บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 418 เจ้ายั่วยวนข้า ข้าดึงดูดเจ้า
เบื้องหลังของหญิงสาวที่ประสบความสำเร็จ ล้วนมีบุรุษที่“อบอุ่นมีความสามารถ”
เหลิ่งยวนคิดในใจ ใช่สิอ่อนโยนและมีความสามารถมาก แม่นางจูนเจ้าอยากจะฆ่าใคร แค่ใช้นิ้วมือชี้ เจ้านายของข้าคงจะทะนุถนอมให้เจ้านั่งพักผ่อนอย่างดี เขาจะไปจัดการให้เอง
นี่ยังไม่นับว่าอ่อนโยนมีความสามารถอีกหรือ
ตอนที่มานั้นเร่งรีบ ขากลับนั้นจึงผ่อนคลายค่อยๆเดิน
ที่สำคัญ จูนจิ่วต้องการหาที่ที่เหมาะสมเพื่อให้ชิงหยู่กินยาทิพย์ใหญ่เพื่อบรรลุ เรื่องการบรรลุเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จูนจิ่วไม่ไว้ใจให้ชิงหยู่บรรลุที่สำนักศึกษาไท่ชู หาถ้ำแห่งหนึ่ง ตอนที่ชิงหยู่บรรลุ จูนจิ่วก็ดูดาวอยู่นอกถ้ำ
โม่อู๋เยว่นั่งอยู่ข้างกายนาง “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชอบดาวหรือ”
พริบตาเดียว จูนจิ่วหันไปมองโม่อู๋เยว่ มือของนางลูบขนของเสี่ยวอู่อย่างคุ้นเคย จูนจิ่วยิ้ม “ทำไมจึงถามข้าว่าชอบดาวหรือไม่ ”
โม่อู๋เยว่ไม่ตอบ แต่ยกมือขึ้นทำท่าหยิบบางสิ่งกลางอากาศ เหมือนจะรับรู้ได้ถึงพลังที่แปลกประหลาดอย่างเลือนราง จูนจิ่วมองไปทางทิศทางของนิ้วมือโม่อู๋เยว่ ก็เห็นดวงดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้าที่สว่างไสวผิดปกติกว่าดวงอื่นๆ
บนท้องฟ้า ดวงดาวทั้งหมด แม้แต่ทางช้างเผือกยังสวยไม่เท่าดาวดวงนี้ มันช่างสว่างสุกใส มองแวบเดียวก็ดึงดูดสายตาทั้งหมดไปได้
น้ำเสียงของโม่อู๋เยว่ทุ้มต่ำยียวน เขาพูดว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชอบดาวดวงนี้ได้ มันคือดาวหยินซาง มันเป็นตัวแทนของข้า ดาวดวงอื่นล้วนไม่ดี เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะชอบก็ชอบมันดีหรือไม่ ”
อึ้งไปนิดนึง จูนจิ่วเก็บสายตา
ตอนนี้โม่อู๋เยว่อยู่ใกล้นางมาก มือหนึ่งพยุงหลังนางเอาไว้ โน้มตัวเข้าใกล้นาง
เปลี่ยนอีกมุมหนึ่งมองแล้วก็เหมือนโม่อู๋เยว่กำลังกอดนางเอาไว้
กะพริบตาปริบๆ จูนจิ่วยิ้มอย่างสวยงาม นางถามขึ้น “ทำไมดาวดวงนั้นถึงเป็นตัวแทนท่าน ”
“เมื่อเจ้าบรรลุถึงขั้นที่แน่นอนแล้ว บนท้องฟ้าจะปรากฏดวงดาวที่เป็นเสมือนตัวแทนของเจ้าขึ้นหนึ่งดวง ความสว่างของดาวดวงนั้นจะแสดงถึงพลังกับชีวิตของเจ้า ถ้าดวงดาวถูกทำลาย ก็หมายถึงตาย ดาวดวงนี้ เรียกอีกอย่างว่าดาวแห่งชีวิต”
ไม่รอให้จูนจิ่วตอบ โม่อู๋เยว่กุมมอืนางแล้วพูดต่อว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นคู่วิญญาณของข้า เมื่อดาวแห่งชีวิตของเจ้าปรากฏขึ้น ก็จะอยู่ข้างๆดาวของข้า ฉะนั้นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จำไว้ให้ดี เมื่อถึงเวลาเจ้าจะหาดาวแห่งชีวิตของตัวเองได้ ”
จูนจิ่ว ……
โม่อู๋เยว่ท่านล้อข้าเล่นหรือ ดาวแห่งชีวิตของตัวเองหาไม่เจอ ยังต้องพิ่งท่านเพื่อช่วยค้นหา จูนจิ่วเลิกคิ้ว ยกมือขึ้นจับที่ปลายคางของโม่อู๋เยว่ นางยิ้มร้าย “ถ้าดาวแห่งชีวิตของข้าไม่อยู่ข้างเจ้าเล่า”
