บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 310 เสี่ยวจิ่วเอ่อร์งดงามอันดับหนึ่ง
บทที่ 310 เสี่ยวจิ่วเอ่อร์งดงามอันดับหนึ่ง
ผู้ดูแลหวางหันหลังให้จูนจิ่ว ก้มหน้าลงพร้อมดวงตาเปล่งประกายโมโหและบิดเบี้ยว รอจูนจิ่วปล่อยเขา เขาต้องจัดการจูนจิ่วแน่!
เขาคือนักจิตขั้นหก แต่จูนจิ่วเป็นเพียงเด็กสาวนักจิตขั้นสาม เมื่อครู่เขาดูเบาศัตรูไป! รอให้เขาหลุดไปแล้วแสดงฝีมือ ต้องไม่ถูกจูนจิ่วควบคุมอยู่เช่นตอนนี้อีกแน่ ผู้ดูแลหวางไม่รู้ว่าจูนจิ่วปิดบังความสามารถที่แท้จริงเอาไว้
นักจิตขั้นสาม อายุสิบห้าน่าตกใจอย่างยิ่งแล้ว หากเล็ดลอดออกไปว่าอายุสิบห้าขั้นสี่ เกรงว่าอาจมีหายนะมาเยือนได้ ดังนั้นชิงหยู่จึงเสนอให้จูนจิ่วซ่อนความสามารถไว้ แม้หงยิงจะรู้ นางไม่อยู่ในสำนักไท่ชู และการประมือห่างชั้นกับหงยิง จูนจิ่วยังฝ่าฝันจนแข็งแกร่งขึ้นมากมาย
ผู้ดูแลหวางร้องตะโกนขึ้น “ข้าทราบแล้ว ข้าจะเปลี่ยนห้องให้เจ้า รีบปล่อยมือ เจ็บยิ่งนัก!”
“หินทิพย์ยังต้องการหรือไม่?”
“ต้องการ!” ผู้ดูแลหวางพูดออกมาโดยไม่คิด จากนั้นจูนจิ่วเพิ่มน้ำหนักในมือให้แน่นขึ้น ผู้ดูแลหวางพลันร้องรีบส่ายศีรษะอย่างเจ็บปวด “ไม่แล้ว ไม่ต้องการหินทิพย์แล้ว!”
“แบบนี้สิถึงจะถูก” จูนจิ่วจึงคลายมือ เพียงนางคลายมือ ผู้ดูแลหวางรีบหันกลับไปคิดจู่โจมนาง แต่ยังไม่ทันได้จู่โจมมีสิ่งหนึ่งทะยานเข้าไปในปากของผู้ดูแลหวาง เขาจึงกลืนลงไปทันที หลังได้สติพลันร่างกายเย็นเฉียบ
ห้านิ้วของผู้ดูแลหวางกลายเป็นกรงเล็บ แข็งทื่อหยุดอยู่ห่างจากหน้าจูนจิ่วสามนิ้ว ดวงตาเขาเบิกกว้าง “เจ้าให้ข้ากินสิ่งใด?”
“ยาพิษสามารถทะลวงท้องลำไส้ ทำให้เนื้อเน่าเฟะ”
“อ๊าก!” ผู้ดูแลหวางไม่กล้าลงมืออีก เขาทราบดีว่าหากถูกพิษยิ่งเคลื่อนลมปราณ พิษยิ่งกำเริบเร็วขึ้น ดังนั้นรีบนั่งขัดสมาธิลง คิดขับพิษที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา
ผู้ดูแลหวางคือคนโง่เง่า แต่เขากลัวตายมากกว่า!
จูนจิ่วนั่งลงบนเก้าอี้ นางมองผู้ดูแลหวางพลางยิ้มอย่างเย็นชาดูแคลน ก่อนเอ่ยขึ้น “ไม่มีประโยชน์หรอก ยาพิษทำงานทันทีเมื่อเข้าปาก ก่อนซึมเข้าไปในเลือดอย่างรวดเร็ว เจ้าขับและพ่นมันออกมาไม่ได้”
ผู้ดูแลหวางมือแข็งทื่อล้วงลำคอ เขาหันจ้องจูนจิ่วอย่างเจ้าเล่ห์กัดฟันกรอด ก่อนลุกขึ้น ชี้ด่าทอจูนจิ่วอย่างโมโหและหวาดกลัวอย่างหนัก “จูนจิ่วเจ้ากล้ายิ่งนัก เจ้าเป็นเพียงเจ้าศิษย์นักการ ชีวิตไร้ค่าดังต้นหญ้า กลับกล้าวางยาพิษข้า!”
ยังจะเบ่งอำนาจ?
