บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 329 ศิษย์น้องช่างร้ายกาจ ทิ่มแทงใจ
บทที่ 329 ศิษย์น้องช่างร้ายกาจ ทิ่มแทงใจ
มีข้าอยู่ซะอย่าง วางใจได้ จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นอย่างจองหอง สีหน้าแววตาราวกับกำชัยชนะไว้ในมือ
หลังจากผงยาโรยออกไปไม่นาน หยุนหนีก็อ้างว่าตัวเองเหนื่อยจนเดินไม่ไหวแล้วอยากพักผ่อน เพิ่งจะหยุดพักผ่อน หยุนหนีก็พูดว่า “จูนจิ่วพวกเจ้ากระหายน้ำหรือไม่ ข้าจะไปหาน้ำ พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่อย่าไปไหนเด็ดขาด ภูเขาหนานมีสัตว์ทิพย์มากมาย หากพบเข้า คงไม่ได้จัดการง่ายๆเหมือนม้าลายเสือดาวสองตัวนั้นที่พวกเจ้าต่อกรด้วย”
นางแกล้งทำเสียงเตือนให้กลัว แล้วก็รับผิดชอบไปหาน้ำให้พวกเขาอย่างจริงจัง ดูแล้วก็เอาการเอางานไม่เบา หากเป็นคนอื่น บางทีอาจจะเชื่อฟังจนนั่งรอนางอยู่ที่นี่
แต่จูนจิ่ว “ช้าก่อน”
จูนจิ่วเดินไปทางหยุนหนี ประสานเข้ากับสายตาเย็นชาของจูนจิ่ว หยุนหนีมีความรู้สึกเหมือนกับว่าถูกมองจนทะลุปรุโปร่ง ปลายนิ้วนางเก็บแน่น เห็นจูนจิ่วยื่นมือเข้ามาแม้สีหน้าหยุนหนีจะปกติแต่ร่างกายกลับเกร็งขึ้นมา แต่ว่าท้ายที่สุดจูนจิ่วก็แค่หยิบเอาใบไม้ออกจากไหล่ของนางเท่านั้น ยิ้มอ่อนๆ “ศิษย์พี่หยุนหนีรีบไปรีบกลับเถอะ”
“ได้ได้”หยุนหนีพยักหน้ารับอย่างรีบร้อน หมุนตัวจากไปทันที
เห็นหยุนหนีจากไป ชิงหยู่ก็รีบเดินมาพูดขึ้นทันที “ศิษย์น้องทำไมจึงปล่อยนางไปเล่า ผงยาบนร่างนางโรยไว้รอบตัวพวกเรา ไม่รู้ว่ามันเป็นยาอะไรด้วย”
จูนจิ่วหันไปมองชิงหยู่ นางยื่นมือไปลูบใบไม้ที่มีผลสีขาวติดนิ้วกลับมา นิ้วมือขยี้ไปมา จูนจิ่ว “นี่เป็นผงยาล่อสัตว์ทิพย์”
“อะไรนะ”ชิงหยู่ขมวคิ้วสีหน้าดำคล้ำ
เขารู้ว่าหยุนหนีไม่ได้มีเจตนาที่ดี แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกถึงไอสังหารจากตัวนาง แต่ก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดี ตอนนี้หยุนหนีวางยาแล้วก็หนีไป ชิงหยู่กำหมัดชกไปที่ต้นไปเสียงดังสนั่น เกือบจะทำให้ต้นไม้ที่มีลำต้นใหญ่เท่าเอวหักโค่นลงมา
ชิงหยู่อารมณ์คุกรุ่น “หยุนหนีคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ ”
จูนจิ่ว “นางอยากจะขัดขวางไม่ให้เรากลับไป จุ๊ ศิษย์พี่เอายานี้โรยให้ทั่วตัว อีกเดี๋ยวจะมีละครดีๆให้ดูล่ะ”
ชิงหยู่ ??
