม่?
เสี่ยวอู่เห็นโม่อู๋เยว่เข้ามา เงยหน้าอย่างภูมิใจคล้ายกำลังถามโม่อู๋เยว่ ตกใจใช่หรือไม่? เจ้านายของข้าร้ายกาจสินะ! ผู้อื่นอ่านได้รวดเร็ว เจ้านายของข้าอ่านหนังสือร้อยเล่มดยการใช้พลังจิตวิญญาณ เก่งกาจที่สุด
ริมฝีปากบางยกขึ้น โม่อู๋เยว่ยืนยิ้มร้ายกาจมองจูนจิ่วอยู่ตรงนั้นเงียบๆ คนเช่นนี้เป็นดั่งสายรุ้ง เพียงได้พบจึงรู้ว่ามีคนที่งดงามเช่นนี้อยู่จริง สถานที่ของเสี่ยวจิ่วเอ่อร์ คือม้วนภาพที่สวยงามที่สุดในโลก ส่วนแมวตัวนั้นเพียงส่วนประกอบที่เสริมเข้ามาเท่านั้น สตรีที่รักอ่านหนังสือ และเขากำลังมองสรีที่รัก
เวลาผ่านไปทีละน้อย จูนจิ่วลืมตาขึ้นขณะแสงอาทิตย์สาดส่องเขามา หนังสือทุกเล่มที่เคลื่อนไหวกองรวมกัน จูนจิ่วกำลังคิดวางพวกมันกลับไป พลังอันอ่อนโยนสายหนึ่งพัดผ่านข้างกายเข้ามาจับกล่องหนังสือเอาไว้ ก่อนนำพวกมันวางกลับเข้าที่เดิม
จูนจิ่วเลิกคิ้วคิดหันศีรษะ มือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาด้านหลังศีรษะปิดตานางไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เสี่ยวจิ่วเอ่อร์ อย่าขยับ”
พลังอบอุ่นเหมาะสมห่อหุ้มดวงตา ทำให้ดวงตาที่เมื่อยล้าและสติง่วงงุนในเวลานี้ได้รับการปลอบโยน และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง สองมือปิดบังดวงตาคลายออก และหยุดนวดที่ขมับของจูนจิ่วอย่างเบามือ จูนจิ่วถอนหายใจออกมาอย่างสบายผ่อนคลาย ริมฝีปากยกโค้งขึ้น
จูนจิ่วเอ่ยหยอกล้อโม่อู๋เยว่ขึ้น “ไม่คิดว่าท่านจะนวดเป็นเช่นกัน?”
“เสี่ยวจิ่วเอ่อร์ต้องการ ดังนั้นข้าจึงทำเป็น”
ตึกตักตึกตัก! การเย้าแหย่นี้ จูนจิ่วรู้สึกหายใจไม่ออก หางตาเหลือบเห็นใบหน้าเสี่ยวอู่ยิ้มอย่างอกุศล จูนจิ่วยกมือกดศีรษะของเสี่ยวอู่เพื่อทำโทษ รอมันถูไถขนวุ่นวาย โม่อู๋เยว่จึงชักมือกลับไป
สายตามองใบหูจูนจิ่วที่แดงก่ำเล็กน้อย โม่อู๋เยว่ยิ่งยิ้มร้ายกายน่ามอง ก่อนเอ่ยขึ้น “เสี่ยวจิ่วเอ่อร์จะกลับแล้วหรือ?”
“ถูกต้อง ข้าจะไปพบผู้ดูแลหวาง ให้เขาเปลี่ยนห้องพักให้ข้าและศิษย์พี่ หากเขาไม่ยอม เฮอะ!” ยิ้มเย็นชาชวนขนลุก จูนจิ่วลุกขึ้นด้วยดวงตาหยิ่งยโส ผู้ดูแลไม่ยินยอม เช่นนั้นทำให้เขาต้องยินยอม!
มีโม่อู๋เยว่อยู่ จูนจิ่วไม่กังวลสิ่งใด ออกจากห้องหนังสือไปอย่างสบายอารมณ์ ผ่อนคลายยิ่งกว่ายามมา ส่วนจูเก่อชิวหลังถูกจูนจิ่วตีที่ท้ายทอย ไม่รู้ว่าหลังพวกเขาจากไปหยุนหนีพาคนเดินมาที่ห้องหนังสืออีกด้าน
หยุนหนีเอ่ยขึ้น “ห้องหนังสือเงียบสงบคนไม่พลุ่งพล่าน ไม่มีคนรู้ถึงการพบหน้ากันของเจ้าและข้า นี่คือข่าวที่พี่หงยิงต้องการ เจ้านำไปส่งให้พี่หงยิง ของมีค่าข้าจะต้องได้มาอยู่ในมือข้า เพียงขอให้นางอย่าลืมการลงแรงทำงานของข้าและท่านปู่” หยุนหนีนำจดหมายมอบให้กับคนที่แต่งกายเป็นคนรับใช้ ก่อนเอ่ยขึ้น
ชายหนุ่มรับจดหมายแล้วคิดจากไป แต่ทันใดนั้นเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง “เขาคือผู้ใด!”
“ผู้ใด?” หยุนหนีมองตามชายหนุ่ม เมื่อเห็นจูเก่อชิวยืนตรง ร่างกายแดงอย่างผิดปกติตรงนั้น หยุนหนีขมวดคิ้ว “นี้มิใช่บุตรชายของเจ้าเมืองไท่ชูหรือ เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่?” และเห็นพร้อมได้ยินไปมากน้อยเพียงใด?
มือขวาของหยุนหนีกุมกริชซ่อนไว้ด้านหลัง นางเดินตรงเข้าไปหาจูเก่อชิว “จูเก่อชิว เจ้ามาทำอันใดที่นี่?”
จูเก่อชิวไม่ขยับ และไม่ตอบคำถาม หยุนหนียิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น นางยืนอยู่ด้านหน้าจูเก่อชิวยื่นมือผลักออกไป โดนคิดไม่ถึงว่าการผลักครั้งนี้คล้ายกดเข้ากับบางอย่าง จูเห่อชิวโผเข้ามาหยุนหนีอย่างรุนแรง คำรามในลำคอ ปรี่เข้าจุมพิตบนใบหน้าหยุนหนีพลางน้ำลายไหล “คนงาม คนงาม!”
หยุนหนีตกใจ จึงยกมือแทงกริชลงไปครั้งหนึ่ง ก่อนใช้เท้าเตะจูเก่อชิวออกไป ตึง! จูเก่อชิวกระแทกลงบนพื้น ร่างกายชักกระตุก พร้อมหน้าอกมีกริชเล่มหนึ่งปักอยู่