บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 353 ไม่ต้องการคนไม่ได้เรื่อง
บทที่ 353 ไม่ต้องการคนไม่ได้เรื่อง
จูนจิ่วไม่เคยคิดเรื่องที่จะไปหาสมาชิกกลุ่ม ตอนที่เสี่ยวอู่กับชิงหยู่ถามนาง จูนจิ่วก็ตอบว่า “ยินดีจะเจอคู่ปรับขั้นเทพ ก็ไม่ต้องการพวกไม่มีประโยชน์ร่วมกลุ่ม”
“แต่ว่าศิษย์น้อง พวกเราไม่มีกลุ่มก็ไม่สามารถเข้าร่วมงานล่าสัตว์ทิพย์ได้นะ แม้ว่าข้าจะรู้สึกว่าพวกเราไม่เข้าร่วมก็ดี ก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับหงยิงจะได้ไม่ต้องกังวลมากนัก”ชิงหยู่ลูบคาง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ไปจะดีมาก
จูนจิ่วเหลือบมองชิงหยู่ นางจับหางของเสี่ยวอู่ขนปุกปุยนั้นทำให้รู้สึกดีมาก ยิ้มเย็นและพูดว่า “พวกเราไม่ไป หงยิงก็สามารถคิดหาวิธีมาหาพวกเราได้ ยิ่งกว่านั้นทำไมพวกเราจะไม่เข้าร่วมเล่า พวกเราไม่ได้กลัวนางเสียหน่อย”
“ไป อย่าให้หงยิงคิดเด็ดขาดว่าพวกเรากลัวนางจึงไม่กล้าไป แต่หากจะไป ศิษย์น้องพวกเราต้องมีคนร่วมกลุ่มนะ”พูดไปพูดมาก็วนมาที่เดิม
ไม่มีกลุ่มก็เข้าร่วมไม่ได้ ฉะนั้นตอนนี้การมีสมาชิกกลุ่มคือปัญหา
ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชู ชิงหยู่ไม่รับเอาใครมาพิจารณาเลยสักคนเดียว เขาลูบคาง คิดแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเราไปหามู่จิ่งหยวนเป็นอย่างไร”
“มู่จิ่งหยวนไม่อยู่สำนักศึกษาไท่ชูออกไปทำธุระ”
“เอ๋”ชิงหยู่อึ้งไป พวกเขาไม่ได้ออกไปไหนเลย จูนจิ่วรู้ได้อย่างไรว่ามู่จิ่งหยวนไม่อยู่ในสำนักศึกษาไท่ชู แม้ว่าจูนจิ่วจะไม่ออกไปข้างนอก แต่เขามีนกน้อยนับพันนับหมื่นถามดูก็รู้
“ข้ามียาหุ่นเชิด ตกดึกก็ออกไปเลือกลูกศิษย์ที่แอบซุ่มอยู่ข้างนอกสักสองคน ทำอย่างนี้ก็มีสมาชิกกลุ่มแล้ว ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล”จูนจิ่วพูด
ชิงหยู่ได้ยินกำลังจะตอบกลับ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูขึ้นกะทันหัน จากนั้นก็มีเสียงของมู่จิ่งหยวนส่งผ่านมา “ศิษย์น้องจูน เจ้ากำลังพักผ่อนหรือ”
ประหลาดใจอย่างที่สุด ชิงหยู่หันไปประสานตากับจูนจิ่วเหมือนส่งสัญญาณ ศิษย์น้องไหนเจ้าบอกว่ามู่จิ่งหยวนออกไปทำธุระข้างนอกไม่อยู่ที่สำนักศึกษาไท่ชู จูนจิ่วประหลาดใจ นี่มู่จิ่งหยวนกลับมาแล้วหรือ อีกอย่างมาหาพวกนางในเวลานี้ หรือว่าเขาคิดจะ
ชิงหยู่เดินไปเปิดประตู จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่ขึ้นมาเดินไปดู
แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการตะลอนข้างนอก ก็ไม่ได้ทำให้ความสง่างามของมู่จิ่งหยวนลดลงเลย เขาเดินเข้ามามิงจูนจิ่วกับชิงหยู่ยิ้มๆ ก่อนอื่นก็ถามพวกเขาว่า “ศิษย์น้องจูน ชิงหยู่พวกเจ้าเข้าร่วมงานล่าสัตว์ทิพย์มีสมาชิกกลุ่มหรือยัง”
พอง่วงนอนก็มีคนส่งหมอนมาให้ มู่จิ่งหยวนมาได้จังหวะพอดี
