บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 428 ไม่สามารถอธิบายได้กับการซ่อนของรักไว้ในห้อง
- Home
- บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
- บทที่ 428 ไม่สามารถอธิบายได้กับการซ่อนของรักไว้ในห้อง
บทที่ 428 ไม่สามารถอธิบายได้กับการซ่อนของรักไว้ในห้อง
ยาเสริมจิตลิ่วเริ่น ยาพละกำลัง ยาสมดุล เป็นต้น ยาสิบชนิดที่แตกต่างกัน ที่เหมือนกันก็คงจะเป็นวิธีการกลั่นที่ยากมาก ต้องใช้เวลานาน การหาวัตถุดิบก็ยาก คนที่สามารถกลั่นยาพวกนี้ได้ ก็มีแต่ปรมาจารย์นักกลั่นยาเท่านั้น
แต่ปรมาจารย์นักกลั่นยา แค่คนเดียวก็ไม่สามารถจะกลั่นยาทั้งสิบเม็ดออกมาได้หมด ป้าฟางยังพูดไม่จบ นางพูดต่ออีกว่า “การกลั่นยามีเวลาจำกัด ยาหนึ่งเม็ดให้เวลาเจ้าสามวัน สิบเม็ดสามสิบวันคงเพียงพอแล้วกระมัง หลังจากนี้หนึ่งเดือนในวันเดียวกันนี้ ข้าต้องเห็นยาทั้งสิบเม็ดกลั่นออกมาเสร็จสมบูรณ์”
“ห้ามใช้กลโกงใดๆเด็ดขาด ฉะนั้น ข้าจะให้เวลาเจ้าแค่สามวันในการหาซื้อวัตถุดิบ หลังจากสามวันข้าจะไปตรวจด้วยตนเองและพาเจ้าไปที่ห้องกลั่นยา ระหว่างการกลั่นยา จะมีคนคอยส่งน้ำส่งข้าวให้เจ้าโดยเฉพาะ”ป้าฟางยิ่งพูดก็ยิ่งได้ใจ นางสามารถแน่ใจได้ว่า จูนจิ่วต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่มีใครสามารถกลั่นยาสิบเม็ดที่คุณภาพและผลการใช้ที่แตกต่างกันได้ภายในระยะเวลาแค่หนึ่งเดือน แม้จะเป็นปรมาจารย์นักกลั่นยาก็ทำไม่ได้ ตำหนักไท่หวงก็ยังไม่มีคนสามารถทำได้ จูนจิ่วยิ่งเป็นไปไม่ได้
นางต้องแพ้แน่ๆ
ส่งจูนจิ่วเข้าไปในห้องกลั่นยาปกป้องนางเอาไว้หนึ่งเดือน หลังจากหนึ่งเดือนก็ตัดสินว่านางแพ้ จากนั้นก็ส่งนางออกไป นี่มันแผนที่สมบูรณ์แบบมากๆ นางสามารถปกป้องจุนจิ่วได้สำเร็จ
“ได้ ”จูนจิ่วพับหนังสือ ยกมือขึ้นตัดบทคำพูดของพวกชิงหยู่ที่จะเอ่ยปากพูดออกมา
เงยหน้าขึ้น จูนจิ่วมองไปยังซิงโล่เฉินและหงยิงที่มีสีหน้าทั้งประหลาดใจทั้งดีใจทั้งรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ยังมีท่าทีดีใจมั่นใจของป้าฟาง จูนจิ่วยิ้มเย็น “ข้ารับภารกิจนี้ ข้าสามารถออกไปเตรียมวัตถุดิบก่อนล่วงหน้าได้หรือไม่ ”
“ได้ เจ้ามีเวลาเตรียมการแค่สามวัน ”ป้าฟางจงใจเตือนจูนจิ่วอีกครั้ง
ดูแล้วเหมือนจะมีเจตนาดี แต่ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงเจตนาร้ายอย่างเต็มเปี่ยมของนาง อย่าว่าแต่ใช้เวลาสามวันในการจัดหาวัตถุดิบของยาทั้งสิบเม็ดให้ครบเลย แค่เม็ดเดียวสองเม็ด ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าป้าฟางต้องการให้จูนจิ่วแพ้
จูนจิ่วไม่สนใจป้าฟาง หมุนตัวจากไป
เห็นดังนั้นซิงโล่เฉินก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ป้าฟาง ร่างกายข้ายังไม่หายดีขอตัวกลับไปก่อน ส่วนคาบเรียนในวันนี้ข้ารู้หมดแล้ว และไม่จำเป็นต้องเรียนอีก หงยิง ข้าสามารถสอนนางได้ไม่จำเป็นต้องถึงมือท่าน หงยิง พวกเรากลับ ”
