บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 404 พบเข้าจะตกใจแต่ไร้อันตราย
จูนจิ่วสีหน้าไร้ความรู้สึก นางเพียงแต่พูดว่า “พวกเราพบหน้ากันครั้งแรก คือที่ตันจง เจ้ากับฝู้หลินซวงขอร้องข้าอย่าทำลายสำนักตันจง ยังต้องให้ข้าพูดละเอียดกว่านี้หรือไม่ ”
“เจ้าคือจูนจิ่วจริงๆด้วย ”ฝู้หลินจ้านทั้งตกตะลึง ทั้งไม่อาจจะไม่ควบคุมเสียงตัวเองให้เบาลงได้ เขามองจูนจิ่วแล้วหันไปมองฝู้หลินซวง
แววตาของฝู้หลินซวงก็มีแววประหลาดใจ แต่เขาก็พยักหน้า “เป็นจูนจิ่ว”
“แล้วทำไมเจ้า นี่คือการแปลงโฉม สวรรค์ เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ”ฝู้หลินจ้านตกตะลึงจนยากจะใช้คำพูดมาอธิบายได้
สาวงามที่หยิ่งยโสดูร้อนแรงดุจกุหลาบเพลิง กลายเป็นสาวน้อยที่แสนน่ารักสดใส ใครจะเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกัน ดวงตาของฝู้หลินจ้านเกือบจะถลนไปอยู่บนหน้าจูนจิ่วแล้ว ก็ยังหาร่องรอยที่ไม่ปกติบนใบหน้าไม่ได้เลยสักจุดเดียว
ฝู้หลินจ้านเบิกตากว้าง น้ำเสียงกดต่ำ “เจ้าทำได้อย่างไร อัศจรรย์มาก ”
“ไปจากเมืองไท่ชูก่อนค่อยว่ากัน ที่นี่ยังมีอีกคนคอยตามจับข้าอยู่ ”
“ใคร”ฝู้หลินซวงถาม
จูนจิ่วถือร่มเอาไว้ เดินอยู่ระหว่างฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวง คนรอบข้างที่มองมา ยังนึกว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมอง พูดว่า “ซิงโล่เฉิน”
ฝีเท้าหยุดลง ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงมองจูนจิ่วพร้อมกัน จูนจิ่วเห็นสีหน้าของทั้งสองคน มีทั้งความตกตะลึง ทั้งประหลาดใจ ทั้งหวาดกลัวและมีความรังเกียจอีกหลายส่วน ในใจของจูนจิ่วที่มีต่อชื่อเสียงของซิงโล่เฉิน ก็เพิ่มนิยามขึ้นมาอีกหลายส่วนเช่นกัน
คิ้วขมวดแน่น ฝู้หลินจ้านพูดว่า “เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นซิงโล่เฉิน เขาไปที่กุยซู สามปีกว่าแล้วยังไม่กลับเลย”
“เขาพูดเองกับปาก”จูนจิ่วเล่าความเป็นมาเป็นไปอย่างย่อให้ฝู้หลินจ้านฟัง ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงเสี่ยงอันตรายมาตามหานางที่เมืองไท่ชู มิตรภาพนี้ สมควรที่จูนจิ่วจะเชื่อมั่นพวกเขาได้
เมื่อรู้ที่มาที่ไปแล้ว ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงก็สบตากัน ต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้จัดการได้ยากมาก ไม่คิดเลยว่าซิงโล่เฉินจะกลับมาแล้ว
ฝู้หลินจ้านบอกกับจูนจิ่วว่า ซิงโล่เฉินเป็นคนที่น่ากลัวยิ่งกว่าหงยิง มีชื่อเสียงตั้งแต่เล็ก พรสวรรค์ก็แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหัวกะทิทั้งหลาย ระดับหกสีฟ้า สีค่อนไปทางม่วง อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับตำหนักไท่หวงอยู่หลายส่วน ยากจะต่อกรที่สุด
