บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 350 ท่ามกลางกระแสลมปาก
บทที่ 350 ท่ามกลางกระแสลมปาก
เม็ดหมากรุกขาวดำบนกระดานหมากรุกเดินไปมา หลังจากเหตุการณ์นองเลือดผ่านไป จูนจิ่วโยนเม็ดหมากรุกสีดำทั้งแล้วพิงอยู่ที่ตั่งด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ข้าแพ้แล้ว”
“ความสนใจของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่หมากรุก จะชนะได้อย่างไร”โม่อู๋เยว่มองจูนจิ่วด้วยสายตารักและเอ็นดู เขายื่นมือออกไปเก็บหมากรุกที่ละเม็ดวางกลับไปยังกระดานหมากรุก จูนจิ่วได้ยินก็ยักไหล่ นางอยากจะพูดว่าแม้ว่านางจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีทุ่มลงไปก็ไม่แน่ว่าจะชนะโม่อู๋เยว่ได้
แต่พอพูดออกไป กลับพูดถึงหยุนหนี จูนจิ่ว“หยุนหนีกับผู้อาวุโสใหญ่เจ้าเล่ห์มาก สามารถบอกได้ว่าเป็นคู่ปรับที่น่าสนใจที่สุดที่ข้าได้เจอในตอนนี้ เป้าหมายของพวกเขาไม่ได้จะฆ่าข้า แต่ว่าคิดอยากจะได้ของบนตัวข้า ”
“กุญแจเวลา”
“ไม่ใช่”จูนจิ่วส่ายหน้า “ถ้าหากเป็นกุญแจเวลา พวกเขาสามารถทำเหมือนกับหงยิงได้คือแย่งกันซึ่งหน้า แต่ที่พวกเขาต้องการ เป็นสิ่งที่พวกเขาแย่งชิงไม่ได้ต้องให้ข้าบอกพวกเขา จะเป็นอะไรนะ”
โม่อู๋เยว่ไม่ตอบกลับ เขาเอามือยันคางหรี่ตามองไปยังจูนจิ่ว เขามองออกว่าจูนจิ่วมีความสนใจในตัวผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนีเป็นพิเศษ
ขณะนี้เองมีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกเรือน เสี่ยวอู่ยืนอยู่บนหน้าต่างส่ายหางแล้วพูดว่า “เหมียว ชิงหยู่กลับมาแล้ว ”
เสี่ยวอู่พูดจบ ชิงหยู่ก็ผลักประตูเดินดุ่มเข้ามาด้วยทีท่าโมโหสีหน้าเคร่งขรึม เขาชกไปที่เสาบ้าน สีหน้าดำคล้ำมองไปยังจูนจิ่วกับโม่อู๋เยว่ “มีอย่างที่ไหนกัน น่าโมโหนัก”
“ศิษย์พี่ได้ยินอะไรมา ดื่มชาให้สงบลงก่อน”จูนจิ่วรินน้ำชาให้ชิงหยู่ เขารับไปดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วหอบหายใจแรงก่อนจะสงบลงได้
เงยหน้าขึ้นมองจูนจิ่วกับโม่อู๋เยว่ ชิงหยู่เปิดปากพูดว่า
หลังจากที่หยุนหนียื่นมือมาช่วย ไม่มีใครกล้าหาเรื่องพวกเขาอีก แม้ว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้เห็นว่าสำคัญอะไร มาคนหนึ่งก็ตีคนหนึ่ง
หลังจากพวกเขาจากมา หลานจูก็ถูกคนหามกลับไปรักษาบาดแผล เรื่องนี้แพร่ออกไป ลูกศิษย์ของสำนักไท่ชูกลับไม่แบ่งขาวดำ โยนความผิดให้พวกเขา ไม่เพียงเท่านี้ ยังพูดให้ร้ายจูนจิ่วไปทั่ว บอกว่าจูนจิ่ววางยาเสน่ห์ให้กับพวกผู้อาวุโส
บอกว่าพรสวรรค์ของจูนจิ่วนั้นเป็นของปลอม คำพูดให้ร้ายมากมายและคิดไม่ถึงถูกพูดออกมา ชิงอยู่เดินไปมาหนึ่งรอบกัดฟันอดทนเอาไว้ จึงไม่ได้ใจร้อนพุ่งเข้าไปทำร้ายผู้อื่น
ชิงหยู่พูดอย่างโมโห “น่าโมโหที่สุดเลย”
