บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 315 โทษประหารฆาตกร
บทที่ 315 โทษประหารฆาตกร
“ศิษย์พี่หยุนหนี ”ผู้ดูแลหวางตกใจมาตลอดทาง พอเห็นหยุนหนีราวกับเห็นคนช่วยชีวิตรีบวิ่งเหยาะๆเข้าหาทันที หยุนหนีไม่มองผู้ดูแลหวางเลยสักแวบเดียว นางเงยหน้ามองผู้คนในห้อง
จูนจิ่วเลิกคิ้ว นางน่ะหรือหยุนหนี
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหยุนหนีทำให้ทุกคนต่างรู้สึกตะลึง และยังได้ยินที่นางพูดแล้วก็ยิ่งประหลาดใจ มองเห็นหยุนหนีเดินเข้ามา มือบางโบกสะบัดไปหนึ่งทีก็เห็นลูกศิษย์สองคนลากตัวบุรุษผู้หนึ่งเข้ามา
เจ้าเมืองไทชูตะลึงงัน“คุณหนูหยุนหนีนี่หมายความว่าอย่างไร ”
“เหมือนที่ท่านเจ้าเมืองเห็น นี่ต่างหากที่เป็นคนฆ่าจูเก่อชิว จูนจิ่วนั้นถูกเข้าใจผิดไป ท่านไม่เชื่อ เช่นนั้นก็ฟังเขาพูดเถอะ“หยุนหนีส่งสายตาให้ ลูกศิษย์สองคนรีบปล่อยบุรุษผู้นั้นทันที ทุกคนต่างมองไปยังเขา
เห็นเพียงบุรุษมีท่าทีแน่วแน่ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ยืดอกหลังตรงสายตาจ้องเขม็งไปยังร่างของจูเก่อชิวที่อยู่บนเตียงด้วยความเกลียดชัง “เขาสมควรตาย เขาสมควรตาย สัตว์เดรัจฉานอย่างมันทำให้น้องข้าต้องตาย ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าฆ่าเขาเอง แม้ข้าต้องตายก็ไม่เสียดายแล้ว ”พูดจบ บุรุษผู้นั้นก็ล้วงเอามีดสั้นออกจากแขนเสื้อบาดไปที่ลำคอของตนเอง
ทุกอย่างรวดเร็วจนทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว เห็นเลือดแดงฉานพุ่งกระเซ็นต่างก็หลบหลีกไป ใบหน้าของบุรุษยังคงมีสีหน้าของความสะใจที่ได้ล้างแค้น ร่างไร้วิญญาณล้มตึงลงไปกับพื้น สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้ทุกคนในเรือนต่างเงียบกันไปชั่วครู่
ก่อนที่คนอื่นๆจะเปิดปากพูดอะไร หยุนหนีชิงพูดก่อนว่า “เขาเป็นศิษย์นอกสำนักของสำนักศึกษาไท่ชู เคยมีน้องสาวคนหนึ่งที่ถูกจูเก่อชิวรังแกจนฆ่าตัวตาย จึงได้แค้นฝังใจ เมื่อวานจึงได้หลอกจูเก่อชิวไปยังห้องหนังสือเพื่อฆ่าเขา”
หยุนหนีรีบใช้สายตามองปฏิกิริยาของคนที่อยู่รอบๆอย่างรวดเร็ว นางเอ่ยต่ออย่างไม่เร่งไม่รีบ “ส่วนเรื่องยาชุนเซียวหง ข้าคิดว่าคงเป็นเขาที่กรอกให้กินเพื่อแก้แค้น พวกท่านดู มีดสั้นที่เขาใช้ฆ่าตัวตายก็เป็นเล่มเดียวกันกับที่ใช้ฆ่าจูเก่อชิว ตอนนี้ความจริงทั้งหมดก็กระจ่างแล้ว”
คำพูดทั้งหมดถูกหยุนหนีพูดหมดแล้ว มีอาวุธ มีผู้ร้ายและยังยอมรับว่าเป็นคนลงมือฆ่า
ทั้งหมดดูแล้วก็สมบูรณ์แบบไร้ข้อกังขา
หยุนหนีมองไปยัง จูเก๋อหุน ริมฝีปากหยักยิ้มสวยงาม นางพูดว่า “ท่านเจ้าเมืองจูเก่อ ศพของฆาตกรก็อยู่ที่นี่แล้วสุดแต่ท่านจะจัดการ ส่วนจูนจิ่วท่านอย่าได้ใส่ความนาง นางกับชิงหยู่เป็นคนที่ท่านปู่ของข้าชื่นชมมาก ตอนนี้ที่เป็นได้แค่ศิษย์นอกสำนักก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น ”
สีหน้าของเจ้าเมืองไท่ชูเปลี่ยนไป คำพูดของหยุนหนีมีนัยน์แจ้งเตือน ว่าอย่าแตะต้องจูนจิ่วกับชิงหยู่ ข้างบนของพวกเขายังมีผู้อาวุโสใหญ่คอยปกป้องอยู่
