บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 412 ตบหน้าจนกระอักเลือดตาย
“นี่ยังไม่พอหรือ ”ฝู้หลินจ้านขมวดคิ้วมองไปทางซิงโล่เฉิน “มู่จิ่งหยวนยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นหลักฐานได้แล้ว คำพูดของเขาน่าเชื่อถือกว่าหยุนหนีมาก”
“นั่นก็แค่สามารถยืนยันได้แค่ว่า หยุนหนีหลอกลวงปิดบังเรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่ต้องการฆ่ามู่จิ่งหยวน เรื่องอื่นนั้นก็พูดลำบาก”ซิงโล่เฉินพูดเป็นนัย มองไปยังจูนจิ่วอีกครั้งด้วยสายตาที่แฝงแววต่อสู้ แววชั่วร้ายคุกรุ่น
จูนจิ่วยิ้มเย็นมองไปทางเขา “มีอะไรก็พูดตรงๆ อย่าเอาแต่พูดมากเหมือนพวกผู้หญิงเลย ”
“เจ้า”ถูกจูนจิ่วทำให้โกรธจนควันออกหูได้ง่ายจริงๆ
ซิงโล่เฉินกัดฟันกรอด เขาจ้องจูนจิ่วเขม็ง เจ้าคิดว่าเจ้าชนะแล้วหรือ ไม่มีทาง ข้ายังมีอีกหนึ่งไม้ตาย
ยืนอยู่ในตำหนักใหญ่ ซิงโล่เฉินมองจูนจิ่วจากที่สูงกว่า แต่ถ้าเทียบความทรงพลัง เขาไม่สามารถเอาเปรียบจูนจิ่วได้ ซิงโล่เฉินฉีกยิ้มชั่วร้าย เขาเอ่ยขึ้นว่า “เอาพยานเข้ามา”
พยานอะไร
เรื่องราวเหมือนจะพลิกกลับอีกครั้ง คนที่อยู่ในตำหนักต่างไม่กล้าพูดจา เห็นเพียงหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวลากตัวคนคนหนึ่งเข้ามา ซิงโล่เฉินเดินเข้าไปดึงผ้าคลุมหัวของคนคนนั้นออก มองไปยังจูนจิ่วกับชิงหยู่อย่างอันตราย “คนคนนี้พวกเจ้าน่าจะคุ้นเคยดี”
จูนจิ่ว “ไม่รู้จัก”
ชิงหยู่ “ไม่เคยเห็น”
ซิงโล่เฉินชะงัก โกรธจนจะกระอักเลือด “เขาสวมชุดของลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จง ไม่เคยเจอไม่รู้จักจริงหรือ พวกเจ้าคิดจะหลอกใคร”
“นี่คือคนที่เทียงฉิวจับได้นอกป่าในวันที่ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูตาย ทำตัวมีพิรุธ มองแล้วก็รู้ว่าต้องมีปัญหาแน่ แล้วสุดท้ายเจ้าก็ดูสิจูนจิ่ว พอจับตัวมาสอบสวนก็บอกว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จง”หงยิงเดินออกมา เอ่ยต่อจากซิงโล่เฉิน
ถูกตบใบหน้าให้เจ็บปวดอย่างอนาถ ทำให้หงยิงแค้นใจจูนจิ่วยิ่งนัก พวกเขายังมีไม้ตาย ต้องเหยียบจูนจิ่วให้ตายได้แน่ๆ
หงยิงพูดต่อว่า “จูนจิ่วเจ้ามาจากสำนักเทียนอู่จง และศิษย์พี่เจ้าก็เป็นเจ้าสำนักเทียนอู่จง เขาก็คือพรรคพวกของพวกเจ้า หลักฐานที่ชี้ว่าพวกเจ้าฆ่าผู้อาวุโส มู่จิ่งหยวน น่าสงสารจริงที่เจ้าถูกจูนจิ่วหลอก”
มู่จิ่งหยวน นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกัน
เจ้าสำนักจื่อเซียวนิ่งอึ้ง ขมวดคิ้วมองไปทางจูนจิ่ว เด็กคนนี้ไม่ได้บอกเรื่องนี้นี่นา
เรื่องจริงหรือนี่
“ขออภัยด้วย หงยิงเจ้าเข้าใจสำนักเทียนอู่จงของพวกเราผิดไปหรือเปล่า ”คนที่พูดคือชิงหยู่ เขามองชายที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่กับพื้นอย่างดูถูก เอ่ยอย่างเย้ยหยัน “หาของปลอมมา อย่างน้อยๆก็ต้องให้เหมือนสักหน่อย”
หงยิง “เจ้าว่าอะไรนะ”
“ศิษย์พี่ข้าพูดไม่ผิด แม้ว่าสำนักเทียนอู่จงของพวกเราจะสู้สำนักศึกษาทั้งสามไม่ได้ แต่ก็ร่ำรวยไม่ขาดหินทิพย์ไม่ขาดเงิน เสื้อผ้าบนตัวเขา แม้แต่ผ้าที่ใช้ทำชุดของคนเฝ้าประตูอาหวงยังดีกว่านี้เลย ของปลอมดูแวบเดียวก็ดูออกว่าทำลอกเลียนแบบขึ้น”จูนจิ่วยิ้มอย่างดูถูก
