บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 389 นัดฝึกคู่หรือไม่
บทที่ 389 นัดฝึกคู่หรือไม่
ป้ายหลิงซูไม่เพียงแต่จะเป็นกุญแจในการเปลี่ยนน้ำในน้ำพุหลิงซู ตัวมันเองก็เป็นน้ำพุหลิงซู เห็นเพียงรอยบนหนังสือหินสลัก ป้ายหลิงซูละลายจนถูกหนังสือแกะสลักจากหินดูดซับไป จูนจิ่วสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน พลังที่หมุนวนอยู่บนหนังสือหินแกะสลักก็คือพลังจากน้ำพุหลิงซู เหมือนกันทุกประการ
วิธีนี้ก็ไม่เลวนัก ให้ทั้งน้ำพุหลิงซู แล้วยังเป็นการรับประกันอย่างเป็นธรรมว่าจะได้รับโอกาสคนละครั้งเสมอกัน และก็ไม่ถูกคนใดคนหนึ่งเก็บเอาไว้เพื่อใช้ในภายหลัง
ความคิดเหล่านี้แวบผ่านสมองของจูนจิ่วไปเท่านั้น นางใช้หลังพิงขอบสระน้ำพุหลิงซูเอาไว้ ยกมือขึ้นลูบหัวของเสี่ยวอู่ บนนิ้วมีหยดน้ำ ลูบคนขนของเสี่ยวอู่เปียกชุ่มติดกันเป็นก้อนๆ สายตาของจูนจิ่วว่างเปล่าไม่ได้รับรู้อะไร
ที่ทำให้นางสนใจกว่าก็คือ ป้าฟาง
ทำไมตอนที่ป้าฟางเห็นนางจึงต้องมีท่าทีประหลาดใจเช่นนั้นด้วย ทำไมจึงต้องมีปฏิกิริยาต่อนามสกุลของนาง หรือว่าป้าฟางจะรู้จักพ่อแม่ของนาง จูนจิ่วมีเพียงการสันนิษฐานนี้ที่พอจะทำให้วิเคราะห์ต่อไปได้บ้าง
และหากลองพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง สาเหตุไม่ได้มาจากจูนหมิยเย่ เพราะพ่อของนางไม่เคยมาที่สำนักศึกษาทั้งสาม ยิ่งไปเคยไปที่ตำหนักไท่หวง คงไปรู้จักกับป้าฟางไม่ได้ แต่แม่ของนางมีที่มาลึกลับ แล้วยังทิ้งของล้ำค่าอย่างกุญแจเวลาไว้ให้นางด้วย เป็นไปได้อย่างยิ่ง ว่าป้าฟางจะรู้จักแม่ของนาง ฉะนั้นจึงได้รู้สึกตกใจที่เห็นนาง
เสียงน้ำยังคงดังต่อเนื่อง จูนจิ่วยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง ใบหน้าของนางเหมือนกับชาติที่แล้วไม่มีผิด แล้วนางก็ได้รู้จากปากเหอซ่านมาว่า ใบหน้านี้เหมือนราวกับภรรยาของจูนหมิงเย่ไม่มีผิด คิดถึงตรงนี้ จูนจิ่วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ป้าฟางจะรู้จักพ่อแม่ข้าหรือไม่ เรื่องนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ หลังจากนี้ต้องหาโอกาสหยั่งเชิงดุ แต่ตอนนี้จะเสียเวลาในน้ำพุหลิงซูไม่ได้”
พลังในน้ำพุหลิงซู หากนานไปแล้วไม่ดูดซับและย่อยพลัง จะระเหยหายไปในอากาศได้ สิ้นเปลืองเปล่าๆ เช่นนั้นจะน่าเสียดายมาก
จูนจิ่วจึงปิดกั้นความคิดทั้งหมด นางใช้หลังพิงสระนั่งขัดสมาธิลง ทั้งสองมือประสานไว้ที่หน้าอก จูนจิ่วหลับตาเริ่มดูดพลังของน้ำพุหลิงซู ถีหูก้วนติ่ง น้ำพุหลิงซูเป็นพลังบริสุทธิ์รองจากหยกทิพย์
มันสามารถชะล้างเส้นลมปราณ ฝึกกล้ามเนื้อ เพื่อให้สามารถบรรลุชั้นสูงสุดของกายเนื้อได้ จากนั้นจะสามารถเปิดกว้างพรสวรรค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพลังให้สูงขึ้น