จูนจิ่วเลิกคิ้ว ก่อนลูบไล้ขนของเสี่ยวอู่ให้เป็นระเบียบอย่างเอื่อยเฉื่อย ก่อนนางมองผู้ดูแลหวางอย่างเย็นชา “พูดต่อไป”
“เจ้า เจ้า จูนจิ่วเจ้ารีบนำยาถอนพิษออกมา มิฉะนั้นข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแน่ หากข้าพิษกำเริบ เจ้าและศิษย์พี่ของเจ้า และสำนักเทียนอู่จงผู้ใดหนีไม่พ้น เจ้าต้องการให้สำนักเทียนอู่จงดับสูญหรือ? ผู้ดูแลหวางทั้งโมโหและกลัวพิษกำเริบ เบิกตากว้างจ้องจูนจิ่ว
จูนจิ่วจึงหัวเราะ “ผู้ดูแลประตูนอกคนหนึ่งเท่านั้น สำนักไท่ชูจะกำจัดสำนักเทียนอู่จงเพื่อเจ้าหรือ หากข้ารายงานเรื่องที่เจ้ารังแกข่มเหงข้าขึ้นไป เจ้าว่าสำนักไท่ชูจะจัดการเจ้าหรือว่าข้า?”
“ฮึ ข่มขู่ข้าหรือ ข้าเป็นคนของผู้อาวุโสใหญ่ ผู้ใดจะฟังคำพูดของเด็กที่เป็นทาสชั้นต่ำจากห้าสำนักสิบแคว้นเช่นเจ้า!”
หลังยกมุมปากขึ้น จูนจิ่วกระพริบตา ผู้ดูแลหวางเป็นคนของผู้อาวุโสใหญ่ นี่คือข้อมูลที่ได้รับมาอย่างไม่คาดฝัน นางรู้สึกตลอด ผู้ดูแลหวางตั้งใจหาเรื่องนางและชิงหยู่ เพราะมีคนอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะคำพูดของศิษย์หลายคนที่สำนักเฉ่าถังพวกนั้นในวันนี้ ยิ่งชวนให้จูนจิ่วสงสัย
ตอนนี้ได้เบาะแสเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง ยิ่งทำให้นางจัดการง่ายขึ้น ไม่ว่าเป็นผู้ใด ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังล้วนต้องถูกนางเปิดโปงออกมา!
จูนจิ่วมองผู้ดูแลหวางอย่างเย็นชา ก่อนเอ่ยขึ้น “ที่แท้ผู้ดูแลหวางคือคนของผู้อาวุโสใหญ่ เสียมารยาทแล้ว แต่ยาถอนพิษที่ท่านต้องการนั้นไม่มี พิษนี้ไม่กำเริบในเร็ววันนี้แน่”
“เจ้าหมายความว่าเช่นไร?” ผู้ดูแลหวางเกิดสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
“หลังจากวันนี้ท่านและข้าต่างคนต่างอยู่ ผู้ดูแลหวางท่านดูแลจัดการเจ้าศิษย์นักการประตูนอกของท่านไป ข้าและศิษย์พี่ใหญ่ทำเรื่องของพวกเรา หากให้ข้ารู้ว่าผู้ดูแลหวางประสงค์ร้ายต่อข้าและศิษย์พี่ วันหนึ่งท่านอาจต้องนอนเน่าเปื่อยอยู่บนเตียง และไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ของวันรุ่งขึ้นก็เป็นไปได้”
อ๊าก!
ผู้ดูแลหวางหยุดหายใจอย่างหวาดกลัว ดวงตาแทบถลนออกมา
จูนจิ่วจึงเอ่ยขึ้น “ผู้ดูแลหวางเข้าใจหรือไม่?”
ความเย็นเคลื่อนจากปลายเท้า เข้าสู่ภายในสมอง เย็นเฉียบจนผู้ดูแลหวางสั่นเทาไร้สติ คนที่จิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก! ผู้ดูแลหวางมองจูนจิ่ว เขารู้จูนจิ่วพูดจริงทำจริง ไม่ได้โกหกเขา และจูนจิ่วตอนนี้ยังคิดสังหารเขา
เขากลัวตาย! ร่างของผู้ดูแลหวางสั่นเทาไม่หยุด สีหน้าเขาซีดขาวไร้สีเลือด ก่อนเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นยาถอนพิษเล่า เจ้าต้องมอบยาถอนพิษให้กับข้า!”
