บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 320 สงครามความหึง
บทที่ 320 สงครามความหึง
ตอนที่กลับไป จูนจิ่วมองเห็นชิงหยู่ที่ยังคงถูกมัดอยู่กับที่ รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ “ศิษย์พี่ของข้าเป็นอะไรไป”
“เขานั่งพักผ่อน ”สายตาโม่อู๋เยว่ไหววูบ พันธนาการบนร่างของชิงหยู่ก็สลายไปทันที ชิงหยู่นิ่งแข็งอยู่เป็นครึ่งวัน ปลดพันธนาการแล้วก็ขยับไม่ได้ทำได้เพียงค่อยๆขยับคอ จากนั้นก็ค่อยๆขยับมือและเท้าลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างช้าๆ ชาไปหมดแล้ว
จูนจิ่วมองชิงหยู่เป็นเช่นนี้ไม่เหมือนกำลังพักผ่อน ตอนที่นางกำลังจะอ้าปากพูดโม่อู๋เยว่ก็ชิงพูดขึ้นก่อน เขาพูดว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เหนื่อยมากแล้วต้องการพักผ่อน เจ้ากลับห้องของเจ้าไปได้แล้ว ”
“ได้”ชิงหยู่เห็นสีหน้าของจูนจิ่ว เขาจำบุญคุณความแค้นครั้งนี้ไว้อย่างเงียบๆ ภายหลังหากสบโอกาสเขาต้องบอกศิษย์น้องแน่ๆ ขังโม่อู๋เยว่ในห้องมืด พอก้าวขาออกไป ทั้งร่างทั้งชาทั้งเจ็บชิงหยู่ทนไม่ไหวจนต้องซู้ดปาก เห็นดังนั้น จูนจิ่วก็ดีดนิ้วผ่านอากาศจี้จุดให้กับชิงหยู่ อาการแข็งทื่อและชาหายเป็นปลิดทิ้ง พลังทิพย์แล่นได้สะดวกยิ่งขึ้น จูนจิ่ว “ยังไม่สบายตัวหรือ ศิษย์พี่ท่านลองกดตรงจุดที่ข้าจี้ไปเมื่อสักครู่ จะดีขึ้นมาก”
“ได้”ชิงหยู่หันกลับไปน้ำตารื้นขอบตา ยังไงศิษย์น้องก็ดีที่สุด
ใช้สายตาส่งชิงหยู่ออกไป จูนจิ่วเก็บสายตาค่อยๆมองไปยังโม่อู๋เยว่ “ท่านสะกดให้ศิษย์พี่อยู่ในห้องหรือ”
“อืม”โม่อู๋เยว่ไม่แก้ตัวใดๆ เพียงแต่ตอบรับอย่างเฉยเมย จูนจิ่วเลิกคิ้ว พูดขึ้นว่า “ครั้งหน้าจำไว้ด้วยว่าหลังจากจบเรื่อง ปล่อยศิษย์พี่ข้าไป ไม่เช่นนั้นหากเราไม่กลับมา เขาก็ต้องถูกสะกดอยู่อย่างนี้”
คิดดูแล้ว จูนจิ่วเองก็ช่วยเหลือศิษย์พี่อย่างนับถือและเห็นใจ แต่นางไม่โทษโม่อู๋เยว่ เพราะเปลี่ยนเป็นนางเองก็คงจะทำเช่นเดียวกัน
บิดขี้เกียจ จูนจิ่วขยี้ตา “ข้าจะพักผ่อน อู๋เยว่ควรทำอะไรก็ไปทำเถอะ”
ปรากฏว่าพอจูนจิ่วนั่งลงบนเตียง เงยหน้าขึ้นก็มองเห็นโม่อู๋เยว่ยืนอยู่ตรงหน้านางในระยะหนึ่งก้าว เงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย จูนจิ่ว “ท่านจะตามข้าทำไม”
“ข้ายังติดค้างสิ่งหนึ่งกับเจ้า”โม่อู๋เยว่ยิ้มอย่างชั่วร้าย
“อะไร”
ขณะที่จูนจิ่วสงสัย เห็นโม่อู๋เยว่โน้มตัวเข้าใกล้ จูบหนึ่งจรดลงระหว่างคิ้วราวกับแมลงปอแตะผิวน้ำอย่างแผ่วเบา สัมผัสแผ่วเบา แต่กลับทิ้งความร้อนระอุอย่างไม่อาจละความสนใจได้ จูนจิ่วกระพริบตาปริบๆ ได้ยินเสียงทุ้มอันดึงดูดของโม่อู๋เยว่ดังอยู่ข้างหู “ติดค้างเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หนึ่งจูนเพื่อเป็นรางวัล”