หงยิงได้ยินก็อึ้งไป เป็นนานก็ยังไม่ได้สติคืนมา
นี่แหละที่นางต้องการ จูนจิ่วฉวยโอกาสนี้เดินไปตรงหน้าชายคนนั้น เลิกคิ้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและถามขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จง เช่นนั้นก็ลองบอกมาสิว่า ลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงเรียกข้าว่าอะไร”
ชายหนุ่มคนนั้นประสานสายตาที่เย็นชาน่ากลัวของจูนจิ่ว ตกใจกลัวจนตัวสั่น แล้วก็เห็นสายตาพิฆาตของซิงโล่เฉินที่มองมา ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “อาจารย์อา”
คำเรียกนี้หงยิงบอกกับเขา
จูนจิ่วยิ้ม “ตอบถูกแล้ว เช่นนั้นเจ้าพูดสิว่า ข้าเข้าสู่สำนักเทียนอู่จงวันไหน เรื่องแรกที่ข้าทำในสำนักเทียนอู่จงคืออะไร อย่าบอกนะว่าไม่รู้ เพราะนี่คือเรื่องใหญ่ในสำนักเทียนอู่จง แม้แต่อาหวงคนเฝ้าประตูก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งเบิกตากว้าง อ้าปากค้างพูดไม่ออกสักคำ เขาไม่รู้
สายตาของจูนจิ่วเคลื่อนไปที่ร่างของหงยิง ยิ้มเย็น “ถามอะไรก็ไม่รู้ เขาเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงจริงหรือ”
จูนจิ่วยิ้มดุจคมดาบ แหลมคมเยือกเย็น ทำเอาหงยิงเหมือนถูกแทงจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ นางไม่รู้จะพูดอะไรต่อ คิดไม่ถึงเลยว่าของลอกเลียนแบบที่สรรหามา กลับถูกจูนจิ่วใช้คำถามไม่กี่คำก็จับเท็จได้แล้ว ตอนนี้จะทำอย่างไรดี
ฟู่
แววตาเย็นเหลือบมองเห็น มีเลือดพุ่งออกมา จูนจิ่วก้าวเท้าถอยออกไป จึงไม่ทำให้เลือดกระเด็นถูกชายกระโปรง แววตาเย็นชา จูนจิ่วมองซิงโล่เฉินเดินลงมา เมื่อครู่เขาเป็นคนฆ่าลูกศิษย์ตัวปลอมคนนั้น
เห็นทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขา ซิงโล่เฉินฉีกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย “ไม่คิดเคยว่าจะเป็นคนหลอกลวง สมควรตาย”
ระหว่างพูด เขาฉวยโอกาสที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา ก็ชี้อาบจ่อไปที่หยุนหนีจะฆ่านาง แต่ก่อนที่จะฆ่าหยุนหนี จูนจิ่วก็เข้ามายืนอยู่ข้างหน้าเขากะทันหัน ซิงโล่เฉินอยากจะฆ่าจูนจิ่วให้ตายทันที แต่ก็คิดได้ว่าสิ่งล้ำค่ายังอยู่กับนาง
ต้องเก็บดาบคืนไปอย่างอดกลั้น ทำให้เลือดและลมปราณตีกลับ ร่างกายชะงัก มีกลิ่นคาวเลือดที่พุ่งขึ้นมาจากบริเวณหน้าอก สีหน้าของซิงโล่เฉินเขียวคล้ำ โดยเฉพาะตอนที่เห็นมุมปากของจูนจิ่วยังคงมีรอยยิ้ม ซิงโล่เฉินปวดที่หน้าที่ใจและปวดไปทั่วตัว จูนจิ่วยิ้มเย็นวาจาแหลมคม “เจ้าอยากจะฆ่าหยุนหนี นางเป็นลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชู สมควรฆ่าก็ไม่ต้องให้เจ้ามาวุ่นวาย”
“จูนจิ่วไสหัวไป”ต้องฆ่าหยุนหนีเพื่อปิดปาก ไม่เช่นนั้นหากหยุนหนีตกอยู่ในมือของเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู ถูกสอบสวนจะต้องไม่ดีแน่
และเขาคิดอยากจะข่มขู่จูนจิ่ว แต่พอมองไปข้างหลังจูนจิ่ว มู่จิ่งหยวน ชิงหยู่ พี่น้องฝู้หลินจ้าน แม้กระทั่งเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูและเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวก็ยืนขึ้นมา ซิงโล่เฉินที่อยู่ข้างหน้าไม่พอ แต่เจ้าสำนักศึกษาสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาทำให้เขาไม่กล้าหุนหันพลันแล่น
