บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 407 เจ้าจะต่อสู้กับสำนักศึกษาเทียนซูหรือ
เพื่อป้องกันสายลับของเทียงฉิว พวกฝู้หลินจ้านพาพวกจูนจิ่วเดินไปทางหลังเขา ห่างไกลผู้คน ตรงไปที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่โดยตรง จากนั้นฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงไปเชิญเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมา
ที่ตามเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมาด้วย ยังมีจี้อีหมิง พอเห็นจูนจิ่ว จี้อีหมิงก็ดวงตาเป็นประกายยิ้มหน้าบาน “พี่สาวพวกเราพบกันอีกแล้ว ”
“หืม”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวหันไปมองจี้อีหมิง จี้อีหมิงเห็นแล้วก็สะดุ้ง รีบยืนตัวตรงแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เห็นปฏิกิริยาของเขาแล้ว พวกฝู้หลินจ้านก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
จูนจิ่วยิ้มบางๆ นางมองไปทางเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว “ท่านเจ้าสำนักเชิญนั่ง ”
“ไปดูมู่จิ่งหยวนก่อน เรื่องเป็นมาอย่างไร หลินจ้านกับหลินซวงบอกข้าแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น จูนจิ่วก็พยักหน้า นางเดินอยู่ข้างหน้าผลักประตูห้องข้างในออก หลังจากเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวเห็นกับตาว่ามู่จิ่งหยวนยังมีชีวิตอยู่ จึงได้เชื่อที่พวกฝู้หลินจ้านอธิบายให้ฟัง
เงยหน้ามองไปทางจูนจิ่ว สายตาของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวฉลาดเคร่งขรึม เขาพูดว่า “ข้าขอคุยกับเจ้าตามลำพังได้หรือไม่ ”
“อาจารย์ ”ฝู้หลินจ้านได้ยินก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
จี้อีหมิงก็พูดตามขึ้นมาว่า “ท่านปู่ไม่เชื่อพี่สาวหรือ มู่จิ่งหยวนอยู่ที่นี่ ก็คือเรื่องจริงนี่นา ”
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมองทั้งสองคน แต่ไม่ได้พูดอะไร แววตาไหววาบ จูนจิ่วยิ้มพูดกับทุกคนว่า “พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
ได้ยินจูนจิ่วพูดขนาดนี้แล้ว พวกชิงหยู่จึงได้แต่เก็บความกังวลไว้หมุนตัวเดินออกไป เมื่อประตูปิดลง ในเรือนจึงเหลือแต่พวกเขากับมู่จิ่งหยวนที่สลบไสลไม่ตื่น เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวลูบหนวดเครา สีหน้าซับซ้อน
เขาพูดกับจูนจิ่วว่า “คิดไม่ถึงว่า พวกเขาจะเชื่อฟังเจ้า”
ชิงหยู่เป็นศิษย์พี่ของจูนจิ่ว นี่ไม่เป็นไร แต่ฝู้หลินจ้าน ฝู้หลินซวงแล้วยังมีจี้อีหมิงไม่เพียงแต่เชื่อจูนจิ่วอย่างไร้เงื่อนไข ยังเชื่อฟังจูนจิ่วยิ่งกว่าเขาผู้เป็นอาจารย์ ท่านปู่ซะอีก นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
ริมฝีปากยิ้ม จูนจิ่วเชิญเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวนั่งคุย
อยู่ในสำนักศึกษาจื่อเซียว จูนจิ่วไม่มีความขัดเขินหรือไม่เป็นตัวเองเลย นางรินน้ำชาให้กับเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวอย่างอ่อนโยนสง่างาม จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า“ท่านเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวอยากจะถามอะไรหรือ”
“ทำไมผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูต้องฆ่าพวกเจ้าด้วย พูดให้ถูกคือ ทำไมเขาต้องหาเจ้า ยังมีอีก เจ้าสำนักเทียนซูปล่อยข่าวลือไปทั่ว ส่งหงยิงไปที่สองสำนักสิบแคว้น แล้วก็ส่งซิงโล่เฉินมาจับเจ้า เรื่องนี้ต้องมีความลับซ่อนอยู่แน่ ใช่หรือไม่ ”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวถาม
มองเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวและยิ้มอ่อนๆ จูนจิ่ว “สมกับที่เป็นเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว”
มองออกในแวบเดียว ถามได้ตรงประเด็น
ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่าเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมีการตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อน หรือว่าวิเคราะห์จากที่ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงเล่าให้ฟัง ก็เพียงพอที่จะมองเห็นถึงความชาญฉลาดของเจ้าสำนักศึกษาท่านนี้ อีกทั้งยังเป็นมิตรอีกด้วย ไม่เช่นนั้นเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวคงไม่ให้นางมาอยู่ที่นี่
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพูดอีกว่า “จูนจิ่ว เจ้าจะสามารถพูดความลับนี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่ ”
“ข้าเพียงแต่สามารถบอกกับท่านเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวได้ว่า เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับเทียงฉิวต้องการของสิ่งหนึ่งจากตัวข้า เพื่อของสิ่งนี้แล้ว พวกเขาทำให้ทั้งห้าสำนักเกิดหายนะ และส่งคนไล่ล่าจนถึงบัดนี้ ส่วนของชิ้นนี้เป็นอะไร ต้องอภัยที่ข้าไม่สามารถบอกท่านได้ ”
จูนจิ่วมองเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวด้วยสายตาเรียบนิ่ง ใครๆต่างก็สามารถเห็นความตรงไปตรงมาอย่างจริงใจของนางได้ ไม่มีแววของความเสแสร้งหลอกลวงเลยสักนิเดียว
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวลูบหนวดเคราของตนเองอย่างใช้ความคิด เพื่อของสิ่งหนึ่งหรือ
เป็นสิ่งของอะไรกันแน่ ที่สามารถทำให้เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเคลื่อนไหวเทียงฉิว จึงได้รวบรวมคนมากมายเพื่อจับหญิงสาวเพียงคนเดียว เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวไม่ได้ถามต่อ ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร แต่เขาสามารถเดาได้ว่า ของสิ่งนี้ต้องสำคัญมาก
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว“ยังมีเหตุผลอื่นอีกหรือไม่”
“ครั้งแรกข้าทำหงยิงบาดเจ็บหนัก ครั้งที่สองเกือบจะบูชาเลือดนาง นี่นับหรือไม่ ”จูนจิ่วยิ้ม ยิ้มอย่างขี้เล่นและหยิ่งผยอง
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวได้ยินแล้วก็นิ่งอึ้ง หากเป็นคนอื่น เขาคงต้องดุว่าหลอกลวง หงยิงเป็นนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่ง จะถูกนักจิตชั้นห้าตัวเล็กๆทำให้บาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร ยังเกือบฆ่านางตาย แต่เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวรู้ว่านี่คือเรื่องจริง
ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงเห็นเองกับตา เขารู้ว่าศิษย์รักของเขาไม่มีทางหลอกเขา
ในห้องเข้าสู่ความเงียบ เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวถามนางว่า“สำนักศึกษาเทียนซูแข็งแกร่งที่สุดในสามสำนักศึกษา เจ้าเป็นลูกศิษย์ตัวเล็กๆคนเดียว จะสู้กับเขาก็เท่ากับฆ่าตัวตาย ข้าสามารถส่งเจ้ากลับไปที่สองสำนักสิบแคว้นได้ ขอเพียงเจ้าหลบซ่อนตัวเอาไว้ เขาจะหาเจ้าไม่พบ ”
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวจะให้นางหลบซ่อน
จูนจิ่วยิ้ม นางเงยหน้าอย่างทระนง แววตาเย็นชาอวดดี จูนจิ่วพูดว่า “แต่ทำไมข้าต้องหลบด้วย ข้าไม่เคยกลัวเทียงฉิว แล้วก็ไม่กลัวเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูด้วย พวกเขาปล่อยข่าวลือ ทำลายชื่อเสียงข้า พวกเขาต่างหากที่ต้องหลบ หลบจากการแก้แค้นของข้า ”
