บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 441 ไม่สบายใจก็กิน ปฏิเสธความรักที่ให้มา
แควก
ฟู่ เลือดสดพุ่งทะลัก ย้อมกรงเล็บของเสี่ยวอู่จนเป็นสีแดง จากนั้นเสี่ยวอู่ก็กัดเข้าไปที่คอของอินทรีหัวเสือดาวสามตาอย่างแรงอีกครั้ง ค่อยถอยห่างออกมา กรงเล็บเมื่อครู่ เสี่ยวอู่ข่วนจนดวงตาของอินทรีหัวเสือดาวสามตาบาดเจ็บเสียหาย
แต่เสียดายที่ข่วนจนเสียหายไปนั้นเป็นแค่ดวงตาธรรมดาสองข้างนั้น ดวงตาที่มีพลังพิเศษรีบปิดลงและหลบกรงเล็บไปได้
เจ็บปวดจนเกิดอาการคลั่ง อินทรีหัวเสือดาวสามตาเอาแต่ร้องคำรามไม่หยุด มันเกิดอาการบ้าคลั่งขึ้นจนไม่ได้สนใจพวกจูนจิ่ว เอาแต่ไล่ฆ่าเสี่ยวอู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
ชิงหยู่ที่อยู่ด้านล่างยังไม่ทันได้ใช้มีดฟันกรงเล็บของอินทรีหัวเสือดาวสามตา เห็นอินทรีหัวเสือดาวสามตาคลั่งขึ้นมา ก็รีบหมอบลงกับพื้นเพื่อหลบมัน
ปีคู่นั้นของมันได้รับบาดเจ็บหนัก อินทรีหัวเสือดาวสามตาบินไม่ได้ กรงเล็บข้างหนึ่งก็มีบาดแผล วิ่งกะเผลกชนซ้ายชนขวาอยู่ในป่า ไม่สนใจทะเลเพลิง และสิ่งกีดขวางใดๆ อินทรีหัวเสือดาวสามตาจ้องเขม็งแต่เสี่ยวอู่
เสี่ยวอู่นั้นเร็วกว่าอินทรีหัวเสือดาวสามตาอยู่มาก มันแกล้งวิ่งแล้วหยุดเป็นระยะด้วยเจตนาชั่วร้าย กวักกรงเล็บเพื่อท้าทายอินทรีหัวเสือดาวสามตา หรือบางทีก็คาบกิ่งไม้หักทุบไปที่ตัวมัน ทำเอาอินทรีหัวเสือดาวสามตาโกรธจนร้องคำรามอย่างบ้างคลั่ง พลังโจมตีที่ดวงตาระหว่างคิ้วยิ่งดุร้ายขึ้น
ชิงหยู่พูดว่า “เสี่ยวอู่จะไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
จูนจิ่วยิ้มเย็น พูดว่า “อินทรีหัวเสือดาวสามตาตามเสี่ยวอู่ไม่ทัน พวกเราบุกเข้าไปกันเถอะ เห็นรอยแผลที่คอของอินทรีหัวเสือดาวสามตาหรือยัง ทุกคนโจมตีตรงจุดนั้น ถ้าคิดว่าเป้าหมายตรงนั้นมันเล็กไป ก็ให้มุ่งไปที่การตัดคอมันให้ขาด แต่ก็ต้องระวังตัวไว้ด้วย อย่าให้ดวงตาที่สามของมันทำร้ายเอาได้”
“ได้”
“ไม่มีปัญหา”
“ฆ่าอินทรีหัวเสือดาวสามตา นี่มันเรื่องที่น่าภูมิใจที่สุด พวกเราลุย”
ไหวตัว พวกเราใช้ความเร็วพุ่งเข้าหาอินทรีหัวเสือดาวสามตาอีกครั้ง
มีเสี่ยวอู่ที่ปราดเปรียว และเป็นเป้าความแค้นที่ทั้งตรงและแน่วแน่ อินทรีหัวเสือดาวสามตาไม่สนใจพวกจูนจิ่วแม้แต่น้อย ฉะนั้นตอนที่อินทรีหัวเสือดาวสามตารับรู้ได้ถึงอันตรายนั้น ก็สายไปเสียแล้ว
ฟู่
เลือดสดพุ่งออกมาดุจน้ำพุ ทุกคนต่างโจมตีพร้อมกัน ตัดฉับไปที่คอของอินทรีหัวเสือดาวสามตาจนขาดสะบั้นลง หัวกับตัวขาดจากกัน ดวงตาที่สามระหว่างคิ้วของอินทรีหัวเสือดาวสามตายังทำการโจมตีครั้งสุดท้าย ลำแสงถูไปกับพื้นไกลหลายร้อยเมตร เหลือไว้เพียงร่องลึกที่ถูกเผาไหม้จนเกรียม
ปัง