เจ้าเมืองไท่ชูยังไม่พอใจ แล้วมองไปยังผู้ดูแลหวาง “แล้วที่ผู้ดูแลหวางบอกว่าเห็นลูกชายข้ากับจูนจิ่วอยู่ด้วยกันเล่า ”
“ข้า ข้ามองผิดไปกระมัง ”ผู้ดูแลหวางตัวสั่นงั่นงกอยู่ข้างหลังหยุนหนี พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เจ้าเมืองไท่ชูก็พูดอะไรไม่ออกอีก เขายังจะทำอย่างไรได้อีก
ตอนนี้มู่จิ่งหยวนอยู่ที่นี่ หยุนหนีก็ยกผู้อาวุโสใหญ่มาอ้าง แม้ว่าเจ้าเมืองไท่ชูจะเก่งกล้าสามารถแค่ไหนก็ไม่กล้าลงมือกับพวกจูนจิ่วได้ แม้ว่าในใจลึกๆของเขาจะไม่เชื่อว่าบุรุษที่ฆ่าตัวตายจะเป็นฆาตกรก็ตาม ภายนอก เจ้าเมืองไท่ชูจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้
เขาค่อยๆยกมุมปากขึ้นอย่างแข็งกระด้าง ยิ้มไม่น่าดู “ในเมื่อฆาตกรได้รับโทษแล้ว ความจริงก็กระจ่างแล้ว นังสารเลว ……จูนจิ่วกับชิงหยู่เป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าย่อมไม่หาเรื่องพวกเขาอีก”
น้ำเสียงของเจ้าเมืองไท่ชูใครได้ยินก็รู้ว่าไม่ยินดีหรือเต็มใจมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีหนทางอื่น การจับกุมที่แสนจะคุกรุ่นดุเดือดมากมาย ที่สุดก็ต้องจบลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ไม่ว่าเจ้าเมืองไท่ชูจะคิดเช่นไร มู่จิ่งหยวนก็ส่งจูนจิ่วกับชิงหยู่ออกไปด้วยตนเอง
เขาเอ่ยขึ้น “วันนี้เป็นความเข้าใจผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างสงบแล้วก็ดี ข้าจะให้คนส่งพวกเจ้าไปข้างนอก ใช่แล้วข้าคือมู่จิ่งหยวนหากพวกเจ้ามีเรื่องเดือดร้อนสามารถมาห้าข้าได้ในสำนัก”
“ได้ ขอบคุณนายน้อยมากทีช่วยเหลือในวันนี้”จูนจิ่วยิ้มบางๆ น้ำเสียงเรียบเฉย นางไม่พูดมาก หมุนตัวประคองชิงหยู่ที่ได้รับบาดเจ็บจากไป แต่พอพ้นหัวมุมเท่านั้น จูนจิ่วก็ปล่อยมือเหาะขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้สูงข้างๆ นางหันกลับไปมองยังประตูจวนเจ้าเมือง
ชิงหยู่เอ่ยขึ้นด้วยความสับสนไม่เข้าใจ “ศิษย์น้องเจ้าทำอะไร”
จูนจิ่วไม่ตอบชิงหยู่ เพราะว่านางเห็นมู่จิ่งหยวนได้ขวางหยุนหนีที่ออกมาทีหลังเอาไว้แล้ว ทั้งสองเดินไปยังตรอกเล็กๆข้างจวนเจ้าเมือง จูนจิ่วอยู่บนที่สูงจึงเห็นได้ชัดเจน แต่ตรงนี้ไม่ได้ยินสิ่งที่มู่จิ่งหยวนและหยุนหนีคุยกัน
หากเขยิบไปข้างหน้าอีก มู่จิ่งหยวนและหยุนหนีพลังแกร่งกล้าง่ายต่อการถูกเปิดเผย แต่นางก็สามารถเดาได้บ้างแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงไปแอบฟัง
แววตาไหววาบ จูนจิ่วเก็บอาการอย่างดีก่อนจะกระโดดลงมาจากยอดไม้ เปิดปากพูดว่า“ไปเถอะ ศิษย์พี่พวกเรากลับไปกันก่อนค่อยว่ากัน”
อีกฝั่งหนึ่ง
มู่จิ่งหยวนขมวดคิ้วมองหยุนหนีอย่างเคร่งเครียด “ศิษย์น้องหยุนหนี มีดสั้นเล่มนั้นเป็นของขวัญวันเกิดที่ผู้อาวุโสใหญ่ให้เจ้าชัดๆ”