“เจ็ดวันให้หลังก่อนพิษกำเริบ ข้าจะมอบยาถอนพิษเม็ดหนึ่งให้ท่าน จากนั้นอีกเจ็ดวัน ทุกๆ เจ็ดวัน เพียงท่านไม่รนหาที่ตาย ข้าจะให้ท่านมีชีวิตเพิ่มขึ้นอีกเจ็ดวัน” จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่ ยิ้มมุมปาก รอยยิ้มเวลานี้ของจูนจิ่วในสายตาของผู้ดูแลหวาง งดงามจนทำให้ไม่คิดเรื่องอกุศลอีกต่อไป
เขาตกตะลึง หวาดกลัวราวเผชิญหน้ากับมัจจุราชที่มีชีวิตตนหนึ่ง! ผู้ดูแลหวางเสียใจอย่างหนัก เขาไม่ควรยั่วยุจูนจิ่ว แต่ตอนนี้เสียใจก็สายเกินไปแล้ว
แมวขาวในอ้อมกอดของจูนจิ่วยื่นกรงเล็บออกมา ผู้ดูแลหวางเข้าใจความหมายของมันจากสีหน้า จึงเดินโซเซจนแทบหมอบคลานบนพื้น เพื่อปีนขึ้นไปหยิบกุญแจสองดอกออกมา ก่อนผู้ดูแลหวางมอบกุญแจให้เสี่ยวอู่อย่างหวาดระแวง “นี่คือกุญแจของเรือนสองหลัง ตั้งอยู่กลางเนินเขา”
จูนจิ่ว “เรียกคนมานำทาง”
“ได้ๆ” ผู้ดูแลหวางรีบพยักหน้า เขาข่มความเจ็บปวดบนมือและขาไว้ ผู้ดูแลหวางเดินออกไปเรียกองครักษ์หญิงสองคนเข้ามา เพื่อส่งจูนจิ่วไปที่พักแห่งใหม่
จูนจิ่วหมุนกายออกไปจากประตู หันกลับมายิ้มให้ผู้ดูแลหวางอย่างเย็นชา เสียงของนางแม้จะเย็นชา แต่ไพเราะจับใจยิ่งนัก ทว่าผู้ดูแลหวางที่ได้ยินกลับรู้สึกราวเสียงของมัจจุราช นางเอ่ยว่า “ผู้ดูแลหวางอย่ารนหาที่ตายแล้วกัน”
ตุ้บ!
สองขาอ่อนระทวย ผู้ดูแลหวางนั่งคุกเข่าลงบนพื้นกว่าครึ่งวันไม่สามารถลุกขึ้นได้ เขาล้วงลำคอและไปอาเจียน ยังอาเจียนไม่ออก
ดวงตาตกตะลึงของผู้ดูแลหวางเหลือไว้เพียงความหวาดกลัวและขี้ขลาด ก่อนร้องตะโกนขึ้น “เด็กๆ รีบประคองข้าไปพบศิษย์พี่หยุนหนี เร็วเข้า!”
ผู้ดูแลหวางถูกบ่าวหญิงประคองออกไปอย่างร้อนใจ รีบร้อนไปพบหยุนหนีที่ประตูชั้นในของสำนักไท่ชู
แต่เขากลับไม่รู้ว่าจูนจิ่วนั่งอยู่บนหลังคาในเรือนของเขาเห็นเหตุการณ์นี้เข้าเต็มตา ดวงตาเย็นชากะพริบ ก่อนจูนจิ่วจึงลูบขนของเสี่ยวอู่ “หยุนหนี?”
“เมี้ยว เจ้านาย หยุนหนีผู้นี้คือผู้ใดหรือ?” เสี่ยวอู่ถามอย่างสงสัย
การจดจำตำราที่อ่านในห้องหนังสือก่อนหน้านี้ได้ใช้ประโยชน์แล้ว จูนจิ่วค้นหาชื่อของหยุนหนี ก่อนเอ่ยขึ้น “หลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักไท่ชู และเป็นสาวงามอันดับหนึ่งสำนักไท่ชู”
“สาวงามอันดับหนึ่ง ผู้ใดกล้าเรียกตนว่าสาวงามอันดับหนึ่งต่อหน้าเสี่ยวจิ่วเอ่อร์กัน?”
จูนจิ่วดึงสายตากลับมา มองโม่อู๋เยว่ยิ้มแย้มทั้งตาและปาก ก่อนยิ้มอย่างใสซื่อ “เช่นนั้นท่านเล่า ผู้ใดกล้าเรียกตนว่าอันดับหนึ่งต่อหน้าท่าน?”
เทพบุตรเปรียบดังความยุ่งยาก บนสววรค์ทั้งเก้าชั้นบ่อน้ำอันล้ำลึก จะมีสิ่งใดเปรียบเทียบกับโม่อู๋เยว่ได้
ดวงตาดำขลับถูกประกายแสงสีทองดูดกลืนหายไป โม่อู๋เยว่มองจูนจิ่วอย่างลึกซึ้ง ก่อนเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงข่มความปรารถนาเอาไว้ “ต่อหน้าข้า เสี่ยวจิ่วเอ่อร์คือสาวงามอันดับห