จูนจิ่ว “ข้าไสหัวไม่เป็น เจ้าลองสอนข้าดูสิ”
“ฟู่”ซิงโล่เฉินกระอักเลือดออกมาทั้งเป็น หงยิงตกใจหน้าซีดจะเข้าไปประคองเขา แต่กลับถูกซิงโล่เฉินผลักออกอย่างหยาบคาย กัดฟันกรอด ซิงโล่เฉินแค้นจนอยากจะฉีกจูนจิ่วออกเป็นชิ้นๆทั้งเป็น
“พอแล้ว”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเอ่ยขึ้น
นี่ไม่ใช่การสอบสวนจูนจิ่วแบบเปิดเผย แต่เป็นการลงโทษเทียงฉิวอย่างเปิดเผยต่างหาก หมากที่พวกเขาเดินแต่ละก้าว สุดท้ายก็ถูกจูนจิ่วตบหน้าหงาย ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป มีเพียงแต่จะยิ่งขายหน้า เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูโกรธจนแทบคลั่ง
แต่เขาจำเป็นต้องยืนหยัดให้ได้ เพื่อรักษาสถานะที่สูงส่งของเจ้าสำนักศึกษา เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเดินลงไป ยิ้มอย่างเสแสร้ง “เห็นที ความจริงจะถูกเปิดเผยแล้ว จูนจิ่วนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ”
“แน่นอน ทีนี้ก็ประกาศให้ทุกคนรู้ได้แล้ว คืนความบริสุทธิ์ให้กับจูนจิ่วและชิงหยู่ ผู้อาวุโสใหญ่ที่มีโทษมหันต์ก็ได้ตายไปแล้ว ส่วนความจริงสอบสวนหยุนหนีก็คงจะสามารถตัดสินคดีได้ ที่ข้าเชิญพวกท่านมาที่สำนักศึกษาจื่อเซียว คงไม่ผิดกระมัง”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวลูบเคราพูดยิ้มๆ
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูพยักหน้ารับ ส่วนเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูแค้นจนอยากจะสับเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวเป็นชิ้นๆ
สูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูมีรอยยิ้มเสแสร้ง เขาเดินไปทางจูนจิ่ว น้ำเสียงเป็นมิตรอย่างจงใจ “จูนจิ่ว ในเมื่อเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นนั้นลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงที่สำนักศึกษาเทียนซูจับมาได้ก็บริสุทธิ์ ตอนนี้ข้าจะปล่อยพวกเขาไป เพื่อให้พวกเจ้าได้พบหน้ากัน”
ได้ยินคำพูดของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ทุกคนต่างมีสีหน้าแตกต่างกัน เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจับตัวลูกศิษย์สำนักเทียนอู่จงได้จริงหรือ
ทุกคนมองไปยังจูนจิ่ว ริมฝีปากแดงของนางโค้งขึ้น ยิ้มอย่างหยิ่งทะนง แฝงความมีเลศนัย
จูนจิ่ว “ดีเลย ไม่ทราบว่าลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงอยู่ที่ใด”
“พวกเขาอยู่นอกตำหนักใหญ่ ซิงโล่เฉิน หงยิงยังไม่นำทางอีก ปล่อยตัวลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงที่บริสุทธิ์ทั้งหมด”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูแสร้งตำหนิทั้งสองคน สีหน้าเป็นมิตรดูเสแสร้งเป็นที่สุด
ซิงโล่เฉินกับหงยิงได้ยินก็มองตากัน เก็บอาการแล้วก็เดินนำหน้าออกไป พวกเขาเดินตามออกไปนอกตำหนักใหญ่ เงิยหน้ามองไปที่ลานกว้างที่มีคนคุกเข่าอยู่เป็นแถว คนที่สวมชุดของลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จง