จูนจิ่วอ้าปากพูด “แต่ข้าไม่ได้พนันแล้ว”
“ข้าพนัน”มุมปากของโม่อู๋เยว่ยกขึ้นทั้งชั่วร้ายทั้งดึงดูด ราวกับกรงเล็บแมวข้างหนึ่งที่กวนน้ำให้ขุ่นทั้งสระ เกิดเป็นระลอกคลื่นอยู่ในใจจูนจิ่ว
แล้วนางก็เห็นโม่อู๋เยว่นั่งลงไป ยื่นมือไปถอดรองเท้าถุงเท้าของนางจนเผยให้เห็นเท้าเล็กๆที่ขาวดุจหยก จูนจิ่วตอบสนองดุจสายฟ้าฟาดรีบหดเท้ากลับไปทันที นั่งคุกเข่ากดทับไว้ใต้สะโพก นางเบิกตามองโม่อู๋เยว่อย่างตกตะลึง “ท่าน”
“เหมียวเหมียวเหมียว”เสียงเหมียวที่ดังขึ้นแฝงแววง่วงนอน หรือว่า โม่อู๋เยว่จะนอนกับเจ้านายหรือ
จูนจิ่วหันไปมอง เพิ่งจะโผล่หัวออกมาจากกองผ้าห่มเสี่ยวอู๋ก็มุดกลับเข้าไปอีกครั้ง เป็นกิริยาที่ทำโดยไม่รู้ตัว จูนจิ่วเบาใจดีที่โม่อู๋เยว่ฟังภาษาแมวไม่เข้าใจ แต่คำพูดถัดไปของโม่อู่เยว่ทำลายความโชคดีของจูนจิ่ว
โม่อู๋เยว่หรี่ตายิ้มชั่วร้าย “ความคิดนี้ไม่เลว ข้าเห็นเตียงของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กว้างดี เพิ่มข้าอีกคนก็ไม่อึดอัด”
“!!”
จูนจิ่วตกตะลึง มองโม่อู๋เยว่ที่ถอดรองเท้าขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงอย่างมึนงง บนใบหน้างามดุจปีศาจนั้น ดวงตางดงามเหมือนดาวบนท้องฟ้าแต่ก็เหมือนน้ำวนที่คอยดึงดูดคนเข้าไป
มองโม่อู๋เยว่อย่างตะลึงอยู่ชั่วครู่ จูนจิ่วเรียกสติคืนมาแล้วพูดว่า “อู๋เยว่ท่านนอนร่วมเตียงกับข้า ไม่กลัวข้าทำอะไรท่านหรือ”
“หืม เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คิดอยากจะทำอะไรข้าหรือ”โม่อู๋เยว่ยิ้ม สีหน้าที่แสดงออกเหมือนตั้งตารอและประหลาดใจ ก็เหมือนกับบอกกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ว่าข้าจะนอนนิ่งๆ เจ้าจะทำอะไรก็ได้ตามสบาย ปีศาจโม่ไม่เป็นไร แต่จูนจิ่วใบหน้ายิ่งแดงขึ้นทุกที
นางสูดลมหายใจหนึ่งเฮือก พลิกตัวดึงผ้าห่มคลุมศีรษะ น้ำเสียงทั้งเย็นชาทั้งอึดอัดส่งมาจากใต้ผ้าห่ม “ข้ามีผ้าห่มผืนเดียว ไม่พอท่านนอน และเสี่ยวอู๋ก็นอนไม่เรียบร้อย เกรงจะรบกวนท่าน”
“เหมียว”ถัดมาเสี่ยวอู่ก็ถูกจูนจิ่วผลักออกมาจากผ้าห่ม แววตานิ่งอึ้งของแมวประสานเข้ากับโม่อู๋เยว่
เสี่ยวอู่กับจูนจิ่วสื่อกันทางจิตได้ ไม่คิดอะไรก็กางกรงเล็บหันไปโบกให้กับโม่อู๋เยว่ เสี่ยวอู่ร้องเหมียวๆ น้ำเสียงเย่อหยิ่งได้ใจ “เจ้านายไม่นอนกับท่าน เจ้านายจะนอนกับข้า โม่อู๋เยว่ท่านออกไปได้แล้วเหมียว”
โม่อู๋เยว่“หึ”
นอกจากเสี่ยวอู่จะไม่ได้เป็นการไล่โม่อู๋เยว่แล้ว ยังเป็นการราดน้ำมันบนกองไฟ แต่เสี่ยวอู่กลับไม่รู้ตัว ป้องเจ้านายไว้ระหว่างโม่อู๋เยว่กับจูนจิ่ว เสี่ยวอู่พูดต่อไปว่า“ข้านอนกับเจ้านายทุกวัน เจ้าคิดจะแย่งที่ข้าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง ”
