บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 316 ยังไงอู๋เยว่ก็รู้ใจข้าที่สุด
บทที่ 316 ยังไงอู๋เยว่ก็รู้ใจข้าที่สุด
หลังจากที่กลับไปแล้ว ชิงหยู่ก็ได้ทำการวางกับดักไปรอบๆลานบ้านก่อน ค่อยวางใจกลับเข้าไปในเรือนให้จูนจิ่วตรวจดูร่างกายของเขาอย่างละเอียด
ยังดีที่มีหมอเทวดาอย่างจูนจิ่วอยู่ด้วย ให้ชิงหยู่ได้กินยารักษาบาดแผลได้ทันเวลา อีกทั้งยังมีพลังทิพย์ที่ส่งผ่านลมปราณเข้าช่วย ร่างกายของชิงหยู่ไม่ได้สาหัสมากนัก เพียงแค่พักรักษาตัวดีๆหลายวันหน่อยก็จะกลับมาดีได้ดังเดิม ทั้งสองนั่งขัดสมาธิลง ชิงหยู่เปิดปากเอ่ยขึ้น “หยุนหนีคนนั้นมันยังไงกันแน่ แล้วมู่จิ่งหยวนนั่นอีกคน”
ชิงหยู่ขมวดคิ้วมุ่นรู้สึกสงสัย เขามองไปยังจูนจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเตือนขึ้น“พวกเราไม่รู้จักพวกเขา ทำไมพวกเขาต้องช่วยเหลือพวกเราด้วย ไร้เหตุผลฟังไม่ขึ้นเลย ”
“ผิดแล้ว คนที่ช่วยพวกเรามีแต่มู่จิ่งหยวน หยุนหนีไม่ใช่”จูนจิ่วรินน้ำชาให้กับชิงหยู่ เอ่ยขึ้นว่า “คนที่อยู่เบื้องหลังผู้ดูแลหวางก็คือหยุนหนีกับผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชู ที่ผู้ดูแลหวางจงใจหาเรื่องพวกเรา ก็เพราะมีพวกนางคอยสั่งการอยู่เบื้องหลัง ”
“แล้วทำไมนางต้องจับตัวฆาตกรมาด้วยตัวเองเล่า และยังคืนความบริสุทธิ์ให้กับพวกเราด้วย”ชิงหยู่ประหลาดใจ
ได้ยินเช่นนี้ จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมาองชิงหยู่และพูดว่า “ศิษย์พี่คิดว่านั่นคือฆาตกรตัวจริงหรือ”
“หรือว่าไม่ใช่”
จูนจิ่ว “อาวุธที่ฆ่าจูเก่อชิวไม่ใช่อาวุธธรรมดา ลูกศิษย์นอกสำนักธรรมดาคนหนึ่งไม่สามารถมีมีดสั้นเช่นนั้นได้ และในคำพูดของหยุนหนีก็มีช่องโหว่ ที่บอกว่ายาชุนเซียวหงนั้นเป็นลูกศิษย์คนนั้นป้อนให้กับจูเก่อชิว สามารถคาดเดาจากตรงนี้ได้ว่า ลูกศิษย์คนนั้นไม่ใช่ฆาตกร กลับกันหยุนหนีต่างหากที่ใช่”
ชิงหยู่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว มือที่ถือถ้วยชาออกแรงมากขึ้นอีกหลายส่วน “เป็นหยุนหนีที่ฆ่าจูเก่อชิว”
“อืม”จูนจิ่วเดิมทีก็ไม่แน่ใจ แต่นางสังเกตเห็นตอนที่มู่จิ่งหยวนเห็นบาดแผลแล้วมีท่าทีตกใจ นี่แสดงว่ามู่จิ่งหยวนต้องรู้แน่ๆว่าอาวุธเป็นของใคร และหลังจากที่จบเรื่องแล้ว มู่จิ่งหยวนได้รั้งตัวหยุนหนีไว้คุยกันตามลำพัง ด้วยเหตุนี้เอง จูนจิ่วสามารถแน่ใจได้ร้อยทั้งร้อยว่าหยุนหนีเป็นคนฆ่าจูเก่อชิว
นางไม่ได้สนใจว่าหยุนหนีพบกับจูเก่อชิวได้อย่างไร แล้วทำไมต้องฆ่าจูเก่อชิว ที่จูนจิ่วสงสัยคือ ทำไมหยุนหนีต้องหาแพะรับปาบมาช่วยพวกเขา
จูนจิ่ว “เป็นถึงหลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชู สถานะของหยุนหนีในสำนักศึกษาไท่ชูนั้นสูงส่งนัก ข้ากับศิษย์พี่นั้นไม่คู่ควรที่นางจะยื่นมือช่วยเหลือ แล้วยังมี พวกนางได้ใช้ให้ผู้ดูแลหวางหาเรื่องท่านกับข้า นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย”