จูนจิ่วเปิดจุดตันเถียน พลังทิพย์ดึงดูเอาพลังของน้ำพุหลิงซูให้ไหลไปตามกระแสลมปราณ เข้าสู่กล้ามเนื้อเอ็นและกระดูก นางเข้าญาณทิพย์มานานแล้ว แล้วก็เคยใช้หยู่จ่งฝึกฝนร่างกายมาก่อน ความแข็งแกร่งของร่างกายย่อมมากกว่าคนอื่นๆ ตามหลักแล้ว การใช้น้ำพุหลิงซูในการถีหูก้วนติ่งน่าจะทำได้ง่ายขึ้นจึงจะถูก แต่นางกลับล้มเหลว
ล้มเหลวครั้งที่หนึ่ง จูนจิ่วขมวดคิ้วลืมตาอย่างสงสัยไม่เข้าใจ “จะล้มเหลวได้อย่างไร”ขั้นตอนที่นางใช้ก็เหมือนกับน้ำหยกทิพย์ ไม่มีเหตุผลเอาซะเลยน้ำหยกทิพย์สำเร็จได้ แต่กลับดูดซับน้ำพุหลิงซูไม่ได้ จูนจิ่วกดจุดลมปราณเอาไว้ ลองสอดส่องดูภายในร่างกายก็ไม่มีปัญหาอะไร นางคิดว่าคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ จากนั้นก็หลับตาลองอีกครั้ง
นอกน้ำพุหลิงซู มีคนคนหนึ่งเดินมาทางจูนจิ่วโดยไม่สนใจกับดักหน้าไม้ที่จูนจิ่ววางไว้รอบๆ
ของเหล่านี้ ไม่สามารถขวางเขาไว้ได้เลยสักนิด
หยุดอยู่ข้างน้ำพุหลิงซู ขมวดคิ้วเบาๆแววตาสีทองมองจ้องจูนจิ่ว เขาเห็นจูนจิ่วขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียดราวกับพบเรื่องยุ่งยาก สายตาขยับขึ้นไปอีกนิด มองกวาดเสี่ยวอู่ที่ขดเป็นก้อนกลมขาวแวบหนึ่ง ยังคงหลับใหลไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
น้ำเสียงอารมณ์เสียของจูนจิ่วส่งผ่านมา นางเงยหน้าขึ้นมองคนที่มาเยือน กะพริบตาเอ่ยขึ้น “อู๋เยว่ท่านมาทำไม”
“เจ้าทำการถีหูก้วนติ่งล้มเหลวหรือ ”โม่อู๋เยว่ไม่ได้ตอบ กลับถามคำถามที่เป็นความจริงอันน่ากังวลใจ
จูนจิ่วพยักหน้าเบาๆ ขมวดคิ้วคิดไม่ออก นางไม่ใช่มือใหม่ ยิ่งไม่ใช้คนโง่อะไร ทำไมแค่เรื่องถีหูก้วนติ่งที่แสนจะง่ายดายยังล้มเหลวทำไม่สำเร็จ เป็นถึงหมอเทวดา จูนจิ่วเข้าใจเป็นอย่างดีว่าวิธีของนางนั้นไม่ผิดแน่ ร่างกายก็ไม่มีปัญหา
แล้วทำไมนางจึงล้มเหลว ทั้งครั้งแรกและครั้งที่สองก็ไม่สามารถถีหูก้วนติ่งให้สำเร็จได้ พลังยังไม่ทันถึงจุดตันเถียนก็สลายหายไปแล้ว
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ”โม่อู่เยว่กุมมือจูนจิ่วเอาไว้ จูนจิ่วคิดว่าเขาจะช่วยจับชีพจรแต่ไม่คิดเลยว่าโม่อู๋เยว่าจะดึงมือนาง จนถลาไปข้างหน้า
จูนจิ่วยังสวมกระโปรงชั้นในไว้หนึ่งชิ้น แต่พอเข้าไปในน้ำพุหลิงซูแล้ว กระโปรงก็เปียกชุ่มไปหมด กระโปรงแนบไปกับลำตัวระหงทำให้เห็นร่างที่อยู่ใต้นั้นอย่างเลือนราง ม่านน้ำเป็นสายถูกสาดกระจายอยู่ด้านหลัง แล้วก็หายไปกับผืนน้ำ ยังมีหยดน้ำหลายหยดกระเด็นมาอยู่บนใบหน้า
คนในน้ำทั้งงามทั้งดึงดูด แววตาสีทองเยือกเย็นคู่นั้นราวกับถูกไอน้ำปกคลุมเอาไว้ ทั้งแวววาวทั้งชุ่มฉ่ำ พอมองสบตาก็ยากจะละสายตาได้
โม่อู๋เยว่ค่อยๆหรี่ตาลง เขากุมข้อมือของจูนจิ่วเอาไว้ไม่ปล่อย โม่อู๋เยว่เอ่ยขึ้นว่า “ที่เจ้าล้มเหลว ไม่ใช่เพราะใช้วิธีที่ผิด หรือเพราะร่างกายมีปัญหา แต่สาเหตุมาจากวิญญาณของเจ้า”
“วิญญาณของข้า”จูนจิ่วขมวดคิ้ว
ถีหูก้วนติ่งเกี่ยวอะไรกับวิญญาณของนางด้วย