ซิงโล่เฉินเย่อหยิ่งอวดดี ไม่รอป้าฟางตอบตกลงด้วยซ้ำ ก็โบกมือให้คนมายกเก้าอี้ จากไปพร้อมหงยิงอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้การ
ฝู้หลินซวงสายตาเย็นเยือก เขาเอ่ยขึ้นว่า “จูนจิ่วสามารถไปซื้อวัตถุดิบได้ที่ห้องยาเท่านั้น ซิงโล่เฉินกับหงยิงออกไปตอนนี้ จะต้องไปก่อกวนแน่ ”
“เช่นนั้นพวกเรารีบไปขวางพวกเขากันเถอะ ”ฝู้หลินจ้านรีบพูดขึ้น
แต่พวกเขากลับถูกป้าฟางรั้งเอาไว้ทั้งหมด กล้าไป ก็จะถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขัน พวกเขาได้แต่โมโหจนกัดฟันกรอด ในร้อนรุ่มดุจไฟเผานั่งลงฟังการสอนของป้าฟาง แต่ตลอดเวลา ไม่มีใครมีจิตใจที่จะฟังอย่างจริงจัง
พวกเขาพลางภาวนาให้จูนจิ่วสามารถหาวัตถุดิบได้ พลางก็วางแผนว่ากลับไปจะส่งพิราบสื่อสารด่วน บอกให้สำนักศึกษจื่อเซียวและไท่ชูหาวัตถุดิบที่จูนจิ่วต้องการ
ฝู้หลินซวงพูดไม่ผิด ซิงโล่เฉินมีความคิดอย่างที่เขาพูดจริงๆ
กลางทาง ซิงโล่เฉินก็สั่งหงยิง “หงยิง เจ้าเอาป้ายคำสั่งของผู้เฒ่าไปที่ห้องยา ไม่ว่ายาสมุนไพรอะไรก็ตาม ให้ปิดกุญแจให้หมดไม่ให้ซื้อขาย ภายในสามวัน แม้แต่วัตถุดิบเท่าเม็ดข้าวก็ห้ามขายออกไป คนที่ฝ่าฝืน เจ้ารู้ดีว่าต้องลงโทษอย่างไร ”
“เข้าใจแล้ว”หงยิงยิ้มชั่วร้าย นางลูบเส้ใหม่ที่เหน็บอยู่บนเอว
หงยิงพูดกับซิงโล่เฉินอีกว่า “เป็นศิษย์พี่ซิงที่คิดได้เร็ว ตอนนี้พวกเราได้ปิดการซื้อขายวัตถุดิบสมุนไพรในเมืองเทียนซูทั้งหมดแล้ว ทำให้จูนจิ่วหาอะไรไม่ได้เลย นางต้องแพ้แน่ ”
“รีบไปเถอะ ข้ายังต้องไปหานักกลั่นยาพิษเฟยชิง เขาก็สามารถช่วยได้อีกแรง ”
“ได้ ศิษย์พี่ซิงโปรดวางใจ ข้าจะเฝ้าดูด้วยตนเอง จูนจิ่วคิดจะขโมยก็ทำไม่ได้ ”หงยิงยิ้มชั่วร้าย ก้าวนำคนกลุ่มหนึ่งตรงไปในเมืองเทียนซู
แต่ว่าจูนจิ่วไม่เคยคิดว่าจะไปห้องยาของเทียนซู นางกลับไปที่ห้องของตนเอง อุ้มเสี่ยวอู่นอนลงที่นั่งพักสักงีบ หาวัตถุดิบให้ครบ นางมีช่องว่างสองที่ ที่หนึ่งคือช่องว่างของกำไลข้อมือ อีกที่คือช่องว่างระหว่างแหวน ที่ไม่ขาดเหลือเลยก็คือวัตถุดิบสมุนไพร
และพอดีเลย ที่สมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นยาสิบชนิดนี้ นางมีครบ
นอนหลับอย่างผ่อนคลายสบายใจ จูนจิ่วเพิ่งจะลืมตาตื่นขึ้น ที่เข้ามาในสายตา คือดวงตาคู่หนึ่งที่แสนจะมีเสน่ห์ของปีศาจบางตน ไม่ว่าจะมองดูเมื่อไหร่ จูนจิ่วก็รู้สึกว่าสวยงามเป็นพิเศษ ดวงตาคู่นี้ของโม่อู๋เยว่ ให้นางดูทั้งชีวิตก็ดูไม่เบื่อ
อุ้มเสี่ยวอู่ขึ้นมาแนบกับอก จูนจิ่วหาวทีหนึ่ง “อู๋เยว่ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เจ้านอนพักแล้ว”
จูนจิ่ว เอาเถอะ นางคุ้นชินเสียแล้ว โม่อู๋เยว่จะนอนเป็นเพื่อนนางก็ไม่เป็นไร