ร่างใหญ่มหึมาของมันกระแทกลงกับพื้น ทำให้เกิดความสั่นไหวไปทั่ว ร่างของอินทรีหัวเสือดาวสามตาชักกระตุกอยู่เป็นเวลาเกือบหนึ่งก้านธูปจึงสงบนิ่งลง
หิมะโปรยปรายลงบนกองเลือดขนาดใหญ่ แค่พริบตาเดียวก็หายวับไป
แผละ ชิงหยู่เดินเหยียบกองเลือดเข้ามา “ฟู่ ไม่คิดว่าจะสามารถฆ่าอินทรีหัวเสือดาวสามตาได้ง่ายดายเช่นนี้ นี่มันง่ายกว่าที่ข้าคิดไว้มากเลย”
“เหมียว นี่มันความดีความชอบข้าทั้งนั้น ”เสี่ยวอู่ชูคอเชิดอกอย่างภูมิใจ
“ใช่ เสี่ยวอู่ทำได้ดีมาก สมควรได้รับการชื่นชม ป้าบๆๆ”ฝู้หลินจ้านปรบมืออย่างแรง สัตว์ทิพย์อย่างเสี่ยวอู่ เขาเองก็อยากจะได้สักตัว
ฝู้หลินซวงพยักหน้า ชื่นชมผลงานของเสี่ยวอู่เช่นกัน มู่จิ่งหยวนพูดว่า “ลำบากเสี่ยวอู่แล้ว กลับไปจะมอบปลาแห้งให้เจ้าดีหรือไม่”
เมื่อก่อนเสี่ยวอู่นั้นไม่รับปลาแห้งของคนแปลกหน้า รวมถึงมู่จิ่งหยวนด้วย แต่ตอนนี้คุ้นเคยกันแล้ว เสี่ยวอู่รีบพยักหน้ารับอย่างดีใจ เห็นท่าทีของมันแล้ว เหมือนกำลังจะบอกว่า ‘ความคิดนี่ดี ข้าจะรับน้ำใจเอาไว้ก็แล้วกัน’ทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะขำ
เสี่ยวอู่เดินเข้ามา ค่อยๆหดตัวลงจนมีขนาดเท่ากับปกติ สุดท้ายก็เดินไปร้องอ้อนเหมียวๆอยู่ที่ขาของจูนจิ่ว
หากไม่ได้เห็นเองกับตา ทุกคนก็คงไม่เชื่อ แมวที่แสนจะน่ารักตัวนี้ จะเป็นนักล่าที่ไล่ฆ่าไปทั่ว เป็นแมวตัวใหญ่น่าเกรงขามที่ใช้กลอุบายหลอกล่ออินทรีหัวเสือดาวสามตาจนหัวปั่น ช่างแตกต่างกันลิบลับ แต่ว่าก็ยังคงน่ารักอยู่ดี
จูนจิ่วเอาน้ำให้เสี่ยวอู่หนึ่งกา ให้มันไปล้างกรงเล็บที่เปื้อนเลือดให้สะอาด
สองมือกอดอก จูนจิ่วพิจารณาศพของอินทรีหัวเสือดาวสามตาอย่างเย็นชาเงียบขรึม นางพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “พวกเจ้าหิวหรือยัง”
เอ๋
ถามพวกเขาว่าหิวหรือไม่อย่างกะทันหัน จะทำอะไรกันแน่
จูนจิ่วไม่รอให้พวกเขาตอบ ก็พูดต่อว่า “อินทรีหัวเสือดาวสามตาดูแล้วเหมือนนกมาก ปีกทอด กรงเล็บทอดกรอบ ผัดเนื้อน่องอินทรี ย่างกระดูกอินทรีหม่าล่า ซุปเนื้ออกอินทรี……”
จูนจิ่วพูดเร็วมาก แต่อย่างน้อยก็มีวิธีกินไม่ต่ำกว่าสามสิบชนิด พูดจบแล้ว จูนจิ่วก็เหลือบมองพวกเขา “พวกเจ้าอยากกินอะไร”
ทุกคนต่างเงียบเหมือนไก่ รู้สึกกลัวจนตัวสั่น
นี่จูนจิ่วโกรธเคืองอินทรีหัวเสือดาวสามตามากขนาดไหนกัน ถึงได้เอ่ยรายการอาหารมากมายทั้งที่เพิ่งจะฆ่ามันตาย นี่แสดงว่าคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
น่ากลัว แต่ก็ยังคงมีความคิดชวนน้ำลายไหลอยู่บ้าง
ชิงหยู่กระซิบว่า “ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ ฝีมือทำอาหารของศิษย์น้องนั้นดียิ่งกว่าเทพแห่งพ่อครัว ทำอะไรก็อร่อยไปหมด”
พวกมู่จิ่งหยวน น้ำลายไหลยืดยิ่งกว่าเดิม
เสี่ยวอู่ล้างกรงเล็บเสร็จแล้วเดินกลับมา ยกอุ้งเท้าสวยงามขึ้นมาและพูดว่า “ข้าจะกินปีกนกทอด ย่างกระดูกอินทรีหม่าล่า”