“เป็นไปไม่ได้”โม่อู๋เยว่โต้กลับอย่างมีเหตุผล เขาไม่รังเกียจที่จูนจิ่วจะบังอาจจับคางของเขา โม่อู๋เยว่กะพริบตา แสร้งทำเป็นถอย เปลี่ยนกลับเป็นดวงตาสีทองผมสีเงิน เสน่ห์ร้ายกาจปะทุขึ้นในชั่วพริบตา
มือที่ประคองอยู่ด้านหลังของจูนจิ่ว เปลี่ยนเป็นรั้งเอวนางกดเข้ามาในอ้อมอก มืออีกข้างก็จับมือนางที่จับตรงคางของเขา โม่อู๋เยว่ก้มหน้าจูบไปบนริมฝีปากนาง
คอยแต่จะยั่วยวนเขาอยู่เสมอ พอได้จุมพิตก็ไม่อยากจะหยุด
ก่อนที่ไฟจะแผดเผาร่าง โม่อู๋เยว่ก็ถอยออกมาก่อน ศีรษะของเขาพิงอยู่ที่หน้าผากของจูนจิ่ว น้ำเสียงทุ้มลึกแฝงรอยยิ้มแห่งการหยอกเย้าอ่อนโยน “อา เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้ายอมรับเถอะ เจ้ากำลังยั่วยวนข้า ข้าเองก็ดึงดูดเจ้าเช่นกัน ไม่มีใครมาพรากคู่วิญญาณไปได้ พวกเราเกิดมาก็เป็นของกันและกันแล้ว”
จูนจิ่วสำลัก
นางถูกโม่อู๋เยว่จูบจนลมหายใจไม่ปกติ อ้าปากคิดอยากจะตอบโต้ ปรากฏว่าก็ถูกโม่อู๋เยว่ใช้ปากปิดไว้อีกแล้ว
เป็นนายกว่าจะมีอิสระในการหายใจ โม่อู๋เยว่ายิ้มร้ายเอ่ยที่ข้างหูนางว่า“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กล้าตอบโต้ ข้าก็จะให้เจ้ารับผิดชอบ ประกาศให้ทุกคนได้รู้ ว่าข้าจะขอเจ้าแต่งงาน ”
“เอาเถอะ”จูนจิ่วเอ่ยอย่างเหี่ยวแห้ง
แค่หยอกไม่ได้หรือ จะรับผิดชอบให้ยุ่งยากทำไม มองโม่อู๋เยว่แล้วเหมือนจะรอคอยอย่างจดจ่อที่จะให้รับผิดชอบ จูนจิ่วสีหน้าไร้อารมณ์ ชาตินี้ นางยังดูโลกภายนอกไม่พอเลย จะแต่งได้อย่างไร แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นโม่อู๋เยว่ก็ตาม จูนจิ่วก็ต้องหนักแน่นต่อความคิดของตัวเอง
ปฏิกิริยาของจูนจิ่วอยู่ในสายตาของโม่อู๋เยว่ รู้สึกเพียงน่ารักอวดดี
ทั้งที่ในใจมีเขา แต่ก็หยิ่งไม่อยากยอมรับ ส่วนเรื่องรับผิดชอบ นั่นเป็นเรื่องที่บุรุษควรทำ เขาได้ประตราที่เป็นของเขาบนร่างนางแล้ว การเป็นสะใภ้เขานั้นหนีไม่พ้นแน่แล้ว เช่นนั้นก็ติดตามสะใภ้คนนี้ท่องไปทั่วใต้หล้านี้เถอะ ในเมื่อก็ไม่มีใครมาแย่งอยู่แล้ว
……
ชิงหยู่ออกจากการเก็บตัวฝึกฝนได้สามวันแล้ว ได้บรรลุนักจิตใหญ่อย่างราบรื่น ในร่างมีพลังที่แข็งแกร่งวิ่งพล่านทำให้ชิงหยู่รู้สึกตื่อเต้นมาก พุ่งเข้าไปในป่าเพื่อหาสัตว์ทิพย์ในการระบายทั้งวัน จึงทำให้จิตใจกลับสู่ภาวะปกติได้
กำหมัดเดินไปทางจูนจิ่ว ชิงหยู่ยืดอกยิ้มอย่างภูมิใจ “ศิษย์น้อง เจ้าดู”
เขาแบมือออก เปิดตันเถียนให้พลังพุ่งมาที่ฝ่ามือ พลังแข็งแกร่ง ไกลกว่าหยุนหนีมาก กระทั่งสามารถเปรียบเทียบกับหงยิงที่บรรลุนักจิตใหญ่ตั้งนานแล้ว ชิงหยู่พูดยิ้มๆ“ต้องยกความดีความชอบให้กับยาทิพย์ใหญ่ของเจ้า การบรรลุจึงได้ราบรื่นขนาดนี้ พอบรรลุแล้วก็ไปถึงชั้นกลางของนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่ง พลังแกร่งมาก ”