“นี่ก็คือความอิจฉา”จูนจิ่วน้ำเสียงสงบ ใบหน้าสวยงามไม่แสดงออกว่าดีใจหรือโมโห
โมอู๋เยว่ใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์เอ่ยออกไป เขาพูดขึ้นทำให้จูนจิ่วกับชิงหยู่อึ้งไปพร้อมๆกัน โม่อู๋เยว่พูดว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ชอบก็ให้พวกเขาหุบปากดีหรือไม่ หลังจากคืนนี้ให้พวกเขาพูดไม่ได้อีก ไม่สามารถดูถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้อีก”
จูนจิ่ว ……
ชิงหยู่……
พวกเขาได้ฟังออกถึงไอสังหารในคำพูดของโม่อู๋เยว่ ขอเพียงจูนจิ่วพยักหน้า หรือมีความคิดเพียงนิดเดียว โม่อู๋เยว่ก็สามารถทำให้เหล่าคนในสำนักศึกษาไท่ชูที่ทำร้ายนางทุกคนไร้ลิ้น ไม่มีทางได้เปิดปากพูดอีก
มีเพียงเสี่ยวอู๋ที่ฟังแล้วก็ดีใจ ร้องเหมียวๆโบกเท้ายืดอกสายตามองไปที่โม่อู๋เยว่ “เหมียว ต้องการให้ช่วยหรือไม่ กรงเล็บข้าแหลมคมมาก ตะปบได้แม่นยำนัก”จูนจิ่วไอแห้งๆหนึ่งเสียง ยกมือกดหัวของเสี่ยวอู๋เก็บมันกลับลงไป จูนจิ่วพูดว่า“ไม่ต้องทำเช่นนี้ พวกเขาก็แค่พวกโง่ที่ถูกคนอื่นใช้เป็นเครื่องมือ ที่ต้องจัดการคือคนที่อยู่เบื้องหลัง ”
“ใครกัน ”ชิงหยู่กัดฟัน กำหมัดแน่นเสียงดังกร๊อบ
เงยหน้ามองไปที่ชิงหยู่ จูนจิ่วยิ้มเย็น แล้วนางก็หันมองไปยังโม่อู๋เยว่ สบตากันไม่ต้องใช้คำพูดก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร จะเป็นใครไปได้
คนที่คอยปั่นกระแสคลื่นลม ทำให้ข่าวลือยิ่งอยู่ยิ่งทวีความรุนแรงก็มีแค่สองคนเท่านั้น และเป็นพวกเขาสองคนที่ทำให้เรื่องเป็นเช่นนี้ ด้านหนึ่งก็คอยดึงนางเข้าไปหาอีกด้านของผลักนางไปอยู่บนปากเหวแห่งกระแสลมปาก เป็นศัตรูของเหล่าลูกศิษย์ทั้งหมดในสำนักศึกษาไท่ชู
จูนจิ่วพูดชื่อของคนสองคนออกมาน้ำเสียงเย็น ผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนี
ผู้อาวุโสยังไม่รู้ว่าถูกจูนจิ่วเห็นจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่เอามือไขว้หลังยิ้มราวกับกำชัยชนะไว้ในมือ สายตาแหลมคมดุจเหยี่ยว เขาเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องจากปากหยุนหนีเกี่ยวกับข่าวลือในสำนักศึกษาไท่ชู
หยุนหนีพูดว่า “จูนจิ่วกับชิงหยู่มาจากสองสำนักสิบแคว้นจริง เป็นชนชั้นต่ำที่สุด ลูกศิษย์ในสำนักศึกษาไม่พอใจพวกเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเราแค่พลิกแพลงสักหน่อย ท่านปู่ จูนจิ่วถูกผลักเข้าไปอยู่ในกระแสลมปากแล้ว ”
ใบหน้าสวยงามเผยรอยยิ้มได้ใจ นิ้วทั้งสิบของหยุนหนีประสานอยู่ที่หน้าอก นางยังพูดอีกว่า “จูนจิ่วเป็นศิษย์ในสาขาสองของข้า เขาต้องพึ่งพาพวกเราเท่านั้น ท่านปู่รอดูเถอะ จูนจิ่วต้องเข้ามาขอความช่วยเหลือจากพวกเราในไม่ช้าแน่”