เขาจำได้ เพียงแต่ยังคิดไม่ออกจึงไม่ได้เอ่ยปาก หยุนหนีปรากฏตัวกะทันหันและยังพาฆาตกรมาด้วยคนหนึ่ง อีกทั้งมีดสั้นยังกลายเป็นอาวุธของฆาตกร เห็นจูนจิ่วกับชิงหยู่หลุดจากข้อครหา มู่จิ่งหยวนก็ไม่ได้พูดออกมาตอนนั้น แต่ว่าตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการคำอธิบายจากหยุนหนี
หยุนหนีเตรียมตัวไว้พร้อมแต่แรกแล้ว พอพบมู่จิ่งหยวน นางก็ขมวดคิ้ว เม้มปากอย่างน้อยใจและโมโหพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว ข้าเป็นคนฆ่าจูเก่อชิวเอง แต่เขาสมควรตาย”
“ เกิดอะไรขึ้น”
“ศิษย์พี่มู่ท่านไม่รู้อะไร เจ้าจูเก่อชิวนั้นช่างบังอาจคิดอยากจะล่วงเกินข้า วันนั้นข้าได้รับจดหมายเรียกให้ไปพบที่ห้องหนังสือบอกว่ามีเรื่องสำคัญ ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมาจึงได้ไปดูให้แน่ใจ ใครจะไปรู้ว่าพอไปถึงจูเก่อชิงก็โผเข้ามาทำมิดีมิร้ายกับข้า ข้าจึงได้ฆ่าเขาด้วยอารมณ์โมโหชั่วขณะ แล้วก็กลับไป”
หยุนหนีร้องห่มร้องไห้เล่าอย่างน่าสงสาร ทำให้คนที่พบเห็นอดไม่ได้ที่จะปวดใจสงสารนาง แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา หยุนหนีเอ่ยอย่างโกรธแค้น“จูเก่อชิวสมควรตาย ข้าฆ่าเขาแล้วยังไม่ถามความผิดกับกับเจ้าเมืองจูเก่อเลย ไม่รู้ทำไมเจ้าเมืองจูเก่อถึงได้คิดว่าจูนจิ่วเป็นฆาตกร ข้าได้ยินข่าวก็รีบมาช่วยนาง ศิษย์พี่มู่ หากข้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าถูกจูเก่อชิวคิดมิดีมิร้าย ท่านปู่รู้เข้าคงต้องฆ่าคนทั้งหมดในจวนเจ้าเมืองแน่ๆ”
มู่จิ่งหยวนสีหน้าไม่เปลี่ยน เอ่ยอย่างเรียบเรียบ “ฉะนั้นเจ้าเลยหาตัวตายตัวแทน”
“ศิษย์พี่มู่ท่านอย่าเข้าใจผิด น้องสาวของลูกศิษย์คนนี้ถูกจูเก่อชิวทำให้ตายจริงๆ ฉะนั้นเขาจึงกล้าที่จะยืนออกมาพูด ขอบคุณข้าที่ช่วยน้องสาวนางล้างแค้น และก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยจูนจิ่วได้ และยังเลี่ยงไม่ให้ท่านปู่ฆ่าคนของจวนเจ้าเมืองจนสิ้นซาก หรือศิษย์พี่มู่คิดว่าข้าบีบบังคับเขาหรืออย่างไร ”หยุนหนีพูดมีเหตุมีผล ทุกคำมาจากจิตใจอันดีงามสูงส่งของนาง
มู่จิ่งหยวนเชื่อนาง เขาไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยอีก พยักหน้าแล้วยิ้มให้กับหยุนหนี
“วางใจเถอะข้าจะช่วยเจ้าปิดเป็นความลับ จะไม่แพร่งพรายให้ชื่อเสียงมัวหมอง”
หยุนหนี “ขอบคุณศิษย์พี่มู่ เรื่องนี้จูนจิ่วถูกข้าลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ข้าจะต้องชดใช้ให้นาง ศิษย์พี่ของเขาได้รับบาดเจ็บ ข้ามียารักษาจะไปมอบให้กับนางเดี๋ยวนี้”
“ให้ข้าเถอะ”มู่จิ่งหยวนพูดอย่างไม่ให้ปฏิเสธได้ เห็นชัดว่าเขาต้องไปดูแลจูนจิ่วกับชิงหยู่ด้วยตนเอง เห็นเช่นนี้ หยุนหนีก็ไม่กล้ายืนกราน เพียงแต่ตอนที่นางก้มหน้าลงสายตามีแววอาฆาตเย็นชา มู่จิ่งหยวนช่างใส่ใจจูนจิ่วกับชิงหยู่มากไปแล้วกระมัง
หากทุกเรื่องมีมู่จิ่งหยวนคอยยื่นมือเข้ามา นางจะจัดการจูนจิ่วได้อย่างไร โชคดีที่นางยังไม่ถูกเปิดโปง และยังไม่ทำให้จูนจิ่วสงสัย เรื่องนี้นางออกหน้าช่วยจูนจิ่วเอาไว้ น่าจะมีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นบ้าง