อีกทั้งเขาทำงานโหดเหี้ยมเจ้าเล่ห์ ชอบล้อเล่นกับชีวิตคน วิธีการร้ายกาจกว่าหงยิงหลายเท่านัก ฉะนั้นจึงกลายเป็นบุคคลที่ลูกศิษย์ของทั้งสามสำนักศึกษาต่างก็อยากจะหลีกหนีให้ไกล
คิดไม่ถึงว่าซิงโล่เฉินจะกลับมาแล้ว ทั้งยังจ้องหาเรื่องจูนจิ่วด้วย
น้ำเสียงกดต่ำร้อนใจของฝู้หลินจ้าน “โชคดีที่เจ้าแปลงโฉมจนพวกข้าเองยังจำไม่ได้ รีบไปกันเถอะ ออกจากเมืองไท่ชูได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ”
“หลินจ้าน จูนจิ่ว ”ทันใดนั้นฝู้หลินซวงก็ร้องเรียกพวกเขาขึ้นมาหนึ่งเสียง
ต่างก็เงยหน้าขึ้นมองฝู้หลินซวง เห็นฝู้หลินซวงขมวดคิ้วเยือกเย็นจ้องไปข้างหน้า พวกเขามองตามสายตานั้นไป พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา คนที่ยืนอยู่กลางถนนนั้น ไม่ใช่ซิงโล่เฉินแล้วจะเป็นใคร
ซิงโล่เฉินเห็นพวกเขามาแต่ไกล ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา
ซวยแล้ว
ฝู้หลินจ้านรีบส่งเสียงบอกพวกเขาสองคน “อย่างลงมือเด็ดขาด ซิงโล่เฉินเป็นนักจิตใหญ่ชั้นสาม พวกเราสู้ไม่ได้ อีกทั้งถ้าลงมือไป พวกหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวล้อมเอาไว้ที่นี่พวกเราจะลำบาก”
จูนจิ่วได้ยินก็เลิกคิ้ว ฝู้หลินจ้านพูดด้วยถ้อยคำสละสลวย แต่แท้จริงคนที่ลำบากคือนางคนเดียว แต่ในเมื่อพวกเขายืนอยู่ข้างนาง ไม่หนีหายไปไหน จูนจิ่วก็ยิ้มมุมปาก นางเงยหน้าขึ้นเผยยิ้มอ่อนๆให้กับซิงโล่เฉิน ซิงโล่เฉินจะจำนางได้หรือไม่
“ฝู้หลินจ้าน ฝู้หลินซวงไม่เจอกันนาน ทำไมพวกเจ้าจึงมาอยู่ที่เมืองไท่ชู ”ซิงโล่เฉินเดินมา ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มองมาที่พวกเขา
เขามองหนึ่งรอบแล้วก็หยุดสายตาที่ร่างจูนจิ่ว มองดูแล้วซิงโล่เฉินก็ถามว่า “นี่คือใคร ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ”
“เป็นศิษย์ของสำนักศึกษาจื่อเซียว ท่านเป็นใคร ข้าก็ไม่เคยพบท่านมาก่อน ”จูนจิ่วชิงพูดก่อนฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงจะเปิดปากพูด นางยิ้มอ่อนให้กับซิงโล่เฉิน พอเหมาะพอดีกับเผยให้ซิงโล่เฉินเห็นถึงความอยากรู้ของนาง
ฝู้หลินจ้านรับรู้ถึงสัญญาณที่จูนจิ่วส่งมา รีบพูดขึ้นว่า “นี่คือศิษย์น้องของพวกข้า ศิษย์พี่ซิงไม่ค่อยมาที่สำนักของเรา ไม่รู้จักก็เป็นเรื่องปกติ”
“ออ ”ซิงโล่เฉินยิ้ม สายตายังคงวนเวียนอยู่ที่ร่างจูนจิ่ว
ด้วยความใจกว้าง จูนจิ่วให้ซิงโล่เฉินมองตามสบาย ดวงตาของเขาเหมือนจะจ้องให้ร่างของจูนจิ่วมีดอกไม้ผุดออกมา สุดท้ายไม่ได้อะไร เดิมทีซิงโล่เฉินสงสัยว่าคนที่อยู่กับพวกฝู้หลินจ้านจะเป็นจูนจิ่ว
หากจูนจิ่วไปขอความช่วยเหลือจากพวกฝู้หลินจ้าน ปกติมา แต่ว่า เจ้าจ้องอยู่นาน สายตาที่แหลมคมเกือบจะมองทะลุสาวน้อยตรงหน้าไปแล้ว ก็มองไม่ออกถึงความเหมือนของนางกับจูนจิ่วเลยแม้แต่น้อย นางไม่ใช่จูนจิ่ว