เขางงไม่หมดแล้ว ไม่รู้ว่าจูนจิ่วกำลังพูดอะไร ไม่ใช่พวกเขาหรอกหรือที่ต้องวิ่งหนีก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกสัตว์ทิพย์มาห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้ ที่นี่คือภูเขาหนาน ไม่ใช่สองสำนักสิบแคว้น สัตว์ทิพย์ที่นี่ขั้นต่ำก็คือสัตว์ทิพย์ชั้นสาม หากถูกล้อมไว้จริงคงไม่ใช่เรื่องสนุก
แต่เห็นท่าทีจูนจิ่วมั่นใจมาก ชิงหยู่ก็เชื่อนางอย่างสนิทใจ
พวกเขาเขย่งเข้ากระโดดขึ้นไปบนยอดไม้สูง ไม่นานก็ได้ยินเสียงเหล่าสัตว์ทิพย์ที่คำรามมาแต่ไกล เพียงชั่วพริบตา แผ่นดินสั่นสะเทือน สัตว์ทิพย์รวมตัวกันพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง มีงูพิษ เสือดาวพันลี้ เสือผาหินครามเป็นต้น มีทั้งระดับสามระดับสี่แม้กระทั่งสัตว์ทิพย์ระดับหกก็รวมอยู่ในกลุ่มนั้นกรูกันเข้ามา ชิงหยู่ใจเต้นจนจะกระเด็นออกมาแล้ว เขากำกิ่งไม้ข้างหน้าไว้แน่น “ศิษย์น้อง ยาของเจ้าใช้กับสัตว์ทิพย์ชั้นหกได้หรือไม่”
“อืม”จูนจิ่วพยักหน้า
ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา เหล่าสัตว์ทิพย์พุ่งกันเข้ามา สั่นสะเทือนจนต้นไม้โยกไปมาไม่หยุด เสี่ยวอู่กอดแขนของจูนจิ่วไว้แน่น ใช้สายตาแมวมองไปยังทิศทางที่เหล่าสัตว์ทิพย์พุ่งทะยานไป เหล่าสัตว์ทิพย์ไม่เห็นพวกเขาเลย ยังคงมุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่ง
ชิงหยู่ผ่อนลมหายใจแล้วสงสัย “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“เหมียวๆๆ”เสี่ยวอู่เงยหน้าอย่างได้ใจ เมื่อครู่จูนจิ่วไม่ได้ช่วยหยุนหนีหยิบใบไม้ออกมาเฉยๆ เครื่องหอมดึงดูดสัตว์หยดหนึ่งได้หยุดลงบนไหล่ของหยุนหนี สำหรับเหล่าสัตว์ทิพย์แล้วนี่คือดวงไฟที่สว่างในยามค่ำคืน
ในที่สุด
ไม่ช้าที่ไกลออกไปก็มีเสียงตกใจอย่างไม่อยากเชื่อของหยุนหนีดังขึ้น แล้วตามด้วยเสียงร้องอย่างตื่นตกใจ
ปังปังปัง เสียงสัตว์ทิพย์โจมตี ปะปนไปกับเสียงคำรามของเหล่าสัตว์ทิพย์ และเสียงร้องของหยุนหนี ทำให้ภูเขาหนานปั่นป่วนวุ่นวายเละเป็นโจ๊ก จูนจิ่ว“พวกเขาไปดูกันเถอะ ”
ชิงหยู่ยังคงตกตะลึงไม่หาย พอได้สติจูนจิ่วก็อุ้มเสี่ยวอู่พุ่งเข้าไป จึงได้รีบตามไป
“เฮ้ ศิษย์น้องรอข้าด้วย”
เครื่องหอมดึงดูดสัตว์ที่จูนจิ่วกลั่นขึ้นมา อำนาจของมันไร้ที่สิ้นสุด สัตว์ทิพย์ฝูงหนึ่งล้อมรอบหยุนหนีเอาไว้ พุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง หยุนหนีคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก นางคิดจะทำให้พวกจูนจิ่วเกิดเรื่อง แต่สุดท้ายกับขุดหลุมฝังตัวเองซะอย่างนั้น ยิ่งไม่รู้เลยว่าท่าทีที่กำลังต่อสู้อย่างขะมักเขม้นนั้น ได้ตกอยู่ในสายตาของหนึ่งคนหนึ่งแมวที่ซุ่มดูอยู่บนต้นไม้แล้ว
กร๊อบ จูนจิ่วหลังพิงต้นไม้ นั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่แทะเมล็ดแตงโม
ไม่ไกลนัก หยุนหนีไม่ทันหลบหลีก ถูกเสือผาหินครามตัวหนึ่งพุ่งชนเข้าที่หลัง เสียงร้องโอ๊ยดังขึ้นก่อนจะปลิวออกไป หล่นตุ๊บลงโดยเอาหน้าทิ่มกับพื้นทำให้หัวและใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่น ป๊าบๆๆ เสี่ยวอู่เลียนท่านั่งของมนุษย์ สองขาหน้าตบดังป๊าบๆ น่าสนุกจริงๆ
แล้วก็เห็นงูพิษขู่ฟ่อเข้าไปหาหยุนหนี แม้ว่าคมเขี้ยวอันตรายจะกัดไม่ถูกหยุนหนี แต่ก็ทำให้เสื้อผ้าของนางฉีกขาดเผยให้เห็นผิวขาวเนียนใต้อาภรณ์ หยุนหนีทั้งตกใจทั้งโกรธ โมโหจนชักดาบร้องเสียงดังขึ้นมา