“ศิษย์น้อง หยุนหนีไม่สมเหตุผลถ้าเช่นนั้นมู่จิ่งหยวนยิ่งไม่สมเหตุผล”สีหน้าของชิงหยู่ยังคงซีดขาว เขาหรี่ตาลงน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก “หยุนหนีไม่แน่ว่าเห็นพวกเราเป็นแพะรับปาบ ในใจรู้สึกไม่ดีจึงยื่นมือเข้ามาช่วย แต่มู่จิ่งหยวนคนนั้น พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิด แต่เขากลับใส่ใจมากกว่าหยุนหนีเสียอีกไม่น่าแปลกกว่าหรอกหรือ”
จูนจิ่วไม่ได้พูดอะไร นางเองก็คิดไตร่ตรองอยู่ ตอนนี้หยุนหนีกับมู่จิ่งหยวนเป็นสัญลักษณ์คำถามใหญ่ นางไม่รู้ว่าทั้งสองคนคิดจะทำอะไรกันแน่ในตอนนี้
ตอนนี้เองเสี่ยวอู่กระโดดเข้ามาจากทางหน้าต่าง เปิดปากเหมียวๆ “เจ้านาย มู่จิ่งหยวนมา ”
มู่จิ่งหยวนมาทำไม
จูนจิ่วไม่เคลื่อนไหว รอมู่จิ่งหยวนเคาะประตูแล้วนางกับชิงหยู่ส่งสายตากัน จึงเดินไปเปิดประตู
มู่จิ่งหยวนยืนอยู่นอกห้อง ฟ้ามืดแล้วมีเพียงแสงจันทร์ส่องกระทบร่าง คุณชายผู้สง่าและสูงส่ง ดวงตาแฝงรอยยิ้มจางๆอย่างสง่างาม ง่ายนักที่คนจะละทิ้งเกราะป้องกันแล้วเชื่อเขาสนิทใจ มู่จิ่งหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “จูนจิ่ว ข้ามาส่งยาให้กับพวกเจ้า”
“ส่งยา”
“ใช่ ศิษย์พี่เจ้าได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ พวกเจ้าอยู่นอกสำนักจะซื้อยาก็ไม่สะดวกนัก นี่เป็นยาที่ข้าเตรียมเอาไว้และยังมีน้ำใจจากศิษย์น้องข้าหยุนหนีด้วย”จูนจิ่วได้ยินดังนั้น สายตาก็จรดไปที่มือของมู่จิ่งหยวน กล่องใหญ่ใบหนึ่งบรรจุยาไว้สิบกว่าขวด ชิงหยู่เดินมาจากข้างหลัง ขมวดคิ้วมองมู่จิ่งหยวนอย่างระวังภัย เขาพูดว่า “ขอบคุณน้ำใจของนายน้อยมาก แต่ยาพวกนี้พวกเราไม่……”
“ข้าจะรับไว้ ขอบคุณมาก ”จูนจิ่วตัดบทคำพูดของชิงหยู่ ยื่นมือไปรับกล่องยาไว้ ชิงหยู่เห็นดังนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จูนจิ่วรับกล่องยาแล้วมองไปยังมู่จิ่งหยวน “นายน้อยยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่ ”
“มี จูนจิ่วเจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่านายน้อย ตอนนี้เจ้าก็นับว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชูแล้ว เรียกข้าว่าศิษย์พี่มู่ก็ได้”
“ศิษย์พี่มู่”จูนจิ่วพูดได้ว่าเชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง แต่มู่จิ่งหยวนรู้ดีว่าจูนจิ่วยังคิดกับเขาแค่คนแปลกหน้าเช่นเดิม ดูได้จากน้ำเสียงและท่าทีที่เย็นชาของนาง
เห็นจูนจิ่วก็ไม่ได้มีท่าทีอยากจะคุยกับเขานัก ชิงหยู่ที่อยู่ข้างหลังก็ต่อต้านเขาราวกับศัตรู มู่จิ่งหยวนเข้าใจสถานการณ์ดี เขายิ้ม และพูดว่า “วันนี้พวกเจ้าเหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนเถอะ ข้าขอตัวก่อน ลาล่ะ”
“ลาก่อน”จูนจิ่วยืนส่งมู่จิ่งหยวนด้วยสายตาไปในความมืด นางยืนมองอยู่อย่างนั้นเป็นนาน