วันรุ่งขึ้นก็ไม่รวมตัวกันที่จตุรัสฟู๋เหยา ทุกที่ที่จูนจิ่วกับชิงหยู่เดินผ่าน จะมีเหล่าลูกศิษย์คอยแอบจ้องพวกเขาอยู่ สายตาบ้างก็ไม่เป็นมิตร บ้างก็อิจฉา บ้างก็เกรงกลัวและตื่นตระหนก หลังๆนั้นคือคนที่เคยถูกจูนจิ่วกับชิงหยู่สั่งสอนมาก่อน
พวกเขาเพิ่งจะหาตำแหน่งที่สงบยืนรอ ก็มองเห็นหยุนหนีรีบเร่งเดินมาหาพวกเขาจากทางที่มีผู้คนเยอะแยะ ชิงหยู่เลิกคิ้วแอบกระซิบที่ข้างหูจูนจิ่ว“ศิษย์น้อง หยุนหนีมาแล้ว ”
“อืม”จูนจิ่วตอบรับ
ฝีเท้าของหยุนหนีเร็วมาก เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นางอารมณ์ไม่ดี แต่พอเดินมาถึงตรงหน้า หยุนหนีก็เก็บอาการไว้อย่างรวดเร็วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม งามราวกับหญิงงามล่มเมืองเลยทีเดียว
ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา หยุนหนีเอ่ยขึ้นยิ้มๆ “พวกเจ้ามากันแล้วหรือ ไม่ทราบว่าพวกเจ้าหาสมาชิกกลุ่มได้หรือยัง”
“หาได้แล้ว”ชิงหยู่ตอบนางอย่างเย็นชา
พอได้ยิน หยุนหนีก็ควบคุมใบหน้าที่บิดเบี้ยวของตัวเองไม่ได้ นางตกใจและไม่อยากจะเชื่อ หลุดปากเอ่ยถามออกไปว่า “เป็นใครกัน”
พูดออกไปแล้วจึงรู้ตัวว่าคำพูดของตัวเองนั้นร้อนใจเกินไปแล้ว หยุนหนีก็รีบปิดบังแก้ไขทันที “งานล่าสัตว์ทิพย์ไม่ใช่เรื่องเล็ก สมาชิกในกลุ่มนั้นสำคัญมาก ข้าในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้าก็ควรจะช่วยคัดเลือกให้ หากเจอกับพวกที่ไม่เอาไหนจะทำพวกเจ้าเหนื่อยเสียเปล่า ”
ดูท่าทีของหยุนหนี เหลือเพียงพูดว่า พวกเจ้ารีบเปลี่ยนสมาชิกกลุ่มเลยนะ แล้วมาเชิญข้า
จูนจิ่วเลิกคิ้ว สายตามองผ่านหยุนหนีไปด้านหลังของนาง นางพูดว่า “สมาชิกกลุ่มของพวกเราอยู่ด้านหลังศิษย์พี่หยุนหนี”
หยุนหนีรีบหันไปมองทันที พอเงยหน้าก็เห็นมู่จิ่งหยวนพอดี หยุนหนียิ้มค้าง
ทำไมถึงเป็นมู่จิ่งหยวนไปได้ นางไม่เชื่อ
มู่จิ่งหยวนมาได้สักพักแล้ว และได้ยินคำพูดของหยุนหนีด้วย เขาขมวดคิ้วมองหยุนหนีด้วยสายตาประหลาดใจ ก้าวเท้าไปตรงหน้าพวกจูนจิ่ว มู่จิ่งหยวนพูดว่า :“พวกเจ้าเตรียมตัวมาพร้อมหรือยัง เข้าร่วมงานล่าสัตว์ทิพย์ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน มากสุดก็สามเดือน ”
“อืม เตรียมพร้อมแล้ว”จูนจิ่วพูด
ได้ยินดังนั้น มู่จิ่งหยวนยังรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง เพราะห่อข้าวของของจูนจิ่วกับชิงหยู่มันน้อยมากๆ แต่เพียงแวบเดียวมู่จิ่วหยวนก็พยักหน้า อย่างนี้ก็ไม่เลว ข้าวของน้อยหน่อยจะได้ไม่กระทบต่อความเร็วและการตอบสนองเวลาที่อยู่ในป่าตงผิง ของกินก็ล่าสัตว์ได้ มีเพียงเสื้อผ้ากับยาเท่านั้นที่จำเป็น
แต่พอคิดว่าจูนจิ่วเป็นหมอเทวดา มู่จิ่งหยวนก็กลับไปอย่างวางใจ พอเขาหันกลับไปเห็นหยุนหนีที่ยืนตะลึงอยู่ “ศิษย์น้องหยุนหนี ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นห่วงเป็นใยพวกศิษย์น้องจูนจิ่วมากขนาดนี้ แต่ว่าวางใจได้ มีข้ามาช่วยนำพวกเขาน่าจะพอไปได้”
อ้าปากค้าง หยุนหนีพูดไม่ออกสักคำ สีหน้าของนางปกปิดความไม่พอใจไว้ไม่อยู่