“ศิษย์พี่อย่าเพิ่งรีบร้อนจะบรรลุขั้นต่อไป ให้การฝึกฝนมั่นคงก่อน”จูนจิ่วมองชิงหยู่อย่างวิเคราะห์ ทำการประเมินผลยาทิพย์ใหญ่ที่ตัวเองกลั่นออกมา การบรรลุต้องอาศัยพรสวรรค์ก็จริง แต่ก็ไม่อาจขาดยาทิพย์ใหญ่ได้
นางกลั่นยาทิพย์ใหญ่ มีคุณภาพดีกว่านักกลั่นยาที่มีอยู่ตอนนี้กลั่นได้ ฉะนั้น ชิงหยู่จึงได้บรรลุนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่งระดับกลางในครั้งเดียว แต่ว่าจูนจิ่วได้ให้ชิงหยู่กดทับพลังให้อยู่ในระดับที่แค่เพิ่งบรรลุนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
ชิงหยู่บรรลุสำเร็จ พวกเขาก็ควรกลับได้แล้ว
เมื่อถึงนอกเมืองไท่ชู จูนจิ่วกับชิงหยู่ก็พบว่ามีการวางกำลังคนไว้นอกเมือง โยนเสี่ยวหยิ่งออกไปสืบหาข่าว ได้ข่าวกลับมาว่า พวกนี้ล้วนเป็นหน่วยกล้าตายของเทียงฉิง
แม้ว่าหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวจะถอนกำลังออกไปจากสำนักศึกษาไท่ชูแล้ว แต่ตอนนี้ก็หวนกลับมาอีก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่กลับมากับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู เมื่อพบว่าไม่มีจูนจิ่วกับชิงหยู่ เทียงฉิวก็จ้องอย่างถมึงทึง รอซุ่มดูพวกเขาอยู่ที่นี่
เสี่ยวหยิ่งแปลงเป็นคน ชุดแดงเปิดกว้าง เผยให้เห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ทั้งร่างราวกับไร้กระดูกพิงอยู่กับกิ่งไม้ ชิงหยู่เห็นแล้วก็จ้องเขาเขม็ง ต่อหน้าศิษย์น้อง ระวังเรื่องรูปลักษณ์หน่อย
เหลือบตามองชิงหยู่ เสี่ยวหยิ่งก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “จูนจิ่ว เจ้าจะจัดการกับหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวอย่างไร พวกเขามีคนไม่น้อยเลย เจ้าอยากจะเข้าเมืองอย่างเปิดเผยานั้นคงเป็นไปไม่ได้ ให้ข้าไปรายงานเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูหรือไม่ ให้พวกเขามารับเจ้า ”
“ไม่ต้อง”จูนจิ่วส่ายหน้า
แอบซุ่ม อยากจะจับพวกเขาให้ได้นอกเมืองไท่ชู จูนจิ่วอยากจะหัวเราะเทียงฉิวมีความสามารถแค่นี้หรือคิดแผนที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไร ส่วนเรื่องแก้ไข ง่ายมาก
นางเงยหน้าขึ้นมองไปทางสองคนนั้น เปิดปากพูดขึ้นว่า “เสี่ยวหยิ่งเจ้ารอข้าอยู่กับศิษย์พี่ที่นี่ ”
“ศิษย์น้องเจ้าจะไปทำอะไร”ชิงหยู่รีบถามอย่างตื่นเต้น
จูนจิ่วยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้าจะไปทำเรื่องไม่ดี”
หา
เสี่ยวหยิ่งกับชิงหยู่ยังอยู่ในอาการมึนงง ก็เห็นโม่อู๋เยว่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ยื่นมือให้กับจูนจิ่ว เหมือนเขาจะรู้ว่าจูนจิ่วจะไปทำอะไร ยิ้มอย่างชั่วร้าย “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มาเถอะ ข้าจะไปกับเจ้า ”
ระหว่างพูด หางตาของโม่อู๋เยว่ก็กวาดไปมองเสี่ยวหยิ่ง เสี่ยวหยิ่งตกใจรีบเปลี่ยนกลับไปเป็นจิ้งจอกจักรกลเช่นเดิม จะเอาแต่ใจเกินไปแล้ว