ไม่อยากให้ระยะห่างไกลเกินไป โม่อู๋เยว่คุกเข่าแล้วโน้มตัวเข้าไปหาจูนจิ่วอีกนิด เขาพูดต่อไปว่า “การฝึกฝนของนักจิตไม่เพียงแต่ฝึกกายเนื้อ ขณะเดียวกันก็ต้องฝึกฝนวิญญาณด้วย วิญญาณของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทั้งสวยทั้งแข็งแกร่ง แต่ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไปไม่สามารถแบกรับวิญญาณนี้ได้ ”
“ฉะนั้นเล่า”
“ถีหูก้วนติ่งไม่เพียงแต่ฝึกฝนกายเนื้อ ยังฝึกวิญญาณด้วย รวมสองเป็นหนึ่ง จึงจะบรรลุผลของการถีหูก้วนติ่งได้ การเข้าญาณทิพย์ ฝึกฝนโดยน้ำหยกทิพย์ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ร่างกายเจ้าได้ถึงจุดที่อิ่มตัวแล้ว จะกลืนกินพลังที่แข็งแกร่งของวิญญาณไม่ได้อีกแล้ว ”โม่อู๋เยว่พูด
ได้ยินดังนั้น จูนจิ่วก็นิ่งขรึมลง เพราะนางไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
วิญญาณเป็นจุดเริ่มต้นของนาง จากชาติก่อนจนตอนนี้ ทะลุมิติมายังโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง มีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่เป็นของนางจริงๆ ร่างกายนี้ภายใต้การฝึกฝนของนาง ก็นับว่าไม่เลวแล้ว มีพรสวรรค์ระดับเจ็ดสีม่วง แต่อย่างนี้ ก็ยังไม่สามารถแบกรับวิญญาณที่แข็งแกร่งของนางได้
ชั่วขณะหนึ่งจูนจิ่วไม่รู้ว่าควรถอนหายใจให้กับวิญญาณแข็งแกร่งของตนเอง หรือว่าจำใจยอมรับว่าร่างกายยังอ่อนแออยู่
นางแบะปาก เงยหน้ามองไปทางโม่อู๋เยว่ “แต่ข้าก็ไม่สามารถจะสิ้นเปลืองน้ำพุหลิงซูไปโดยเปล่าประโยชน์ น้ำที่นี่พิเศษมากข้าไม่สามารถนำไปด้วยได้ แม้ว่าจะใส่ขวดแต่เวลานานไปพลังก็จะสลายไป แม้ว่าข้าจะหยดน้ำทิพย์แล้ว แต่จะทิ้งไปก็น่าเสียดาย”
นางไม่เคยทำเรื่องเสียเปล่า
อีกอย่าง นางใช้ความสามารถตัวเองเพื่อให้ได้รางวัลมา แล้วทำไมจึงต้องปล่อยโอกาสดีๆนี้ทิ้งไปเหมือนอากาศ ข้อที่สอง นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงมากต้องได้รับการแก้ไขจึงจะได้
ขณะที่จูนจิ่วกำลังครุ่นคิดว่าควรแก้ปัญหาอย่างไร น้ำเสียงทุ้มต่ำดึงดูดคนของโม่อู่เยว่ก็ดังขึ้นในหู ราวกับกรงเล็บแมวที่ค่อยๆเหยียบลงไปที่ใจนาง โม่อู่เยว่ “ไม่อยากเสียเปล่า ข้าช่วยเจ้าได้”
โม่อู๋เยว่คลายมือ นิ้วมือของเขาไล่จากข้อมือของจูนจิ่วไปที่กลางฝ่ามือ จากนั้นก็กางนิ้วเรียวขาวดุจหยกของจูนจิ่วออกให้ล้อมรอบนิ้วของตนไว้ตรงกลาง ความร้อนส่งผ่านมาจากจุดที่พวกเขาสัมผัสกัน ตรงไปยังหัวใจ
ช่วยนาง
จูนจิ่วขนตากระพริบถี่ๆ รอยยิ้มปีศาจนั้นช่างยั่วยวนใจ ราวกับโลกนี้ไร้สีสันในพริบตา จูนจิ่วเห็นเขายิ้ม ก็ยิ่งรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง สัญชาตญาณบอกนางว่ามีปัญหาแล้ว
“เดิมทีข้าคิดว่าจะบอกเรื่องประหลาดใจกับเจ้าตอนกลับไป แต่ตอนนี้ก็ไม่เลว มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แก้ปัญหานี้ได้ นัดฝึกคู่หรือไม่”