ชิงหยู่ก็มองไปในความมืด แล้วหันกลับมามองจูนจิ่ว เขาเหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด ได้ยินเสี่ยวอู่ร้องเหมียวเสียงหนึ่ง ชิงหยู่เงยหน้าขึ้นก็เห็นปีศาจบางตนโผล่ขึ้นมากลางอากาศ บังอยู่ตรงหน้าสายตาของจูนจิ่ว ชิงหยู่ประหลาดใจ “ผู้อาวุโสโม่”
โม่อู๋เยว่ลดตัวลงกวาดตามองชิงหยู่แวบหนึ่ง เขามองไปยังจูนจิ่ว แววตาลึกล้ำไม่เห็นก้นบึ้ง โม่อู๋เยว่เอ่ยขึ้น “คนก็ไปไกลแล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยังมองอะไร”
ชิงหยู่ ……
เสี่ยวอู่……
หนึ่งคนหนึ่งแมงฟังแล้วก็ได้กลิ่นน้ำส้มฉุนออกมา ชิงหยู่กับเสี่ยวอู่พร้อมใจกันเดินถอยเข้าห้องไป ทิ้งพื้นที่ข้างนอกนี้เอาไว้ให้กับจูนจิ่วกับโม่อู๋เยว่
จูนจิ่วได้สติคืนมา นางเงยหน้าขึ้นมองโม่อู๋เยว่ “ไม่ได้มองเขา เพียงแต่กำลังคิดว่ามู่จิ่งหยวนคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ”
“ถ้าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากรู้ ข้าจะสั่งให้เหลิ่งยวนไปจับมาเค้นให้หนัก จะได้คายทุกอย่างออกมา”
“ไม่ต้อง”จูนจิ่วสะบัดมือปฏิเสธ นางฟังออกถึงน้ำเสียงที่ไม่ประสงค์ดีของโม่อู๋เยว่ ราวกับว่าขอเพียงนางมีความคิดนี้ หรือแม้แต่จะมีท่าทีสนใจเพียงน้อยนิด นาทีต่อไป โม่อู๋เยว่คงจะให้เหลิ่งยวนไปจับตัวเขามาจริงๆ
หันกลับไป จูนจิ่วเห็นชิงหยู่กับเสี่ยวอู่ต่างก็หนีไปแล้ว มุมปากยกขึ้น เอ่ยอย่างจำใจ “เข้ามาคุยกันเถอะ”
นางกับโม่อู๋เยว่คนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้าอีกคนอยู่ข้างหลังเดินเข้าไปในห้อง เงยหน้าเห็นชิงหยู่กับเสี่ยวอู่อยู่ในห้อง สีหน้าท่าทีราวกับว่าทำไมพวกเขาสองคนไกล่เกลี่ยกันได้รวดเร็วเช่นนี้ จูนจิ่ววางยาลงกับโต๊ะ เปิดฝาออกตรวจดูทีละอย่าง
จูนจิ่ว “ยาพวกนี้ไม่มีปัญหา แต่ฤทธิ์ยาแย่มาก ศิษยพี่เก็บไว้เถอะ ถือว่าสำรองไว้ใช้”
“มีของดีของศิษย์น้องอยู่แล้ว ไหนเลยจะต้องการของไร้ประโยชน์พวกนี้ เห็นแล้วก็รู้ว่าไม่น่าใช้ ทิ้งไปเถอะ ขวดสามารถเก็บไว้เป็นของเล่นเสี่ยวอู่ ตกแตกไปก็ไม่เสียดาย”ชิงหยู่พูดแล้วคิดจะยกมือลูบเสี่ยวอู่ แน่นอนว่าแม้แต่ปลายหางก็ไม่ได้จับ เสี่ยวอู่ก็หลบไปแล้ว
อุ้มเสี่ยวอู่ที่กระโดดเข้ามาในอ้อมกอด จูนจิ่วเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน “ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ”
“ศิษย์น้องหมายความว่าอย่างไร ยังไม่จบ”ชิงหยู่สีหน้าสงสัย
โม่อู๋เยว่ “ความหมายของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คือ เจ้าเมืองไท่ชูคงไม่รามือง่ายๆ เขาไม่ยอมรับจุดจบเช่นนี้ ยังต้องลงมือกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเจ้าอีกเป็นแน่”
“ยังไงอู๋เยว่ก็รู้ใจข้าที่สุด”จูนจิ่วหันไปเลิกคิ้วให้กับโม่อู๋เยว่ ยิ้มอยางมีเลศนัย เจ้าเมืองไท่ชูไม่วางมือง่ายๆหรอก