ซิงโล่เฉินหมดอารมณ์ค้นหาไปชั่วขณะ เขาค่อยๆเคลื่อนสายตา เอ่ยขึ้นว่า “ฝู้หลินจ้าน ฝู้หลินซวง ไม่นานมานี้ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูถูกฆ่าตาย ทางที่ดีพวกเจ้าอย่าป้วนเปี้ยนแถวนี้ดีกว่า ไม่เช่นนั้น ”
มุมปากโค้งขึ้น ยิ้มอย่างชั่วร้ายแฝงแววข่มขู่ ซิงโล่เฉิน “ห่วงว่าจะถูกเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูสงสัย เพราะพวกเจ้าเป็นเพื่อนกับศิษย์ทรยศจูนจิ่ว”
“เป็นเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูที่สงสัย หรือท่านที่คิดอยากจะตัดสินโทษ ”ฝู้หลินจ้านไม่เกรงใจ ตอกกลับด้วยน้ำเสียงเย็น
ซิงโล่เฉินไม่โกรธ เขาหัวเราะฮ่าฮ่า จากนั้นก็เชิดคางขึ้น โบกมือให้พวกเขาอย่างหยิ่งยโส ก้าวเท้าอ้อมพวกเขาไป เขายังต้องไปจับจูนจิ่ว ไม่ว่างมาเสียเวลากับพวกเขา
จูนจิ่ว “ไปเถอะ พวกเราสมควรกลับกันแล้ว ”
“ดี”
พวกเขาเดินหันหลังกับซิงโล่เฉินไปยังทิศทางที่ไม่เหมือนกัน ซิงโล่เฉินไม่ว่าอย่างไรก็คงคิดไม่ถึง จูนจิ่วที่เขาต้องการจับตัวได้เดินไปจากสายตาของเขาอย่างเปิดเผย ไม่รู้ว่าหลังจากนี้หากซิงโล่เฉินรู้เรื่องแล้ว จะโกรธจนกระอักเลือดหรือไม่
แม้จะพบเข้ากับซิงโล่เฉิน แต่ก็แค่ตกใจไร้อันตรายออกมาจากเมืองไท่ชูได้อย่างราบรื่น
กระโดดขึ้นขี่ม้า พวกเขาวิ่งไปทางนอกเมืองยี่สิบลี้จึงหยุดลง หลังจากจูนจิ่วที่นำหน้าหยุดลงก่อน ฝู้หลินจ้านพูดว่า “ซิงโล่เฉินอยู่ที่เมืองไท่ชู พวกเรายิ่งไปได้ไกลยิ่งดี ที่นี่ยังใกล้อยู่มาก ”
“ไปอีกยี่สิบลี้ ฟ้ามืดแล้วพวกเราค่อยพักผ่อน ”ฝู้หลินซวงพูด
พวกเขานึกว่าจูนจิ่วเหนื่อยแล้ว แต่จูนจิ่วลงจากม้าแล้วดึงเชือกไว้ ส่งสัญญาณมือให้พวกเขา ตามนางไป ประสานสายตากันอย่างประหลาดใจ สุดท้ายทั้งสองก็เก็บความสงสัยไว้แล้วตามจูนจิ่วเข้าไปในป่า
ม้าถูกพวกเขาล่ามเอาไว้ในป่าในจุดที่พ้นจากสายตา จากนั้นก็เดินเข้าไปอีกชั่วเวลาจิบชา เงยหน้าขึ้นมองเห็นรอยแยกในหุบเขา
จูนจิ่วเอ่ยขึ้นว่า “ที่ทางเข้ามีค่ายกลลูกดอก พวกเจ้าระวังอย่าเหยียบเข้าล่ะ”
ภายใต้การเตือนของจูนจิ่ว ทั้งสองเพิ่งจะพบว่ามีลูกดอกซ่อนอยู่ตามใบหญ้า และใต้ดิน ด้วยควมคมของหวัลูกศร ทำให้ทั้งสองพรั่นพรึงในใจ หลบค่ายกลลูกศรได้ก็เดินเข้าไปในหุบเขา
ข้างในมีเสียงของชิงหยู่ส่งออกมา “ศิษย์น้องเจ้ากลับมาแล้วหรือ พวกเขา ฝู้หลินจ้าน ฝู้หลินซวง”
เห็นทั้งสองคน ชิงหยู่ก็รู้สึกประหลาดใจ กลับเป็นฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวง พวกเขามองไปที่มู่จิ่งหยวนที่นอนอยู่บนพรม ยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่ ตาของฝู้หลินจ้านเกือบจะถลนออกมาแล้ว นิ้วมือชี้ไปที่มู่จิ่งหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ฝู้หลินจ้าน “มู่จิ่งหยวน เขายังมีชีวิตอยู่”
“ถูกต้อง ข้าช่วยเขาเอาไว้ เข้าเมืองไท่ชูก็เพื่อจะพบเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู เสียดายถูกซิงโล่เฉินทำเสียเรื่องซะก่อน