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมองจูนจิ่วอึ้งๆ เขามองเห็นสายตาของจูนจิ่วมีไฟที่แผดเผารุนแรง นั่นคือไฟแห่งการแก้แค้น
ทันใดนั้นเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวรู้สึกว่า การไปหาเรื่องจูนจิ่วเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งเลย ด้วยสายตาแหลมคมมากกว่าหลายสิบปี สามารถดูออกว่าอนาคตจูนจิ่วนั้นไม่ธรรมดา บางทีเมื่อถึงเวลา สำนักศึกษาเทียนซูสำหรับนางอาจเป็นเรื่องเล็กจริงๆแล้วก็ได้ แต่ตอนนี้
ลูบเครา เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวถอนหายใจ “เจ้าจะสู้กับสำนักศึกษาเทียนซูหรือ”
“ใช่”
“เช่นนั้นเจ้าต้งวางแผน เจ้ามีแผนแล้วหรือ”
ได้ยินดังนั้น จูนจิ่วก็เลิกคิ้วยิ้มอย่างมีเลศนัย นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่ใจ “มี”
……
ตอนที่เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวออกจากเรือน ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มและลูบเคราพลางยิ้มพยักหน้าเป็นครั้งคราว พวกฝู้หลินจ้านรู้นิสัยของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวดี นี่คือท่าทีที่แสดงว่าเขาพอใจและอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง
ฝู้หลินจ้าวก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้า ถามอย่าระวัง “อาจารย์ พวกท่านคุยอะไรกัน ”
“อาจารย์ ”ฝู้หลินซวงก็เดินเข้าไป จากนั้นก็ตามด้วยจี้อีหมิงที่อยากรู้จนตัวสั่น มองพวกเขายิ้มๆ แล้วก็เงยหน้ามองชิงหยู่ที่ยังยืนอยู่ข้างๆนั้น เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวลูบเครา พูดว่า “อยากรู้หรือ”
“อืมอืม อาจารย์ท่านรีบพูดเถอะ”
“ไปถามจูนจิ่วเองเถอะ”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวอุบเอาไว้ ก้าวเท้าออกไปพร้อมรอยยิ้ม เขาไม่ได้เรียกให้พวกฝู้หลินจ้านกลับไปด้วย และไม่ได้แสดงท่าทีอื่นๆอีก
เห็นดังนี้ พวกฝู้หลินจ้านต่างมองหน้ากัน ใบหน้าของทั้งสี่คนต่างก็อยู่ในอาการมึนงง วินาทีต่อมาพวกเขาก็พุ่งเข้าไปในเรือน ชิงหยู่ถามขึ้นก่อนว่า “ศิษย์น้องเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพูดอะไรหรือไม่ ”
จูนจิ่วนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ในมือถือถ้วยชาค่อยๆจิบลิ้มรสมัน เงยหน้ามองไปทางทุกคน ปากแดงระเรื่อยิ้มอย่างขี้เล่น “ข้าถามเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวว่าตบหน้าคนต่อเนื่องกันอยากดูหรือไม่ เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง ก็แค่นี้”
“หา”
ยังคงเป็นใบหน้าทั้งสี่ที่ยังคงมึนงง ไม่มีใครรู้ว่าจูนจิ่วหมายความว่าอย่างไร ชิงหยู่ได้สติ รู้ว่าจูนจิ่วได้ข้อสรุปกับเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวแล้ว แต่มองรอยยิ้มทีเล่นทีจริงของจูนจิ่ว เขาก็ไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาอย่างไรดี
ท่าทีของศิษย์น้อง ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี ทำไม่จึงรู้สึกว่าประหลาดชอบกล
จูนจิ่ว ที่ควรประหลาดใจคือสำนักศึกษาเทียนซู ไม่ใช่ศิษย์พี่
ในวันนี้เอง สำนักศึกษาจื่อเซียวมีข่าวแพร่ออกไปว่า พวกเขาจับตัวจูนจิ่วกับชิงหยู่ได้แล้ว แต่พอสอบสวนแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้กับข่าวลือมันไม่ปกติ จึงได้เชิญเจ้าสำนักศึษาไท่ชูเดินทางมา เพื่อทำการไต่สวนด้วยตนเอง
ข่าวได้แพร่เข้าหูของคนในเทียงฉิว หน้าดำคล้ำดุจก้นหม้อ