โม่อู๋เยว่ “ที่นี่อากาศหนาวเย็น ข้าได้ให้เหลิ่งยวนฝังหินไฟไว้ทั้งสี่มุมของห้องแล้ว ให้พลังทิพย์ขับเคลื่อนก็จะอบอุ่นขึ้นมา”
“เอ๋ ถึงว่าสิวันนี้ทำไมถึงได้อบอุ่นขนาดนี้ นอนหลับสบายจนไม่อยากจะตื่นขึ้นมา ลำบากเหลิ่งยวนแล้ว ”ระหว่างพูด จูนจิ่วเห็นสายตาที่โม่อู๋เยว่มองนาง มุมปากมีรอยยิ้มล้อเล่น “เอาเถอะ ขอบคุณท่านด้วย”
“แค่ขอบคุณมันไม่ค่อยจริงใจ ให้ข้าจูบเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ดีกว่า ”โม่อู๋เยว่ได้ทำให้เห็นแล้วว่าอะไรคือได้คืบจะเอาศอกอย่างสมบูรณ์แบบ
จูนจิ่วนอนนิ่งไม่ขยับ นางหรี่ตาลงมองฝ่ามือของโม่อู๋เยว่ที่วางไว้ข้างศีรษะนาง ค่อยๆโน้มตัวเข้ามา ตอนนี้เองจูนจิ่วทิ่มไปที่ก้นของเสี่ยวอู่ ‘เจ้าแมวขี้เกียจรีบตื่นเร็วเข้า ถึงเวลาที่เจ้านายต้องการกรงเล็บของเจ้าแล้ว ’
แกรก
“ศิษย์น้อง ”
ขณะเดียวกันประตูก็ถูกผลักออก ดังขึ้นพร้อมกันกับเสียงเรียกของชิงหยู่ ชิงหยู่เงยหน้าขึ้นเห็นภาพภายในห้อง เขารีบหมุนตัวปิดประตูดังปัง
จูนจิ่วกับโม่อู๋เยว่ตกอยู่ในความเงียบ หูได้ยินเสียงชิงหยู่กำลังห้ามมู่จิ่งหยวน กับพวกฝู้หลินจ้าน ชิงหยู่น้ำเสียงร้อนรนกระวนกระวาย “แฮะแฮะ ตอนนี้ศิษย์น้องไม่ค่อยสะดวก พวกเราค่อยมากันใหม่ดีกว่า ”
จูนจิ่ว:……
โม่อู๋เยว่ยิ้ม “ชิงหยู่ยังนับว่าสายตาดี”
เก็บสายตากลับมา จูนจิ่วมองเห็นโม่อู๋เยว่ตอนนี้เข้าใกล้นางมากขึ้นทุกที บวกกับสถานที่ที่เป็นเตียง นางนอนหลับไปหนึ่งตื่นเสื้อผ้าก็ไม่ได้เรียบร้อยนัก พอมองแบบนี้ ใครก็คงจะคิดว่าพวกเขาทำเรื่องอะไรที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้
มุมปากกระตุก จูนจิ่วร้องเรียกด้วยสีหน้าเย็นชา “เสี่ยวอู่ เตะเขา”
“เจ้าคนหื่น เจ้าคิดจะทำอะไรกับเจ้านายข้าเหมียว”เสี่ยวอู่นอนอยู่ที่หน้าท้องของจูนจิ่ว ขาทั้งสี่ข้างเตะไปยังโม่อู๋เยว่อย่างดุร้าย แต่เมื่อโม่อู๋เยว่ยื่นมือออกไป จับไปที่ต้นคอของเสี่ยวอู๋อย่างแม่นยำแล้วลากมันขึ้นมา
เสี่ยวอู่ยิ่งโมโห “เหมียว ปล่อยข้านะ”
“เสี่ยวอู่ ที่จูนจิ่วเรียกให้เจ้าเตะข้าเป็นการหยอกล้อประสาคนรักเท่านั้น ไม่ได้ให้เจ้าเตะจริงๆ เข้าใจหรือไม่ ”
จูนจิ่ว ??
เสี่ยวอู๋ ??
หน้าเล่า โม่อู๋เยว่ท่านหน้าหนาเสียยิ่งกว่ากำแพงแล้ว
ลุกขึ้นผลักโม่อู๋เยว่ออก จูนจิ่วสีหน้าเย็นชาเดินไปจัดระเบียบเสื้อผ้าหลังฉากกั้น ตอนที่นางออกมาอีกครั้ง ยังคงเห็นโม่อู๋เยว่ที่นั่งอยู่บนเตียงของนางไม่ขยับไปไหน จูนจิ่วกุมขมับ “ข้าจะเปิดประตูแล้ว ถ้าท่านยังไม่ไป ข้าไม่สามารถอธิบายเรื่องซ่อนของรักไว้ในห้องว่าที่แท้มันเรื่องอะไรกันแน่ ”
“ซ่อนของรักไว้ในห้อง ข้าชอบการเปรียบเปรยเช่นนี้ ”โม่อู๋เยว่ยิ้มร้าย
เขาหายตัวด้วยความเร็ว เฉียดใบหน้าของจูนจิ่วไปเบาๆอย่างอ่อนโยน เมื่อลมเบาๆนั้นสงบลง ในห้องก็ไร้เงาของเขาแล้ว จูนจิ่วจับไปที่บริเวณที่โม่อู๋เยว่จูบเมื่อครู่ จากนั้นก็หันไปเปิดประตู