“ได้”ยิ้มขึ้น จูนจิ่วหันไปพูดกับพวกชิงหยู่ “เก็บมีดดาบที่ใช้ฆ่าคนของพวกเจ้าซะ มาเอามีดเล็กที่ข้า ตัวเองอยากจะกินอะไร ก็ไปแล่ออกมา แล้วเอามาให้ข้าทำ”
“แล้วต้องการให้พวกเจ้าไปหาเครื่องเทศเครื่องปรุงหรือไม่ ”ฝู้หลินจ้านเอ่ยพลางเช็ดน้ำลาย
จูนจิ่ว “ไม่ต้อง ข้ามี”
ต่อมา ทุกคนต่างเห็นภาพที่น่ามหัศจรรย์ใจ ราวกับจูนจิ่วซ่อนช่องว่างแสนวิเศษเอาไว้ ต้องการอะไรก็มีหมด ถ้วยชามกะละมังมีดเขียง ล้วนเอาออกมาหมด และเริ่มลงมือทำกับข้าวใกล้กับศพของอินทรีหัวเสือดาวสามตา
พลางดมกลิ่นหอมของอาหารที่ชวนน้ำลายสอ กระทั่งสายตายังเป็นกาย พลางก็สงสัยไม่เข้าใจ “จูนจิ่วไปเอาของพวกนี้มาจากไหนกัน”
“ไม่รู้”ฝู้หลินซวงก็ประหลาดใจ
ชิงหยู่ได้ยินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสี่ยวหยิ่งส่งสัญญาณเสียงออกมาอย่างลับๆ จึงได้เอ่ยอธิบายว่า “นี่เป็นของล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่ศิษย์น้องได้มาจากสุสานของอ๋องเซ่หยิ่ง สามารถจัดเก็บสิ่งของได้ แต่ก็เล็กไปหน่อย เก็บได้แค่พวกอาการกับยาเท่านั้น”
พวกเขาเข้าใจขึ้นมาในทันใด ต่างพยักหน้าเข้าใจ
แต่หลังจากนั้นต่างก็จ้องมองไปยังชิงหยู่เขม็ง เพราะมีเซ่หยิ่งที่เขากำลังขัดถูอยู่ เข้าในความสงสัยของทุกคน ชิงหยู่อธิบายเองว่า “ศิษย์น้องใช้ดาบไม่ใช้มีด ฉะนั้นนางเลยมอบมีดเซ่หยิ่งให้ข้า”
เฮือก
ทั้งสามคนต่างสูดลมหายใจเข้า มองชิงหยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา ศิษย์น้องที่ดีขนาดนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยเจอมาก่อนเลย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็อยากจะร้องไห้จริงๆ
ชิงหยู่พูดต่อว่า “ศิษย์น้องรู้ว่าเทียงฉิวคอยจับจ้องนางอยู่ จึงไม่ได้บอกกับใคร ทำเช่นนี้ถือว่าออมมือไว้ เพื่อเป็นอาวุธที่ใช้ยามฉุกเฉินในการฆ่าเทียงฉิว ”
“เข้าใจแล้ว วางใจเถอะ พวกเราจะไม่แพร่งพรายออกไป”มู่จิ่งหยวนพูดยิ้มๆ
“อืม ”ชิงหยู่ตอบรับ ขณะที่จูนจิ่วเอาของออกมาจากช่องว่างของกำไลข้อมือต่อหน้าพวกเขา ก็แสดงว่าจูนจิ่วไว้ใจพวกเขาแล้ว ฉะนั้นชิงหยู่จึงค่อยๆบอกความลับออกมาทีละนิด เพื่อแสดงความเชื่อใจของเขา
“ทำเสร็จแล้ว”จูนจิ่วเพิ่งพูดจบ พวกชิงหยู่ก็ใช้ความเร็วดุจกำลังเอาชีวิตรอดพุ่งเข้าไป
เสี่ยวอู่สะดุ้งตกใจกระโดดยืนขึ้นกางกรงเล็บ“ด้านหลังนี้เป็นของเหมียวทั้งหมด อย่ามาแย่งกับเหมียว”
จูนจิ่ว “รอก่อน ก่อนกินอาหารพวกเราต้องรอคนอีกสองคน”
“ใคร ”ทุกคนถามขึ้นอย่างประหลาดใจ มีเพียงชิงหยู่ที่พอจะเดาออกว่าเป็นใคร รีบก้มหน้าเลือกของที่ตัวเองอยากกิน เทียบกับความรักที่จะได้มา เขาเลือกอาหารเลิศรสดีกว่า ไม่สบายใจก็กิน ปฏิเสธความรักที่เขาให้มา