เหล่าสัตว์ทิพย์ต่างดาหน้ากันเข้าไปไม่หยุด ผลัดกันเข้าโจมตีอย่างไม่ยั้ง ไล่จนหยุนหนีต้องวิ่งหนีกลิ้งไปกับพื้น บนร่างมีบาดแผลเพิ่มมากขึ้นทุกที
ชิงหยู่ปรบมือชอบใจ “นี่เขาเรียกว่ารนหาเรื่องเองแท้ๆ ศิษย์น้อง ฉวยโอกาสตอนนี้ที่นางถูกสัตว์ทิพย์ถ่วงเอาไว้ พวกเรารีบไปกันเถอะ”
“เหมียว”เสี่ยวอู่ก็พยักหน้า ถ้ายังไม่เดินทางต่อก็กลับไปไม่ทันการแข่งขันลูกศิษย์แล้ว
หนึ่งคนหนึ่งแมวกำลังเร่งเร้า จูนจิ่วกลับส่ายหน้า นางจ้องมองไปยังหยุนหนี พูดน้ำเสียงเย็น “หยุนหนีเป็นนักจิตชั้นเก้าระดับสูง ห่างจากการบรรลุเป็นนักจิตใหญ่แค่ยาทิพย์ใหญ่ตัวเดียวเท่านั้น สัตว์ทิพย์พวกนี้ถ่วงนางไว้ได้ไม่นานหรอก”
“แต่ว่าสถานะของนางตอนนี้ก็แย่อยู่รอมร่อแล้ว”
“ศิษย์พี่ได้เห็นนางออกท่าไม้ตายหรือยัง”คำพูดของจูนจิ่ว ทำให้ชิงหยู่ต้องขมวดคิ้วมองไปยังหยุนหนี จริงด้วย หยุนหนีจนถึงตอนนี้เหมือนว่าจะยังไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาเลย นักจิตชั้นเก้าระดับสูง นั่นมันพลังที่แข็งแกร่งกว่าของเจ้าเมืองไท่ชูเสียอีก
จูนจิ่วพูดต่อว่า “แม้ว่าจะเป็นการสู้กับสัตว์ทิพย์ แต่ก็สามารถดูฝีมือการต่อสู้ของหยุนหนีได้ กระบวนท่าในการโจมตีต่างๆ ภายหน้าหากต้องประมือกัน จะได้รู้เขารู้เรา”
“……ศิษย์น้องนี่เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ”ชิงหยู่ก้มหน้า จ้องมองจูนจิ่วสีหน้าตกใจสุดขีด เขาที่เป็นเจ้าสำนักเทียนอู่จง ตอนนี้อายุยี่สิบสองปี ยังคงทำตัวเสเพลเที่ยวเล่นไปวันๆ หากไม่ใช่สำนักเทียนอู่จงมีภัย เขาก็คงไม่แบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้ ยิ่งกว่านั้นคงไม่มาที่สำนักศึกษาทั้งสามนี้เป็นแน่
ชิงหยู่คิดว่าตัวเองเป็นคนสบายๆ ฉะนั้นจึงไม่ได้เปรียบเทียบตัวเองกับจูนจิ่ว แต่ตอนนี้มันช่างทิ่มแทงใจนัก ศิษย์น้องของตนอายุแค่สิบห้า พรสวรรค์ร้ายกาจ พลังไร้เทียมทานก็แล้วไปเถอะ แต่ยังพยายามมากขนาดนี้ ทั้งฉลาดและเจ้าแผนการ ส่วนเขา ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง พาออกไปด้วยยังจะทำให้ศิษย์น้องเสียหน้าได้ กุมที่หน้าอกเอาไว้ ชิงหยู่จ้องจูนจิ่วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก “ศิษย์น้อง ข้าผิดไปแล้ว หลังจากนี้ข้าจะตั้งใจฝึกฝนให้ดี จะไม่ให้เสียหน้าเจ้าเด็ดขาด เห้อ สู้ๆ ”
จูนจิ่ว“……”
นางยังไม่ทันได้พูดอะไร นี่ชิงหยู่เป็นบ้าอะไรไป แต่พอเห็นความมุ่งมั่นของชิงหยู่ ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยไฟลุกโชน จูนจิ่วเลิกคิ้วขึ้น ลูบเสี่ยอู่แล้วพูดในใจ แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
เสี่ยวอู่ เจ้านาย ชิงหยู่ถูกท่านบีบจนเกิดพลังขึ้นมาแล้ว
ปัง
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างกะทันหัน คลื่นพลังที่ม้วนขึ้นมีความอันตรายจนเกือบจะซัดให้จูนจิ่วกับชิงหยู่ตกลงไปจากต้นไม้ใหญ่ เสี่ยวอู่ถูกพัดจนปลิวขึ้น แต่ดีที่กรงเล็บแหลมคมจิกเข้าไปยังเนื้อไม่ได้ทันท่วงทีทำให้ไม่ถูกพัดปลิวไป ขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้น จูนจิ่วเห็นม่านตาของหยุนหนีหดเล็กลง
นี่คือพลังที่แท้จริงของนักจิตชั้นเก้าระดับสูงหรือ