แต่ไม่ว่าหยุนหนีจะไม่พอใจแค่ไหนก็ไม่สามารถขัดขวางได้ ได้เพียงแต่มองพวกจูนจิ่วลงบันทึกแล้ว นั่งสัตว์ติดปีกไปด้วยตาปริบๆ พอกางปีกบินขึ้นไปก็หายลับตา ตอนนี้เองที่หลานจูเดินเข้ามา น้ำเสียงทั้งอิจฉาทั้งเกลียดชัง “ศิษย์พี่หยุนหนี พวกจูนจิ่วมันไม่รู้เลยว่าต้องวางตัวอย่างไร ให้ข้าแก้แค้นแทนท่านดีหรือไม่”
ในใจของหลานจูคิดแค้นจูนจิ่วอยู่ตลอดมา ไม่เคยลืม
หยุนหนีเหลือบมองหลานจูด้วยสายตาเย็น หัวเราะอย่างดูถูก “ช่างเถอะ เจ้าน่ะ แม้แต่แมวของจูนจิ่วเจ้ายังสู้ไม่ไหวเลย ”พูดจบหยุนหนีก็หมุนตัวเดินจากไป ไปนั่งบนสัตว์ติดปีกตรงไปยังป่าตงผิง เหลือเพียงหลานจูที่ยังยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ใบหน้าโกรธจนบิดเบี้ยว
กัดฟันกรอด หลานจูคำรามเสียงต่ำด้วยความเคียดแค้น “จูนจิ่ว อย่าให้ข้าพบกับเจ้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าแน่”
……
ป่าตงผิงตั้งอยู่ด้านหลังเขานับหมื่นลูกนอกสำนักศึกษาไท่ชู ซึ่งมีเขตติดต่อกับสำนักศึกษาเทียนซูกับสำนักศึกษาจื่อเซียว เป็นภูเขาที่เก่าแก่มาก เป็นผืนป่าที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไร้เขตแดน
สัตว์ติดปีกรูปร่างคล้ายกับนกอินทรี แต่ตัวใหญ่กว่ามากนัก ปีกกว้างยาวสยายกว่ามาก หลังของมันกว้างสามารถให้คนนั่งได้นับสิบคน สะบัดปีกบินเพียงครั้งเดียวสามารถไปได้ไกลหลายร้อยเมตร ออกเดินทางกันตั้งแต่พระอาทิตย์เพิ่งจะพ้นขอบฟ้า จนกระทั่งอาทิตย์อัสดงใกล้ลาลับขอบฟ้าเหลือเพียงแสงเล็กน้อย ที่สุดก็มาถึงทางเข้าทางใต้ของป่าตงผิง
มู่จิ่งหยวนกระโดดลงจากสัตว์ติดปีก หันไปพูดกับทั้งสองคนว่า “ลงมาเถอะ พักผ่อนกันหนึ่งคืน พรุ่งนี้งานล่าสัตว์ทิพย์เริ่มขึ้นค่อยเข้าไปในป่า ”
พวกเขาหาพื้นที่ในมุมหนึ่งของป่าก่อกองไฟขึ้น มู่จิ่งหยวนเอาพรมผืนหนึ่งที่พับเก็บเอาไว้มากางออก เป็นวัสดุที่พิเศษมาก ทั้งบางทั้งเบา แต่พอสัมผัสแล้วกลับให้ความรู้สึกนุ่มและอบอุ่น พอปูเสร็จแล้วก็พอดีกับให้คนสามคนพักผ่อน หรือว่านอนหลับ
ชิงหยู่มองไปรอบๆ เหล่าลูกศิษย์ไม่น้อยมองเขากับจูนจิ่วอย่างอิจฉาจนเกือบจะคลั่งแล้ว ที่สามารถอยู่กลุ่มเดียวกับนายน้อยได้ วาสนาเช่นนี้แม้แต่ฟ้าก็ต้องอิจฉา ชิงหยู่ไม่ได้มองพวกเขา หันมาถามมู่จิ่งหยวน“สมาชิกในกลุ่มของศิษย์พี่มู่มีแค่ข้ากับศิษย์น้องหรือ ”
“ไม่ใช่นะ ยังมีเสี่ยวอู่ไม่ใช่หรือ”มู่จิ่งหยวนขยิบตาให้กับเสี่ยวอู่ แล้วก็เอาปลาแห้งสองตัวออกมาแหย่เสี่ยวอู่อย่างกะทันหัน แต่ว่าเสี่ยวอู่กลับไว้ตัว ไม่สนใจเขา มู่จิ่งหยวนรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เขายิ้มแล้วมองไปยังจูนจิ่วกับชิงหยู่ “งานล่าสัตว์ทิพย์ ให้ความสำคัญกับความสามารถของสมาชิกไม่ใช่จำนวน ข้ารู้แผนที่ของป่าตงผิง และพวกเจ้าฝีมือแต่ละคนก็ดีมาก พวกเราร่วมมือกัน ชิงเอาที่หนึ่งในการล่าสัตว์ทิพย์ รางวัลมากมายนักเชียว ”
“รางวัลอะไร”จูนจิ่วถาม