“เจ้าก็แค่แมวตัวหนึ่ง”
“แมวก็กลายเป็นคนได้ ”เสี่ยวอู่โต้เถียงกับโม่อู๋เยว่ด้วยความหึงหวง ไม่ทันระวังพลั้งปากพูดออกไป ตอนที่ได้สติกุมปากเอาไว้ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
โม่อู๋เยว่เลิกคิ้ว เห็นร่างของแมวตัวนั้นแข็งทื่อไม่กล้าขยับ เป็นนายกว่าจะหมุนคอ ค่อยๆแอบมองไปยังจูนจิ่ว เหมียวเหมียวเหมียว ขออย่าให้เจ้านายได้ยินเลย เขาไม่ได้เป็นแมวสักหน่อย เป็นเสือขาวกลายร่าง เสือขาวสามารถกลายเป็นคนได้ แต่เสี่ยวอู่ไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนที่จริงเลย
มันหมุนขอไปสุด เห็นภายในผ้าห่มไม่มีความเคลื่อนไหว เสี่ยวอู่ดวงตาเบิกโต ยื่นมือออกไปด้วยความหวาดกลัว แต่ยังไม่ทันได้แตะต้องผ้าห่มก็ถูกโม่อู๋เยว่หิ้วคอไปอีกฝั่ง
เสี่ยวอู่โบกสะบัดกรงเล็บอย่างโมโห “เหมียวเหมียวเหมียว ปล่อยข้า ”
“เงียบ”โม่อู๋เยว่คำรามเสียงต่ำอันตราย เสี่ยวอู่ได้ยินก็รีบหุบปาก โม่อู๋เยว่ไม่มองเสี่ยวอู๋ แต่ว่าสายตาที่จดจ่อแฝงแววประหลาดใจยื่นมือออกไป โม่อู๋เยว่ค่อยๆดึงผ้าห่มออก
ใต้ผ้าห่ม จูนจิ่วหลับตานอนแล้ว ไม่มีการบดบังจากผ้าห่ม พลังปราณระหว่างฟ้าดินก็ยิ่งทวีความชัดเจนในการวิ่งเข้าหา เห็นรอบกายจูนจิ่วมีพลังปราณเปล่งประกายห่อหุ้มเป็นเกราะอยู่หนึ่งชั้น เสี่ยวอู่ตะลึง เจ้านายบรรลุแล้ว
โม่อู๋เยว่หัวเราะ “ไม่เสียทีที่เป็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์”
ก่อนหน้านี้ที่ฆ่านักฆ่า ระดับของจูนจิ่วก็ค่อยๆบรรลุแล้ว จากนั้นใช้ยาหุ่นเชิด และพลังจิตในการควบคุมเจ้าเมืองไท่ชูจูเก๋อหุน ถึงจุดที่พลังทิพย์เหลือล้นทำให้บรรลุอย่างราบรื่น หากเป็นคนอื่นคงไม่ง่ายดายเช่นนี้ แต่นางคือจูนจิ่ว หมอเทวดาจูนจิ่วผู้ไม่ธรรมดา
ปลายนิ้วลูบไล้ใบหน้าอบอุ่นของจูนจิ่วอย่างแผ่วเบา โม่อู่เยว่พิงอยู่กับตั่งที่นอนของจูนจิ่วด้วยท่าทีเกียจคร้านสบายใจ เขากำลังปกป้องของของตัวเอง เสี่ยวอู๋ไม่ยอมแพ้ ค่อยๆย่องขึ้นไปบนเตียงเข้าใกล้จูนจิ่วเข้าไปอีกสองก้าว สีหน้ามีแววได้ชัยชนะชั่วขณะ
โม่อู๋เยว่มองไปทางมันทันที “ตอนที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บรรลุนักจิตชั้นห้า เจ้าก็จะสามารถพูดภาษาคนได้”
“เหมียว”เสี่ยวอู่ตะลึงงัน เช่นนั้นเสียงเหมียวนั้นคงไม่ทำให้ถูกเปิดเผยกระมัง
เห็นเสี่ยวอู๋ท่าทีเสียขวัญ โม่อู๋เยว่ก็ยิ้ม เงยหน้ามองจูนจิ่วที่นอนสบายอยู่ด้วยสายตาสงบ มีเพียงแมวตัวเดียวเท่านั้นที่แทะกรงเล็บอยู่
โม่อู๋เยว่จงใจ วันๆก็เอาแต่ได้ใจที่ได้นอนกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ หึ