“ไม่ จะรอไม่ได้ ”ผู้อาวุโสใหญ่หมุนตัวกลับมามองหยุนหนี พูดว่า “เจ้าสำนักก็ชื่นชอบจูนจิ่วไม่น้อย พวกเราต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้จูนจิ่วไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าสำนัก จะต้อง ให้จูนจิ่ว มาพึ่งพาพวกเรา เท่านั้น จึงจะชนะได้ ไม่เช่นนั้นเราคงเสียแรงเปล่า ”หยุนหนีพูด
เพราะจูนจิ่วทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งฉลาดนัก ฉะนั้นพวกเขาจึงต้องทำอย่างลับๆ ไม่เช่นนั้นถ้าจูนจิ่วตรวจพบคนที่อยู่เบื้องหลังว่าเป็นพวกเขา คิดอยากจะได้ของล้ำค่ากับวิชาจิตก็คงจะยาก ขณะที่ทั้งสองยังคงวางแผนชั่วอยู่นั้น ก็หารู้ไม่ว่าพวกเขาถูกจับได้แล้ว
ขณะนี้ มีลูกศิษย์คนหนึ่งคำนับก่อนเข้ามา แอบเอาจดหมายฉบับหนึ่งออกจากแขนเสื้อยื่นให้ผู้อาวุโสใหญ่ ลูกศิษย์พูดว่า “นี่เป็นจดหมายจากเทียงฉิว”
“เทียงฉิว ”ผู้อาวุโสรับจดหมายมา เงยหน้าสบตากับหยุนหนี ต่างก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทำไมเทียงฉิวจึงมีจดหมายกะทันหันมาตอนนี้
เปิดจดหมายออกดู สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เปลี่ยนไปทันที หยุนหนีเห็นดังนี้ก็หัวใจกระตุกทันที นางเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ท่านปู่เกิดอะไรขึ้น เทียงฉิวบอกอะไรในจดหมาย”ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ตอบ แต่ยื่นมือเอาจดหมายในมือให้หยุนหนี หยุนหนีรีบรับมาอ่านอย่างละเอียดทันที ยิ่งอ่านยิ่งตกใจ สุดท้ายหยุนหนีสีหน้าขาวซีด เก็บนิ้วมือแน่นจนจดหมายยับยู่ยี่ ซวยแล้ว
พวกเขาวางแผนไว้หมดแล้ว ตอนนี้กลับทำให้แผนของพวกเขาปั่นป่วนไปหมด
หยุนหนีมองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่อย่างร้อนใจ “ท่านปู่จะทำอย่างไรดี ทำไมพี่หงยิงถึงได้จัดงาน ล่าสัตว์ทิพย์ ล่วงหน้าเล่า นางยังสั่งการให้จูนจิ่วไปให้ได้ เช่นนั้นแผนของพวกเราก็ลงมือไม่ได้น่ะสิ”
“เห็นทีของล้ำค่าในตัวของจูนจิ่วนั้นจะไม่ธรรมดาซะแล้ว สำคัญจนทำให้หงยิงรอไม่ได้ จึงได้คิดจะจัดงาน ล่าสัตว์ทิพย์ ก่อนกำหนด เพื่อใช้โอกาสนี้เพื่อจะลงมือกับจูนจิ่วด้วยตัวนางเอง”สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่น่าดูเลย
เดิมทีเขาคิดอยากจะทำภารกิจสำเร็จก่อน แต่หลังจากการแข่งขันลูกศิษย์ ได้รับรู้ว่าชิงหยู่กับจูนจิ่วนั้นมีวิชาจิตของวิชาฝึกตน โดยเฉพาะจูนจิ่วที่โดดเด่นมาก
ผู้อาวุโสคิดถึงวิทยายุทธวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ที่อยู่ในมือของตน กลับไม่ก้าวหน้าเลย จูนจิ่วก็คือหนทางในการบรรลุของเขา ถ้าถามว่าทำไมไม่เลือกชิงหยู่ ชิงหยู่เป็นเจ้าสำนักเทียนอู่จง เขาย่อมไม่บอกวิชาจิตให้กับคนนอกเด็ดขาด ง้างปากชิงหยู่ ไม่สู้เลือกจูนจิ่วยังจะดีกว่า
แต่ว่าตอนนี้หงยิงกลับจะลงมือเองอย่างกะทันหัน หากนางทำสำเร็จ เขาก็คงไม่มีทางได้รู้วิชาจิตจากปากของจูนจิ่วเป็นแน่